Categories
Sport

“พ่อย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก”  

บุรีรัมย์ปล่อย ศุภโชค “พ่อย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก”  

นับตั้งแต่ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ จบลงเมื่อต้นปี ข่าวลือว่า ศุภโชค สารชาติ จะย้ายไปเล่นในเจลีกก็ลือหึ่งขึ้นมาทันที กระทั่งในท้ายที่สุด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมเก่าของ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ได้กระชากเจ้าเช็คไปจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน ซึ่งในดีลนี้ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์เล็กๆที่พ่อเนวินยอมปล่อย เพราะตัวนักเตะถือเป็นตัวหลักคนสำคัญของทีม

หากย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน สโมสรจากไทยเริ่มส่งออกนักฟุตบอลไปยังเจลีกแบบเหมาเข่ง เพาะด้วยโควต้าอาเซียนที่เจเอฟเออนุมัติขึ้น แต่สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ลั่นวาจาไว้อย่างชัดเจนว่า “ถ้าจะปล่อยนักเตะไปเล่นต่างประเทศ ต้องเป็นยุโรปเท่านั้น” การปล่อยไปเล่นลีกอื่นเอเชียไม่ขอปล่อย เพราะอยู่ที่บุรีรัมย์ก็เป็นระดับเอเชียได้ ซึ่งจากการลั่นวาจาแบบนี้ มันสื่อให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพของทีม แต่จากภาพจริงที่ปรากฏในช่วง 3-4 ปีหลัง บุรีรัมย์ ได้ถูกคู่แข่งในลีกเบียดแย่งความสำเร็จไป กระทั่งการไปลุย ACL รอบแบ่งกลุ่ม เริ่มจะเหินห่างไป แล้วแน่นอนว่าความหวังที่จะส่งนักเตะไปเล่นในลีกยุโรป ย่อมเลือนลางจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ 

เมื่อปีที่แล้วหากใครยังจำกันได้ บุรีรัมย์  ได้ยอมกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการปล่อย ศศลักษณ์ ไหประโคน ไปอยู่กับ ชนบุค ฮุนไดมอเตอร์ ในเคลีก เกาหลีใต้ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งการปล่อยตัวในครั้งนั้น ดูจะไม่กระทบต่อทีม เพราะด้วยระบบทีมที่ใช้หลัง 3 อย่างไรเสียการไปอยู่กับยอดทีมแห่งแดนโสม เจ้าพี ต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บและดูเหมือนจะไม่เข้ากับสไตล์บอลที่เน้นพละกำลังเท่าไร ต่างจากกรณีของ ศุภโชค ที่เป็นตัวหลักและไม่มีใครทดแทนได้ ฉะนั้นการปล่อยตัวออกไป ถือว่าสะเทือนต่อแนวรุกของ บุรีรัมย์ พอสมควร

ถึงตรงนี้หลายคนจึงมีคำถามว่า ทำไมพ่อเนวินถึงเลือกปล่อยเจ้าเช็คไป คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ ที่เป็นทีมกลางตารางของเจลีก คำตอบที่อาจจะบอกได้ คือ ลุงเนได้เห็นถึงพัฒนาการของนักเตะไทยที่ได้ไปเล่นในลีกญี่ปุ่น ไล่ตั้งแต่ ชนาธิป ที่สเต็ปการเล่นทุกกระบวนท่า

รวดเร็วกว่านักเตะในไทยลีก หรือเจ้าอุ้ม ธีราทร ที่พึ่งย้ายกลับมา ก็ได้เห็นถึงความฉมังของลูกฟุตบอลที่ออกจากเท้า แล้วเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมทีม ฉะนั้นเมื่อลุงเนเห็นเช่นนี้แล้ว การส่งลูกในไส้ของตัวเองไปพัฒนาฝีเท้าที่นั่น ย่อมเป็นผลดีต่อตัวนักเตะและทีมชาติ หรือหากในอนาคตถูกซื้อขาดไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่ บุรีรัมย์ จะต้องเสียใจ

เพราะถ้านักเตะจะกลับไทยในอนาคต ปราสาทสายฟ้าย่อมได้เปรียบตรงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นและเม็ดเงินที่พร้อมจ่าย มิหนำการได้ลูกหม้อของตัวเองคืนถิ่น มันยังมาพร้อมกับฝีเท้าที่ก้าวไปอีกขั้นด้วย ฉะนั้นหากมองดีๆ บุรีรัมย์ ไม่เสียหาย แถมได้เงิน (กรณีถูกซื้อขาด) และเป็นการซื้ออนาคตแบบทางอ้อม

