Categories
Uncategorized

รับเยอะจนโดนแบ่งแต้ม

การท่าเรือ เอฟซี เกือบแย่ ก่อนเร่งเครื่องครึ่งหลัง

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 18 โปรแกรมวันศุกร์ 1 คู่ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานยังลุ่มๆดอนๆบริเวณกลางตาราง จะต้องพบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ทีมกลางตารางที่ผลงานดี ซึ่งใครที่ได้เจอจะต้องระวังพิษสงของทีมนี้ไว้ให้ดี สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-3-1  ส่วนทีมใช้ผัง 4-4-2

ในช่วง 20 นาทีแรก จัดว่าเป็นเกมที่น่าอึดอัดของเจ้าบ้าน เพราะเมื่อเจอเกมรับลึกและมีวินัย พวกเขาไม่สามารถเจาะได้ กระนั้นจังหวะเหน่งๆ 2 ครั้งซ้อน ที่เจาะทางฝั่งขวา ก็ไม่สามารถยิงนำได้เพราะยิงไม่ดีเอง จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป การท่าเรือ ตื้อจนบุกไม่ขึ้น กลับกัน โปลิส เทโร ดูเหมือนจะเป็นรองที่เล่นเกมรับ

แต่สวนขึ้นมาแต่ละครั้งเป็นหมัดที่หนัก กระทั่งมาได้ประตูนำ 0-1 จากการยิงนอกกรอบ ซึ่งในจังหวะนี้แนวเจ้าถิ่นพลาดที่ถอยลงไปปิดพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษ แต่เปิดพื้นที่หน้ากรอบให้ได้ส่องไกล แล้วดันแม่นพอดี ไม่เพียงเท่านั้น ลูก 0-2 เป็นลูกสูตรที่เตรียมมา ทำให้แนวรับสิงห์เจ้าท่าได้แต่ยืนมองและไม่ได้ขยับตาม

15 นาทีแรกของครึ่งหลัง การท่าเรือ ยังไม่มีวี่แววจะยิงประตูได้ เพราะแม้แต่การสร้างจังหวะเข้าทำยังยาก เนื่องจากแนวรับทีมเยือนถอยรับแบบเต็มพิกัด กระทั่งนาทีที่ 60 ไล่ตีตื้น 1-2 จากลูกฟรีคลิก กระนั้นเกมรุกของสิงห์เจ้าท่า

ก็ไม่ได้ทะลุทะลวงไปจากเดิมและยังคงต้องเน้นการจบสกอร์จากนอกกรอบ กระนั้นในนาทีที่ 77 การท่าเรือมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากการสาดบอลหน้าบ้านตัวเอง แล้วมีการโหม่งชงและยิงเข้าไป โดยจังหวะนี้แนวรับเทโรยืนหลวม จากนั้นพวกเขากลับมาเล่นเกมรุก แต่หลังลอยจนเกือบโดนยิงแซงอยู่เหมือนกัน

บทสรุปจากเกม การท่าเรือ เอฟซี มีฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยดีในครึ่งแรก โดยเกมรุกเจาะไปถึงแดนสุดท้ายได้น้อย กระนั้นโอกาสเหน่งๆก็มี แต่ดันยิงไม่เฉียบคมเอง อีกทั้งเกมรับไปเปิดพื้นที่ให้ส่องไกล และมิวายยังมาโดนลูกสูตรจนเสียประตูที่ 2 อย่างไรเสียก็ต้องบอกว่าลูกฟรีคลิกที่ยิงไล่มา 1-2 ถือเป็นจุดเปลี่ยนโมเมนตัมให้สิงห์เจ้าท่าที่กำลังตื้อๆ

ได้มีฮึดกลับมาสู้และแบ่งแต้มได้สำเร็จ ขณะที่ โปลิส เทโร เอฟซี ครึ่งแรกวางเกมรับแน่นหนาและรอสวนกลับด้วยการวางลูกยิงไกลกับตั้งเตะไว้เป็นทีเด็ด ซึ่งผลที่ออกมาถือว่าเกินคาด กับการยิงได้ 2 ประตู อย่างไรเสียใน 45 นาทีหลัง พวกเขารับมากเกินไป ทำให้โดนนวดจนเสียประตู มิหนำยังเกือบโดนยิงแซง ซึ่งยังโชคดีที่คู่แข่งไม่คมเอง

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Uncategorized

บทบาทเฮดโค้ช

แมตต์ สมิธ “ถูกที่ แต่(อาจ)ผิดเวลา”

ผลงานของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ว่าการเปลี่ยนจาก เทกุระโมริ มาเป็น แมตต์ สมิธ คือ การตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะในยุคของกุนซือชาวญี่ปุ่น ทีมอยู่กลุ่มหัวตาราง

มีจุดเด่นตรงการเล่นในบ้าน แม้ผลงานนอกบ้านจะไม่ดี กลับกันในยุคของกุนซือชาวออสเตรเลีย แค่เอาชนะยังเป็นเรื่องยาก กระนั้นการโทษที่ตัวโค้ชอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกนัก เพราะมันมีหลายปัจจัยที่ทำให้เป็นเช่นนี้ รวมถึงประสบการณ์ของเจ้าตัว

นักเตะบาดเจ็บ

อย่างแรกต้องว่ากันตามตรง คือ นักเตะตัวหลักเจ็บ ซึ่งมันมีมากถึง 10 กว่าราย นั่นจึงเท่ากับว่าตัวจริงจะหลงเหลือเพียงไม่กี่คน รูปแบบการเล่น หรือการวางแท็กติก ต้องเปลี่ยนไป และท้ายที่สุด คือ ศักยภาพของทีมย่อมลดลงไป ฉะนั้นมันจึงเป็นงานที่ยากมากๆของ แมตต์ สมิธ ในการใช้นักเตะที่ศักยภาพด้อยลง แล้วคาดหวังว่าผลงานจะต้องอยู่ในระดับเดิม เพราะแม้แต่กุนซือที่มีประสบการณ์ ก็มีทั้งแก้ได้ หรือล้มเหลวไปเลยก็มี

ขนาดทีม กับ ศักยภาพโค้ช ไม่สอดคล้องกัน

บีจี ปทุม ยูไนเต็ดเป็นทีมใหญ่ในลีกไทยอย่างไม่มีใครต้องสงสัย อีกทั้งตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา พวกเขาได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาทัดเทียม บุรีรัมย์ ด้วยการเสริมนักเตะตัวท็อปเข้ามา ซึ่งการเอา แมตต์ สมิธ เข้ามา บอร์ดบริหารอาจมองถึงโมเดลเมื่อปี 2020 ที่เอาโค้ชโอ่ง มาคุมทีมด้วยแท็กติกที่ไม่ซับซ้อน แล้วเสริมนักเตะดีๆให้

กระนั้นการเอา แมตต์ สมิธ มาคุมทีม มันเป็นโมเมนตที่ต่างออกไป เพราะขุมกำลังนักเตะบาดเจ็บ 10 กว่าราย แถมนักเตะนักตัวหลักก็มีอายุ และการเสริมเข้ามาใหม่ก็มีคุณภาพที่ต่ำลง ขณะที่เดียวกัน แมตต์ สมิธ เป็นโค้ชที่พึ่งเลิกเล่นฟุตบอลได้ไม่นาน ประสบการณ์น้อย ไม่เคยคุมทีมใหญ่ และถึงแม้ว่าผู้บริหารจะบอกว่าสามารถรอ แมตต์ สร้างทีมขึ้นมาใหม่ได้ แต่ในเมื่อตัวเองย้ำแล้วย้ำอีกว่าแนวทาง คือ ธุรกิจฟุตบอล การปล่อยให้ทีมผลงานแย่ แฟนบอลลดลง ของขายไม่ได้ บอร์ดบริหารย่อมไม่ปล่อยให้ไปถึงจุดนั้นอีกแน่ๆ สุดท้ายถ้าผลงานไม่ดี ยังไงกระต่ายแก้วต้องเปลี่ยนโค้ชแน่นอน

แมตต์ สมิธ ยังมือไม่ถึง

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มีวัฒนธรรมในการใช้โค้ชแบบระยะสั้นเหมือนเชลซี ฉะนั้นหากต้องการสร้างทีมด้วยตัวผู้เล่นที่เป็นเด็ก ก็จำเป็นจะต้องหาโค้ชที่พอมีประสบการณ์ในระดับหนึ่งและต้องการพิสูจน์ตัวเองในระดับสูง มิใช่เลือกโค้ชมือใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านงาน

เพราะสุดท้ายสโมสรเสียหาย ผลงานไม่ดี ขณะที่โค้ชก็เสียความมั่นใจและประวัติการทำงาน กลับกันหาก แมตต์ ทำงานโค้ชมาแล้วกับทีมอื่น และผลงานดี การเข้ามาคุมทีมอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Uncategorized

“ได้คนละแผล”

หนองบัวได้ก่อน ราชบุรีไม่ยอม สุดท้ายจบแบบมิตรภาพ 1-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 28 ในโปรแแรมวันเสาร์ ณ สนามพิชญ สเตเดี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ตอนนี้มีลุ้นทำอันดับติดโควต้า ACL จะต้องพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ขอแค่เก็บสักแต้ม ก็น่าจะอยู่รอดปลอดภัยแบบ 100% สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-2-3-1 ตามเดิม ส่วนทีมเยือนวาง 4-4-2 มาเอาแต้ม

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น หนองบัว พิชญ พยายามใช้ไม้เด็ดที่ตัวเองมี คือ การใช้ลูกตั้งเตะหรือโยนจากด้านข้างไปให้ แฮร์มิลตัน โขก แต่แนวรับทีมเยือนประกบชิดจนแนวรับแนวรุกชาวบราซิลเล่นไม่ถนัด กระทั่งพิษสงไม่คลายออกมา ส่วน ราชบุรี บอลที่เจาะเข้าไปในแดนคู่แข่งจะเริ่มต้นที่ริมเส้น จากนั้นจะมี 2 วิธี คือ ค่อยๆลัดเลาะจากข้างเข้าไปแต่ไม่ได้จบ กับหาทางจ่ายยัดหรือแทงให้ 2 กองหน้า แต่จังหวะจบสกอร์ค่อนข้างห่างไกลประตู เพราะมันไม่ใช่การจ่ายแล้วหลุดเดี่ยว หรือทำให้บอลใกล้ประตู

ครึ่งหลัง หนองบัว พยายามจะใช้ลูกโยนเล่นงานคู่แข่ง แต่ก็ยังไม่มีจังหวะแบบเหน่งๆ กระทั่งในนาทีที่ 59 หนองบัว พิชญ ขึ้นนำ 1-0 จากการโต้กลับ ซึ่งต้องชม แฮร์มิลตัน ที่เบียดแย่งบอลชนะ ปวีร์ ก่อนจะไหลและข้ามหลอกให้ตัวไกลเข้ามายิง ส่วนการป้องกันของทีมเยือนถือว่าทำได้ดีแล้ว แต่พอเจอลูกข้ามหลอกแบบนั้น ยังไงก็ต้องโดนยิง อย่างไรเสียไล่หลังเพียงไม่กี่นาที ราชบุรี มาตามตีเสมอ 1-1 จากการไปฉกบอลจากเท้าของผู้เล่นเจ้าบ้าน ก่อนจะไหลบอลมาถึง ล็องจิล ที่อยู่เสาด้านไกล ซึ่งทำได้แค่ยิงอัดแบบไม่มีทางเลือกเพราะมุมมีน้อย กระนั้นด้วยแรงและเหลี่ยมบอลมันกระดอนเข้าประตูไป จากนั้นในอีก 20 นาทีสุดท้าย ทั้ง 2 ทีมต่างหาโอกาสแลกหมัดกัน โดยพญาไก่ชนยังคงพยายามโยนบอลใส่ ส่วนราชันมังกรจะเป็นลักษณะโต้กลับ ซึ่งมันน่าเสียดายในหลายๆจังหวะที่รีบยิงโดยไม่ลากบอลเข้าไปใกล้อีกหน่อย

บทสรุปจากเกม หนองบัว พิชญ เอฟซี แทบจะไม่มีลูกเล่นอย่างอื่นเลย นอกจากการโยนบอลเข้าไป แต่ยังดีที่มีทีเด็ด และรูปแบบการสวนกลับที่เข้าใจกันจนยิงประตูได้ในที่สุด แต่น่าเสียดายที่ความผิดพลาดส่วนบุคคล เป็นผลให้เสียประตูและเสียแต้มไป ขณะที่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เกมรับสยบตัวอันตรายของเจ้าบ้านได้ดีเยี่ยม แม้จะต้องเสียประตูแบบจำยอม ส่วนเกมรุก การเชื่อมต่อบอลไม่ทั่วถึง ทำให้รูปแบบและระยะการจบสกอร์ไม่อยู่ในวิสัยที่อันตรายพอ กระนั้นยังดีที่การยิงอัดของ ล็องจิล เป็นประตูที่เซฟ 1 คะแนนกลับบ้าน

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Uncategorized

“10 ปี ชนะสักที”

โคราช ลบอาถรรพ์ เฉือน เชียงราย 1-0 ในเกมนัดตกค้างกลางสัปดาห์

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดตกค้างในวันกลางสัปดาห์ ซึ่งเลื่อนมาจากเกมที่ 16 ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่นัดก่อนทำได้แค่เจ๊าทีมบ๊วย วันนี้จะต้องพบกับทีมในระดับใกล้กันอย่าง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่บุกไปตบทีมท้ายตารางมาแบบสวยหรู สำหรับเกมนี้ ถือว่าเป็นอาถรรพ์ของสวาทแคท ที่เล่นในบ้านมานานกว่า 10 ฤดูกาล แต่ไม่เคยชนะกว่างโซ้งได้เลย ฉะนั้นวันนี้จะเป็นคำตอบ ว่าสถิติจะยังอยู่หรือถูกทำลาย ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 3-4-1-2 ขณะที่ทีมเยือนยังเป็น 3-4-3 เหมือนเก่า

      เกมการแข่งขันเริ่มขึ้น เชียงราย ดูเหนือกว่า เพราะสามารถใช้การโจมตีทางริมเส้น ซึ่งมันสร้างจังหวะและความน่ากลัว กับการจ่ายยัดให้หน้าเป้าแบบได้เสีย จนแนวรับเจ้าถิ่นต้องมีสมาธิในการสกัด กระนั้นจากจังหวะที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็ยังไม่นำพาให้ทีมเยือนได้ประตู ส่วนทางฝั่ง นครราชสีมา เกมรุกมีการลากตะลุยทางริมเส้นไม่กี่ครั้ง และมีจังหวะยิงจากฟรีคลิกไม่กี่หน แต่ความใกล้เคียงที่จะเป็นประตูกลับมีมากกว่า     

ครึ่งหลัง เชียงราย ยังใช้การขึ้นจากทางริมเส้น โดยฉพาะฝั่งซ้าย ซึ่งมันดูหลากหลายตรงที่จะลากเข้ามา จะจ่ายขวาง หรือจ่ายยัดให้หน้าเป้าก็ได้ แต่มันก็ยังไม่ได้ประตู อย่างไรเสียพอเกมผ่านไป 10-15 นาที โคราช เริ่มมีจังหวะหวาดเสียวจากการโต้กลับ จนเริ่มไต่ระดับเป็นการครองเกมใส่ พร้อมกับมีโอกาสจบสกอร์หลายหน แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ อภิรักษ์ กระทั่งท้ายเกม ออตทาร่า จัดการลากบอลและฉีกแนวรับทีมเยือนจนขาดกระจุก ก่อนจะดึงจังหวะและจ่ายให้ คาริคารี่ ยิงประตูนำ 1-0

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เกมรับเล่นได้ดีกว่านัดที่แล้ว โดยในนัดนี้มีช่วงที่ถูกกดดัน แต่ก็ไม่ค่อยปรากฏอาการแกว่ง ส่วนเกมรุก โอกาสมีน้อยในครึ่งแรก แต่พอครึ่งหลังมีโอกาสมากขึ้น ซึ่งมันน่าเสียดายที่หากเฉียบคมกว่านี้ ก็ไม่ต้องรอประตูถึงท้ายเกม แต่ก็ยังดีที่ยิงประตูได้ ขณะที่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด เกมรับยืนตำแหน่งดี แต่พอยืนตำแหน่งไม่ค่อย แล้วเจอตัวเร็วกระชากบอลใส่ ดันประกบไม่อยู่ ส่วนเกมรุก จริงๆมีโอกาสจะนำก่อนได้ แต่พอไม่ได้และมาเสียประตูท้ายเกม ทุกอย่างก็แทบจะจบตามไปด้วย     

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Uncategorized

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

อย่างที่เราทราบกันดีว่าแชมป์ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2020/21  ตกเป็นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งจะว่าไปก็นับเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สเล็กๆ แม้กระต่ายน้ำเงินครามจะเป็นทีมที่ใหญ่ แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าจะไปถึงแชมป์ ฉะนั้นวันนี้เราจะไปย้อนดูเส้นทางตลอดซีซั่นนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลับขึ้นมาสู่ไทยลีก 1 อีกครั้ง หลังจากตกชั้นลงไปเล่นลีกรอง 1 ปี โดยตำแหน่งเฮดโค้ชยังเป็น ดุสิต เฉลิมแสน ขณะที่การเสริมตัวผู้เล่นใหม่ก็ไม่จัดว่าว้าวแต่อย่างใด ส่วนการออกสตาร์ท 4 นัดแรกของฤดูกาล เก็บได้ 10 คะแนน จากการ ชนะ 4 เสมอ 1 ซึ่งถือว่าทำผลงานได้เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ แต่แล้วด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มทวีความรุนแรง ทำให้สมาคมฟุตบอลสั่งเบรกการแข่งขัน

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ในช่วงที่พักเบรกการแข่งขันนานกว่าครึ่งปี  หลายทีมมีการปรับเปลี่ยนโควตาต่างชาติ รวมถึงการปล่อยผู้เล่นที่ค่าเหนื่อยสูงเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ ซึ่งตรงจุดนี้ บีจี ปทุม  ยูไนเต็ด สวมวิญญาณกระต่ายมือไวด้วยการฉกตัวผู้เล่นชื่อดังมาร่วมทีม ได้แก่ สารัช อยู่เย็น กับ อังเดร ตูเญช ซึ่งเมื่อนำมารวมกับที่มีอยู่ก่อนแล้ว มันก็ยิ่งทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

การแข่งขันนัดที่ 5-15 กลับมาแข่งในเดือนกันยายน  โดยนัดประเดิมการรีสตาร์ทต้องออกไปเยือนทีมเต็งลุ้นแชมป์อย่าง การท่าเรือ เอฟซี แล้วในนัดนั้นบุกไปชนะได้ 1-0  จากนั้นต้องพบกับทีมใหญ่แบบรัวๆ

คือ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งสามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ทำให้ตอนนั้นก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง พร้อมกับมี การท่าเรือ เอฟซี ตามจี้หลัง

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เล็งเห็นแล้วว่าทีมมีปัญหาในเรื่องเกมรุก ทำให้เลกที่ 2  มีการเสริมกองหน้า 2 ราย ซึ่งชื่อชั้นนับได้ว่าเป็นระดับพระกาฬทั้งสิ้น ได้แก่ ติอาโก้ หลุยส์ซานโต กับ ธีรศิลป์ แดงดา โดยการเสริมแนวรุกครั้งนี้สภาพทีมจึงแข็งแกร่งทั่วแผ่น

ทำให้การแข่งขันที่เหลืออีกกว่าครึ่งทาง กระต่ายน้ำเงินครามมีผลงานร้อนแรงไม่เลิกรา ในขณะที่คู่แข่งอย่าง การท่าเรือ เอฟซี สะดุดแบบรัวๆ กระทั่งช่องว่าง 4 แต้ม ขยายเป็น 20 ในไม่กี่สัปดาห์

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

เกมการแข่งขันเดินทางมาถึงนัดที่ 24 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็สามารถการันตีตำแหน่งแชมป์ได้สำเร็จ เพราะคู่แข่งอย่าง การท่าเรือ เอฟซี สะดุดจนกู่ไม่กลับ อีกทั้ง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และราชบุรี เอฟซี ก็ดันทำแต้มหล่นตลอดรายทาง ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นรถด่วนที่กระโดดจากท้ายขึ้นมาจบที่ 2 อย่างไรเสียแม้ว่าจะการันตีตำแหน่งแชมป์ แต่กระต่ายน้ำเงินครามก็ยังมองถึงการทำสถิติเป็นแชมป์ไร้พ่ายทีมที่ 3

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้ฉลองการรับถ้วยอย่างยิ่งใหญ่ในนัดที่ 29 (พบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) ส่วนในนัดสุดท้ายต้องบุกไปเยือน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถิ่นอาถรรพ์ที่ไม่เคยชนะ แต่เป็นคำตอบสุดท้ายว่าจะการทำสถิติไร้พ่ายหรือไม่ อย่างไรก็ตามด้วยอาถรรพ์ที่รุนแรง กระต่ายน้ำเงินครามมิอาจต้านทานไหว สุดท้ายพ่ายไป 1-0 อดทำสถิติเป็นแชมป์แบบไร้พ่าย

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ข่าวสารฟุตบอลได้ที่ tarutaofc.com