สุดท้ายการปล่อยตัว ศุภโชค ในครั้งนี้ อาจเป็นแผนงานส่วนหนึ่งที่ อิชิอิ และทีมงาน มีส่วนในการตัดสินใจ มีคอนเน็คชั่นกับเจ้าของทีมในเจลีก จนทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นเร็ว แล้วมีความสบายต่อลุงเน ศุภโชค และ คอนซาโด่เล่ ในแง่ที่ว่าจะได้รับการดูแลและพัฒนาฝีเท้าแบบคนคุ้นเคย ซึ่งแน่นอนว่ามันมีผลให้ตัวนักเตะไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนานอีกด้วย

ติดตาม Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“สิงห์พลิกนรก”

ท่าเรือ ไม่ยอมตาย รัวแซง โคราช 3-2 เก็บ 3 แต้ม

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 ในโปรแกรมของวันอาทิตย์ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่กลับมาจากเกาหลีใต้ หลังจากบุกไปแพ้ อุลซาน ใน ACL 2022 รอบเพลย์ออฟ จะต้องเปิดบ้านพบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ผลงานดำดิ่งสุดๆ จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-3-3 ส่วนทีมเยือนของของกุนซือรุ่นดึกอย่าง แบล็คเวลส์ ยังยืนระบบ 4-2-3-1 ตามเดิมไปก่อน

      ในช่วงต้นเกมเกือบมีจุดเปลี่ยนจากประตูนำของ นครราชสีมา แต่สุดท้ายถูก VAR ซึ่งตรงจุดนี้ถือเป็นการช่วยชีวิต การท่าเรือ เพราะรูปเกมยังไม่มีความต่อเนื่อง กระนั้นเกมของสิงห์เจ้าท่าก็ยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะการขึ้นบอลผ่านกลางสนาม ที่ต้องอาศัยการวางบอลจากหลังสู่หน้าเป็นหลัก นั่นจึงทำให้โอกาสเข้าทำถูกตัดทอนและมีลุ้นน้อย ส่วนทางฝั่งโคราช มีลุ้นแบบสุดๆก็แค่จังหวะที่ยิงได้และถูกริบคืน เพราะที่ไม่สามารถต่อบอลทำเกมรุกเพื่อกดดันเจ้าบ้านได้

ครึ่งหลังรูปเกมของ การท่าเรือ ยังไม่ดีขึ้น แล้วมาพลาดจาก สตูเบิ้ล ที่ไม่ขยับดันไลน์ขึ้นมา ทำให้ไม่ล้ำหน้าและ อ็อคตาร่า เข้าไปยิงให้ โคราช นำ 0-1 ไม่เพียงเท่านั้น สวาทแคทมาได้ประตูเพิ่ม 0-2 จากการเก็บบอลกลางสนามของ อ็อคตาร่า ก่อนจะลากและจ่ายให้ ชินทาโร่ เข้าไปชิบ ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นแสดงความผิดพลาดอีกแล้ว อีกทั้งการโดนยิงทิ้งห่างในรูปเกมแบบนี้ การกลับมานับว่ายากยิ่ง ถึงกระนั้น การท่าเรือ จังหวะดีที่มาได้ประตูตีตื้น 1-2 เร็ว จาก โรเชล่า ที่วิ่งมาดีดบอลเข้าเสาแรก แล้ว พิศาล ประมาทไปหน่อย จากนั้นกลายเป็นทีมเยือนเสียเองที่เริ่มจะตื่นตระหนกและมีความผิดพลาด จนโดนยิงตีเสมอ 2-2 สุดท้ายความดราม่าขั้นสุด คือ ทีมเยือนเริ่มตั้งสติได้ แต่ดันมาโดนลูกยิงไกลของ บดินทร์ เป็น 3-2     

      บทสรุปจากเกม การท่าเรือ เอฟซี ออกสตาร์ทด้วยการเฉื่อยชาและมีความผิดพลาด แต่ด้วยความโชคดีที่ประตูตีตื้นมาเร็ว แถมคู่แข่งพลาดและมีดวง ทำให้ทั้งหมดได้ผสมกันจนกลายเป็น 3 แต้ม แบบเฮงๆ ซึ่งในมุมหนึ่งก็น่าดีใจ แต่ในอีกมุมก็ไม่ควรปล่อยผ่าน เพราะนี่คือปัญหาที่ทำให้ทีมต้องล้มเหลวมาตลอด ส่วน นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เล่นดีกว่าเล็กน้อย แล้วต้องอยู่นานกว่าจะได้ประตูนำ กระนั้นด้วยความประมาทส่วนบุคคลและในแผงเกมรับ มันก็มีผลให้พวกเขาต้องโดนยิงตีเสมอ แถมมาโดนยิงแบบสุดปัญญาจะป้องกัน ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว การกลับบ้านมือเปล่าถือเป็นโชคร้ายของสวาทแคท เพราะจากรูปเกมที่ปรากฏ การเสมอกันนับว่ายุติธรรมที่สุด

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover