Categories
Sport

ขอนแก่น ยูไนเต็ด

สรุปภาพรวม ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

นี่คือทีมสุดท้ายที่ได้เลื่อนชั้นจากไทยลีก 2 สู่ไทยลีก 1 ด้วยวิธีการจากการเพลย์ออฟ แถมยังยื้อไปถึงช่วงการดวลจุดโทษ ฉะนั้นจึงไม่แปลกหากกูรู หรือแฟนบอลโดยทั่วไปจะมองว่า ขอนแก่น ยูไนเต็ด เป็นทีมเต็งที่จะร่วงตกชั้น กระนั้นจากการแข่งขันในเลกแรกที่ผ่านมา จงอางผยองได้กลายเป็นอีกทีมที่สร้างผลงานระดับเซอร์ไพรส์เลยทีเดียว

      ขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 1 เป็นทีมสุดท้าย ซึ่งช้ากว่า 2 ทีมที่ขึ้นมาแบบอัตโนมัติราว 1 เดือน นั่นจึงเป็นผลให้แผนทำทีมและการเข้าสู่ตลาดซื้อขายนักเตะ ต้องล่าช้าและเสียเปรียบทีมอื่น กระนั้นการเสริมทัพของพวกเขา ก็ได้ตัวนักเตะระดับไทยลีกมาร่วมทีม รวมถึงการได้ ฮิบสัน เมโล่ ในโควตาต่างชาติ ซึ่งหากมองในตอนต้น มันก็พอที่จะหวังหนีตายได้

ขอนแก่น ยูไนเต็ด ใช้ระบบ 3-5-2 เป็นแผนเบื้องต้นสำหรับการลงเล่น โดยชัยชนะนัดแรกเกิดขึ้นตั้งแต่เกมนัดที่ 2 ของฤดูกาล เหนือ พีที ประจวบ จากนั้นเมื่อต้องมาเล่นในบ้านอีกหน พวกเขาต้องเจอกับฝันร้ายด้วยการโดน ชลบุรี บุกมาถล่ม 0-7 ซึ่งหลังจากนั้นจงอางผยองก็เป๋ไปหลายนัด จนเริ่มถูกมองน่าจะต้องหนีตาย แต่สุดท้ายพวกเขากลับมาได้ด้วยการชนะ หนองบัว ในดาร์บี้แมตช์อีสาน

และบุกไปตบสุพรรณบุรี 2-4 แบบนำไปก่อน 0-4 ตั้งแต่ครึ่งแรก ทำให้ความมั่นใจเริ่มกลับมา แต่กระนั้นเกมฟุตบอลก็เหมือนชีวิตของคน ที่ย่อมมีสุขและทุกข์สลับกันไป เพราะในเกมที่เปิดบ้านรับ ทรู แบงค็อก มันได้เกิดดราม่ากับการให้จุดโทษแก่ทีมเยือนแบบค้านสายตา จากนั้นกรรมการก็มาให้จุดโทษแก่พวกเขาแบบค้านสายตาเหมือนกัน แต่ เมโล่ ดันยิงออกไป

      รูปแบบการเล่นของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด จะเน้นเกมรับให้รัดกุม แล้วอาศัยการโต้กลับด้วยการวางบอลไปให้ เมโล่ ได้ฉายเดี๋ยว หรือให้ จักกริช กับปีกทั้ง 2 ข้าง เป็นตัวพาบอลขึ้นไปป้อนให้กับดาวเตะชาวบราซิล ฉะนั้น เมโล่ จึงกลายเป็นเดอะแบกที่ทีมจะขาดไปเสียมิได้ เพราะหากวันไหนขาดหายไป เกมรุกก็แทบจะจบสิ้น

ซึ่งตรงจุดนี้บอร์ดบริหารมองเห็นถึงปัญหา จึงจัดการดึง โรมูโล่ ที่เคยค้าแข้งกับหลายสโมสรในเมืองไทยมาร่วมทีม โดยการเข้ามาผนึกกับกำลังกับ เมโล่ น่าจะช่วยให้เกิดการประสานในเกมรุก อีกทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน นอกจากนี้น้องใหม่จากแดนอีสาน อาจมองถึงการจบฤดูกาลด้วยอันดับกลางตารางก็เป็นได้  

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

สรุปภาพรวม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

ในเลกแรกของฤดูกาลก่อน ทำผลงานได้ดีและขึ้นไปถึงอันดับที่ 4 ของตาราง จากนั้นในเลกที่ 2 ผลงานรูดลงมา แต่ด้วยแต้มบุญที่ทำไว้ในเลกแรก มันก็เป็นผลให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปลุยถ้วยเอเชียในบั้นปลาย แม้ว่าสุดท้ายจะตกรอบตั้งแต่หัววัน แถมโดนคู่แข่งไล่ถล่มเป็นว่าเล่น ทั้งๆที่ตัวเองขอยื่นเป็นเจ้าภาพเพื่อความได้เปรียบแล้วแท้ๆ  อีกทั้งการเสียตัวแนวรุกต่างชาติออกไป พร้อมกับกัปตันของทีมอย่าง โรเลอร์ ก่อนหน้านี้ ถือเป็นความเสียหายและเป็นเหตุผลที่ทำให้ผลงานของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ดูดรอปลง

หลังจากตกรอบ ACL รอบแบ่งกลุ่ม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เห็นถึงสิ่งที่ทีมขาด จึงได้ทำการเสริมแนวรุกอย่าง แดรเลย์ เข้ามา เพื่อหวังให้เป็นตัวทำสกอร์ แต่ทีมดันไม่เสริมแนวรับเข้ามาเสียอย่างนั้น โดยการเปิดฤดูกาลใหม่นี้ ราชันมังกรยังคงยึดการเล่นหน้า 3 ตัว แต่ผลงานที่ออกมาถือว่าหลุดจากที่คิดไว้เยอะ เพราะการเล่นเกมรุกดูต่างคนต่างเล่นและไม่ค่อยช่วยเหลือกัน ทำให้ภาพที่ออกมามัก คือ หน้าซ้าย-ขวา ป้อนบอลให้กับหน้าเป้า แต่ต้องมีอันถูกสกัดง่ายๆอยู่ร่ำไป ถัดมาที่ตำแหน่งแดนกลาง ไม่มีความสำคัญและไม่สามารถแจกจ่ายบอลไปให้แดนหน้าได้ ซ้ำร้ายในแผงกองหลัง การใช้ตัวไทยแบบล้วนๆ มันไม่สามารถต้านทานเกมรุกของคู่แข่งที่มีตัวต่างชาติระดับเกรดเอได้ อีกทั้งคู่แนวรับอย่าง ปวีร์ กับ ปวีณวัชร์ ยังมีความผิดพลาดที่เกิดจากตัวเองอีก แล้วนั่นก็เป็นภาระให้ กัมพล ต้องเซฟแบบรัวๆ จนได้สถิติว่าเป็นผู้รักษาประตูที่มีจังหวะเซฟมากที่สุดในลีกอีกด้วย

ผลงานในเลกแรกของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ขยับขึ้นลงอยู่แค่บริเวณกลางตาราง ส่วนที่แย่สุดๆ คือ ใกล้โซนแดง เมื่อผ่านเกมที่ 10 กับ สมุทรปราการ แต่สุดท้ายสามารถถีบตัวเองขึ้นมาได้ชัยชนะ กระนั้นมันก็ไม่สบายใจ เพราะฟอร์มและทรงบอลไม่เข้าทีเลย โดยหลังจากจบเลกแรก ราชันมังกรมีการปล่อยตัวผู้เล่นออก ขณะที่ขาเข้าและชื่อชั้นดูเข้าท่า ประกอบไปด้วย คาราบูเอ้ ซาโตะ และ เยนเซ่น ซึ่งการเสริมทัพประมาณนี้ น่าจะเพียงพอสำหรับการหนีตาย หากมีการปรับปรุงวิธีการเล่น ตรงกันข้ามหากทรงบอลยังเป็นแบบเดิมๆ การตกชั้นของทีมใหญ่เหมือนที่ การท่าเรือ และ บีจี ปทุม เคยเจอ ก็อาจเกิดขึ้นกับ ราชบุรี ก็ได้

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

สรุปภาพรวม โปลิศ เทโร เอฟซี

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

เมื่อฤดูกาลก่อน โปลิศ เทโร เอฟซี ต้องเจอกับความยากลำบากในการหนีตาย แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ นั่นจึงทำให้พวกเขาติดโผที่มีลุ้นหนีตายอีกปีในซีซั่นนี้ กระนั้นเมื่อการแข่งขันเริ่มต้นจนจบเลกแรก พวกเขามีฟอร์มที่ไม่สวยหรู แต่ก็เก็บได้ถึง 20 แต้ม พร้อมกับการรั้งอันดับที่ 9 ของตาราง

      นับตั้งแต่ปีแล้ว โปลิศ เทโร เอฟซี ปล่อยและขายตัวผู้เล่นหลักออกทีมค่อนข้างเยอะ ตรงข้ามกับการเสริมเข้ามาใหม่ ที่ชื่อเสียงเรียงนามไม่เสมอเหมือนกับคนที่ออกไป หรือหากมองที่ตัวสำรอง ก็ล้วนแต่เป็นตัวชราภาพและใกล้ปลดระวาง ฉะนั้นมันจึงไม่แลกนักถ้าจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มทีมตกชั้น      

      ฟุตบอลของโค้ชอ้น รังสรรค์ เป็นฟุตบอลที่มีระบบชัดเจน คือ เล่น 4-3-3, 4-2-3-1 ในบ้าน ส่วนถ้าออกเป็นเล่นเป็นทีมก็อาจปรับเป็น 3-4-3 กระนั้นจากผลงานในช่วง 5 นัดแรก ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดำดิ่งสุดๆ เพราะต้องรอถึงนัดที่ 6 ถึงจะเจอชัยชนะ แล้วจากนั้นก็คว้าชัยได้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งในแผงเกมรับดูเป็นจุดอ่อน เพราะมักถูกคู่แข่งยิงบ่อย อีกทั้งไม่ว่าใครจะลงมาเป็นผู้รักษาประตู ก็จะต้องเซฟจนเจ็บมือ ขณะเดียวกัน แนวรุกก็ไม่มีการขึ้นบอลที่เป็นระบบเอาเสียเลย อีกทั้ง เปาลิสต้า ที่เป็นแนวรุกคนสำคัญก็ดันมีอาการบาดเจ็บ กระนั้นยังดีที่ เจนภพ สามารถเป็นมวยแทน แล้วยิงประตูได้สม่ำเสมอ ทำให้ในหลายๆนัดได้แต้มมา แม้ว่าเหนื่อยแทบลากเลือดก็ตาม  

ในทันทีที่จบเลกแรก ผลงานของ โปลิศ เทโร ออกมาดีแบบเกินคาด แต่ในทางกลับกันปัญหาเรื่องการเงินของสโมสร ได้กลายเป็นปัญหาให้ทีมต้องมีเรื่องขัดใจกับนักฟุตบอล เริ่มจากผู้รักษาประตู 2 ราย อย่าง ประสิทธิ และ กิตติภูมิ ที่ถึงขั้นยอมแหกกฎไปเล่นบอลเดินสาย หรือในรายของ เจนภพ ที่เลือกจะอำลาทีมไป เพื่อไปอยู่ในทีมที่มั่นคงกว่า แม้โอกาสลงสนามจะน้อยนิด

ส่วนการเสริมทัพในเลกที่ 2 ได้มีการดึงผู้รักษาประตูโคตรประสบการณ์อย่าง สินทวีชัย เข้ามาเฝ้าเสา กับ กรวิทย์ ที่เป็นอดีตปราการหลังทีมชาติ ซึ่งดาวเตะวัยชราภาพทั้ง 2 ราย ได้หลีกหนีสังกัดเก่าที่ค้างคาค่าเหนื่อยมาหลายเดือน พร้อมกันนั้นยังได้ดึงตัว เรียว มัตซึมูระ มาจาก บีจี ปทุม เพื่อเพิ่มความการลากเลื้อยทางริมเส้น ซึ่งจากการเสริมทัพดังที่กล่าวมานี้ ก็คงจะเพียงพอต่อการอยู่รอดอีกปี  

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

สรุปภาพรวม ศึกรีโว่ไทยลีก

การท่าเรือ เอฟซี ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

ศึกรีโว่ไทยลีก ฤดูกาล 2021/22 ในเลกแรก ของ การท่าเรือ เอฟซี ถือว่าเป็นอีกครั้งที่ผลงานน่าผิดหวัง เพราะเมื่อช่วงต้นฤดูกาล พวกเขาได้จัดการเปลี่ยนเฮดโค้ชมาเป็น ดุสิต เฉลิมแสน เพื่อหวังให้โค้ชดีกรีแชมป์ไทยลีกผู้นี้ รีดศักยภาพของนักเตะที่มีคุณภาพอยู่แล้วออกมาให้ได้ แต่สุดท้ายก็ทำทีมได้เพียง 4 เดือน ก่อนจะลาออกเพื่อรับผิดชอบผลงานที่บู่สุดขีด   

      การท่าเรือ เอฟซี มีผลงานที่ล้มเหลวในลีกฤดูกาลก่อน แล้วตามด้วยการตกรอบแบ่งกลุ่ม ACL แบบไม่น่าประดับทับใจ นั่นจึงเป็นผลให้ มาดามแป้ง จัดการขยับโค้ชอู๊ด ลงไปเป็นผู้ช่วย พร้อมกับติดต่อไปยัง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพื่อขอยืมโค้ชโอ่ง มาคุมทีม ซึ่งการได้กุนซือดีกรีแชมป์ไทยลีก มาดูแลนักเตะที่มีคุณภาพคับแก้วล้นทีม มันก็ได้ก่อเกิดความหวังครั้งใหม่ สำหรับการคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกในปีนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าโค้ชโอ่งไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น รวมถึงแนวทางการทำทีมและเสริมนักเตะของสิงห์เจ้าท่า “ที่คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ”

เมื่อการแข่งขันออกสตาร์ท การท่าเรือ เอฟซี เผชิญกับอาการสะดุดและยังไม่มีระบบการเล่นที่ลงตัว ซึ่งในเกมนัดที่ 3 กับ ขอนแก่น ดูเหมือนว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่พอนัดต่อๆมา มันก็เป็นในลักษณะวงจรอุบาทก์ กล่าวคือ แพ้ ชนะ เสมอ สลับๆกันไป กระทั่งถึงนัดที่บุกไปพ่าย นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 3-1 ที่สิงห์เจ้าท่าหมดรูปและสู้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง สุดท้ายโค้ชโอ่งประกาศลาออก ทั้งๆที่ทำงานได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น จากนั้นโค้ชอู๊ด สระราวุฒิ ตรีพันธุ์ ก็ได้กลับมารับตำแหน่งเฮดโค้ชคำรบ 2 พร้อมกับพาทีมเก็บชัย 3 รวดเร็ว เป็นครั้งแรก ก่อนจะมาสะดุดแพ้ หนองบัว พิชญ เอฟซี โดยหากดูผลงานอย่างละเอียดของโค้ชอู๊ด อาจจะพาทีมชนะก็จริง แต่ในแง่ของทรงบอลก็ไม่ได้ต่างจากที่คุมรอบแรก

      การจบเลกแรกด้วยอันดับ 4 และมีแต้มห่างจ่าฝูง 5 คะแนน อาจมีผลให้บอร์ดพอใจที่จะใช้บริการโค้ชอู๊ดต่อไปในเลกที่ 2 แต่อย่างที่กล่าวไปในย่อหน้าที่แล้วว่าทรงบอลของโค้ชอู๊ด ไม่ได้แตกต่างจากที่คุมรอบแรก แล้วในเมื่อมันไม่ดี มันก็มีความเสี่ยงที่ในอีกครึ่งทางที่เหลือ จะไม่สามารถไล่บี้แต้มได้ทัน มิหนำซ้ำอาจมีระยะแต้มห่างมากกว่านี้ และท้ายที่สุด การท่าเรือ เอฟซี อาจต้องรอคอยแชมป์ไทยลีกไปอีก 1 ปี เพราะยังจมปลักกับการใช้โค้ชที่ไม่มีศักยภาพเพียงพอ และการนโยบายซื้อนักเตะ ที่เสริมไม่ตรงกับความต้องการของทีม  

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

สรุปผลงาน กองกลาง

ทีมชาติไทย ในศึก AFF SUZUKI CUP 2020

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 ที่พึ่งรูดม่านปิดฉากลงไป ทีมชาติไทยนับชาติที่มีทรัพยากรในตำแหน่งกองกลางแบบล้นทีม นั่นจึงทำให้ มาโน่ สามารถหยิบสอยและเลือกใช้แบบสะดวกมือ ซึ่งผู้เล่นรายใดจะเป็นดาวเด่นในการแข่งขันครั้งนี้บ้าง ด้านล่างนี้มีคำตอบและบทสรุปรายบุคคล

ชนาธิป สรงกระสินธ์

ว่าที่ดาวเตะคนใหม่ของ คาวาซากิ ฟอนตาเล่ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ด้วยโปรแกรมเจลีกที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้กัปตันเจต้องตามมาสมทบทีหลัง และพลาดเกมแรก กับ ติมอร์ โดยการลงสนามในรอบแรกอาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับแท็กติกใหม่ รวมถึงสภาพร่างกายที่มีไข้ ทำให้ฟอร์มยังไม่โดดเด่นนัก แต่พอเข้าสู่รอบรองและรอบชิง เมสซี่เจระเบิดฟอร์มอันสุดยอดออกมา กระทั่งพาทีมเดินไปถึงแชมป์ในท้ายที่สุด

ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร

แฟนบอลหลายคนล้วนจับตามองถึงการเล่นร่วมกันของ ธนวัฒน์ และ ชนาธิป ซึ่งสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังว่าเจ้ากันจะเติมเต็มทีมชุดนี้ ก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง โดยเฉพาะตั้งแต่เกม กับ ฟิลิปปินส์ จนถึงรอบชิง กับ อินโดนีเซียซึ่งดาวเตะว้าย 21 ปี โชว์ฟอร์มไม่ออกและมักถูก มาโน่ เปลี่ยนตัวออกอยู่บ่อยๆ

สุภโชค สารชาติ

ดาวเตะจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำผลงานดีและเสถียรกับสโมสรต้นสังกัด ทำให้ มาโน่ ไม่ลังเลที่จะเรียกเจ้าเช็คมาติดทีม ซึ่งในระบบ 4-4-2 เจ้าตัวจะยืนหน้าคู่ แต่ถ้าเป็น 4-3-3 จะยืนหน้าฝั่งขวา โดยในรอบแรกอาจจะมีอาการเกร็งอยู่บ้าง แต่พอเข้าสู่รอบลึกๆก็เล่นได้อย่างมั่นใจขึ้น อย่างไรเสียด้วยสไตล์ของตัวนักเตะ มันก็ต้องแลกมากับการโดนคู่แข่งเข้าปะทะแบบหนักหน่วง โดยเฉพาะเกมที่พบกับ เวียดนาม ในนัดแรก

วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ

ดาวเตะป้ายแดงของ บีจีปทุม ยูไนเต็ด สลัดคราบของความเป็นดาวรุ่งตลอดกาลด้วยการโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมกับ ชลบุรี เอฟซี ตลอดเลกแรก ซึ่งนั่นเป็นผลทีมดังจากย่านคลอง 3 ต้องไปสู่ขอด้วยเงินราว 35 ล้านบาท อีกทั้งด้วยความร้อนแรงแบบนี้ มาโน่ จึงตัดสินใจที่จะเรียกมาติดทีม เพื่อหวังให้โชว์ฟอร์มเก่งต่อเนื่อง กระนั้นการลงเล่นในทีมชุดใหญ่หนนี้ เจ้ายิมไม่สามารถฉายความโดดเด่นในฐานะตัวสำรองได้ อีกทั้งเมื่อลงสนามมาแล้วยังหายไปจากเกมอยู่บ่อยๆ ฉะนั้นมันยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าเจ้ายิมแจ้งเกิดกับทีมชุดนี้

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

รวมพลคนฟอร์มตก

ในศึก AFF SUZUKI CUP 2020

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รูดม่านปิดฉากลงไป พร้อมกับความยอดเยี่ยมของทีมชาติไทย ที่คว้าแชมป์สมัยที่ 6 พร้อมกับการกวาดรางวัลต่างๆเกือบหมดโต๊ะ กระนั้นในบรรดา 29 ขุนพลช้างศึกที่ลงสนาม มันก็ปรากฏให้เห็นถึงการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานสำหรับบางราย ซึ่งจะเป็นใครบ้าง นับจากนี้เราไปวิเคราะห์พร้อมกัน

ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมณ์

มาโน่ คาดหวังที่จะให้ มิกกี้ ยืนปีก หรือหน้าคู่กับ ธีรศิลป์ เพราะเล่นด้วยกันกับสโมสร ซึ่งในนัดเปิดหัวกับ ติมอร์ เป็นคนยิงเบิกประตูแรกให้ทีมคลายความกดดัน แต่พอหลังจากนั้นเมื่อถูกส่งลงสนาม ก็ไม่โดดเด่นและหายไปจากเกม กระทั่งมักเป็นรายแรกๆที่ถูกเลือกถอดออก หรือส่งลงสนาม  

ศิวกร เตียนตระกูล

ในระบบ 4-3-3 เจ้าเฟ้ย ดูจะเหมาะสมและมีโอกาสเบียดแย่งลงสนามได้ แต่ตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ เจ้าตัวได้รับโอกาสน้อย อีกทั้งเมื่อได้โอกาสก็โชว์ฟอร์มไม่โดดเด่น ทำให้ท้ายที่สุดต้องนั่งสำรอง ผิดกับก่อนหน้านี้ที่มักเป็นตัวเลือกให้โค้ชส่งลงไปแล้วโชว์ฟอร์มได้เข้าตา

ทริสตอง โด

ฟอร์มกับสโมสรอยู่ในระดับมาตรฐาน ซึ่งการมีแบ็คขวาที่ดีหลายคน ทำให้ มาโน่ โยกมาเล่นแบ็คซ้าย แต่ก็ไม่โดดเด่น พลางจะโยกกลับมาเล่นตำแหน่งถนัดในฝั่งขวา ก็ดันโชว์ฟอร์มไม่ดีเสียอีก โดยสิ่งที่ทำให้เห็นว่าฟอร์มไม่เข้าตา คือ การเปิดบอลเสียและเพื่อนที่รอบอลเสียโอกาสไปแบบเปล่าประโยชน์ การถอยไปตั้งรับหรือสมาธิในการอ่านจังหวะบอล มีความผิดพลาดจนต้องตัดฟาวล์แบบไม่จำเป็น

ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร

ถูกคาดหวังว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิด เพราะจะได้เล่นร่วมกับ ชนาธิป ในแดนกลาง โดยในเกมรอบแรก ฟอร์มอาจจะไม่ดีมาก แต่ยังพอมีลูกยิงไกลที่ดูวูบวาบให้เห็น พอเข้าสู่รอบลึกๆ เจ้ากันหายไปจากเกมและไม่มีความโดดเด่นเมื่อเจอเกมที่ปะทะหนักๆ กระทั่งถูกผู้เล่นรายอื่นๆเบียดแทรกขึ้นมาและเล่นได้โดดเด่นกว่า

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

รวมพลคนฟอร์มดี

AFF SUZUKI CUP 2020 

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รูดม่านปิดฉากลงไป พร้อมกับแชมป์สมัยที่ 6 ของทีมชาติไทย โดยในทัวร์นาเมนต์นี้ มีทั้งตัวเก่งตัวเก๋าอยู่ค่อนทีม พร้อมกับการผสมของตัวหน้าใหม่เข้ามา ซึ่งใครจะเป็นดาวเด่นในการแข่งขันครั้งนี้บ้าง ไปลุ้นพร้อมๆกันด้านล่างนี้

ชนาธิป สรงกระสินธุ์

ในรอบแบ่งกลุ่มยังโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออก อีกทั้งยังมีอาการไข้ผสม จนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะความกดดันที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมหรือเปล่า แต่พอเข้าสู่รอบรองและรอบชิง เมสซี่เจก็โชว์ฟอร์มทั้งชิงทั้งจ่ายจนคว้ารางวัลดาวซัลโวร่วมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์

ธีราทร บุญมาทัน

หลังจากบินมาสบทบผ่านการตรวจโควิด-19 โก๋อุ้มก็ลงสนามช่วยทีมทันที ซึ่งลูกเปิดด้านข้างยังฉมังเหมือนเคย ขณะที่รอบรองและรอบชิง เจ้าตัวต้องถอยมาเล่นเกมรับมากขึ้น แล้วสามารถโชว์ให้เห็นถึงความครบเครื่องในการยืนป้องกันเกมรับ

ฟิลิป โรลเลอร์

มาสมทบทีมเป็นรายสุดท้าย อีกทั้งยังถูกมองว่าจะเป็นเพียงอะไหล่สำรอง เพราะ นฤบดินทร์ โชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดี กระนั้นเมื่อโอกาสมาถึง ดาวเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ก็จัดการกระชากลากเลื้อยและเติมเกมแบบขึ้นสุดลงสุดในทุกจังหวะ กระทั่งสร้างความปวดหัวให้กับ มาโน่ กับการเลือกแบ็คขวาลงไปเล่น เพราะตัวที่มีอยู่ต่างเล่นได้ดีทุกคน แต่สำหรับ โรเลอร์ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าการกระชากลากเลื้อย ทำให้ผู้คนจดจำได้มากกว่า

วีระเทพ ป้อมพันธุ์

ถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นหนแรก ซึ่งหลายคนต่างมองว่าเจ้าเตอร์ คงเป็นเพียงอะไหล่สำรองเท่านั้น กระนั้นพอเจ้าตัวได้รับโอกาสในเกมที่ขาดไปแล้วกับ สิงคโปร์ ดาวเตะจากเมืองทอง ก็ฉายฟอร์มยอดกองกลางออกมา อีกทั้งในเกมกับ อินโดนีเซีย ก็ได้รับโอกาสให้ถอยไปเล่นกองหลัง แล้วดันเล่นได้ดีจนได้รับความไว้วางใจให้ลงไปเล่นแทนกองหลังอาชีพในเกมที่ 2 อีกด้วย

กฤษดา กาแมน

จัดเป็นแข้งแจ้งเกิดเต็มตัวที่สุดในทีมชุดนี้ เพราะก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ไม่ได้เป็นที่จับตามอง กระนั้น มาโน่ ได้จับให้เจ้าและห์ไปเล่นเป็นกองหลัง เพราะมีคุณสมบัติในการอ่านจังหวะบอลที่เด็ดขาด กระทั่งยืนได้ดีกว่ากองหลังอาชีพเสียอีก อีกทั้งยังเชื่อว่าด้วยฟอร์มแบบนี้ จะช่วยให้เจ้าตัวมีลุ้นติดทีมได้แบบยาวๆ เนื่องจากมีฟอร์มที่คงเส้นคงวาและสารพัดประโยชน์  

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมถล่มอินโดนีเซีย 4-0 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก เหมือนจะได้บทสรุปของแชมป์เสียแล้ว เพราะเจ้าอาเซียน 5 สมัย อย่าง ทีมชาติไทย ได้ไล่ถล่ม อินโดนีเซีย ไปแบบขาดลอย 4-0 ซึ่งจากชัยชนะอันสวยหรูนี้ จงอย่าแปลกใจหากผู้เล่นส่วนใหญ่จะได้คะแนนสูงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  

ศิวรักษ์ (7 คะแนน)

      มีจังหวะได้เซฟแบบจริงๆจังๆ แต่ในขณะเดียวกันบางจังหวะก็ไม่ค่อยกล้าออกมาตัด ทำให้เกิดอาการเสียวเล็กน้อย

เอเลียต (6 คะแนน)

      อยู่ในสนามราวครึ่งชั่วโมง ก่อนถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไป ซึ่งตอนที่อยู่ในสนามงานไม่หนัก แต่โชว์จังหวะปะทะหนักแบบไม่ควร   

กฤษดา (7 คะแนน)

      มีบางช่วงต้องทำงานหนัก แล้วเกือบพลาดเสียประตู แต่พอเกมขาด งานก็กลับมาเบาลงเหมือนช่วงต้นเกม

ฟิลิป (8 คะแนน)

      วันนี้เติมเกมได้แบบสุดทาง อีกทั้งยังสามารถเลี้ยงตัดเข้ามาจนได้แอสซิสต์ แต่เกมรับก็มีข้อมผิดพลาดให้เห็นเหมือนกัน

ทริสตองโด (7 คะแนน)

      การต้องเจอกับ อัสนาวี่ ทำให้เกมทางฝั่งซ้ายไม่โดดเด่นเท่าฝั่งขวา อีกทั้งบางจังหวะก็มีเหม่อลอยจนต้องตามไปฟาวล์ ซึ่งในช่วงท้ายก็มีเสียวๆจะโดนเหลือง 2 เป็นใบแดงเหมือนกัน

พิธิวัต (8 คะแนน)

      ช่วงต้นงานเบา ช่วงกลางเกมงานหนัก แต่พอสกอร์ขาดและเน้นการโต้กลับ เจ้าเต้ฟร์มเด่นจนเรียกคะแนนได้เยอะ

วีรเทพ (7 คะแนน)

      ต้องถอยไปเล่นกองหลังแบบจำเป็น โดยในช่วงต้นยังไม่แนบแน่น แต่พอปรับตัวได้ ก็ยืนได้ดีและไม่มีปัญหา

ชนาธิป (9 คะแนน)

      กลับมาโชว์ฟอร์มแบบสุดสะเด๋าอีกครั้ง กับการยิง 2 ประตู การวิ่งไล่เพรส และการแจกจ่ายบอลอย่างไหลลื่น ทำให้คะแนนสูงสุดต้องยกให้  

ศุภโชค (8 คะแนน)

      พอไม่เจอการปะทะหนักจากคู่แข่ง เจ้าเช็คสามารถต่อบอลและสอดประสานกับเพื่อนทางฝั่งขวาได้อย่างโดดเด่น อีกทั้งยังมีประตูมาฝาก

บดินทร์ (8 คะแนน)

      วันนี้ลากเลื้อยอย่างสนุกสนานและมีประตู ทำให้คะแนนวันนี้สูงสุดสำหรับเจ้าตัว

ธีรศิลป์ (6 คะแนน)

      ได้แต่ช่วยเชื่อมเกมและลงมาล้วงบอล แต่หน้าที่หลักในเรื่องการยิงประตูยังดรอปต่อเนื่อง  

ปกเกล้า (6 คะแนน)

      ลงมาตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ไม่โดดเด่นนัก

ฐิติพันธ์ (7 คะแนน)

      ลงมาช่วยแพ็คเกมแดนกลางให้แน่น แล้วทำหน้าที่ได้ดี อีกทั้งการสวนกลับแต่ละครั้งก็มีบทบาทอยู่เนืองๆ

ศุภชัย (6 คะแนน)

      มีเวลาในสนามราวครึ่งชั่วโมง แต่ไม่ค่อยโดดเด่นและมีโอกาสยิงเท่าไรนัก

วรชิต และ กวินทร์ (ไม่มีคะแนน)

      ลงสนามในช่วงท้ายเกม ทำให้ไม่มีคะแนน แต่สำหรับเจ้าตอง ต้องคาราวะจิตใจที่แข็งแกร่งและพร้อมลงเล่น ทั้งๆที่ก่อนหน้าไม่มีกี่ชั่วโมง ต้องสูญเสียคุณพ่อผู้เป็นที่รักไป

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมยันเสมอ เวียดนาม 0-0 ส่งแชมป์เก่ากลับบ้าน

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 ทีมชาติไทย ที่ตุนประตูไว้ 2 ลูก จากนัดแรก ลงเล่นนัดที่ 2 ด้วยการยันเสมอต่อ เวียดนาม 0-0 ทำให้ผลรวมเป็นเจ้าอาเซียน 5 สมัย ที่ได้ผ่านเข้าไปชิงกับ อินโดนีเซีย ซึ่งในเกมที่แสนกดดันนี้ เหล่าขุนพลช้างศึกจะได้คะแนนกันคนละเท่าไร ด้านล่างนี้มีมีคำตอบ

ฉัตรชัย (7 คะแนน)

ได้ลงเล่นราวครึ่งชั่วโมง ก่อนจะบาดเจ็บและต้องเปลี่ยนตัวออก โดยฟอร์มการเล่นในวันนี้ ออกมาตัดบอลได้เฉียบขาด

ทอม เบียรห์ (8 คะแนน)

การยืนป้องกันทำได้แนบแน่นและไม่มีข้อผิดพลาดเลย ทำให้คะแนนพุ่งขึ้นสูงที่สุดสำหรับเจ้าตัว  

กฤษดา (8 คะแนน)

ฟอร์มการเล่นดีสม่ำเสมอและในนัดนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

ธีราทร (8 คะแนน)

ช่วงต้นกดเกมริมเส้นไม่ค่อยอยู่ แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มจะเอาอยู่ กระนั้นก็มีจังหวะที่เข้าพรวดเหมือนกัน ส่วนเกมรุกมีโอกาสยิงแบบอันตรายเสียด้วย แต่มุมมันแคบไปหน่อย

นฤบดินทร์ (7คะแนน)

กดเกมริมเส้นของคู่แข่งได้อยู่หมัด ขณะที่ในครึ่งหลังมีโอกาสเติมเกมบุกมากขึ้น แต่ความโดดเด่น จะน้อยกว่าทางซ้าย

พิธิวัต (8 คะแนน)

เก็บกวาดเกมรุกของคู่แข่บริเวณหน้าบ้านตัวเองด้วยฟอร์มที่แจ่มสุดๆ

ธิติพันธ์ (6 คะแนน)

ถูกส่งลงมาเพื่อปะทะกับเกมหนักๆโดวเฉพาะ แต่วันนี้เหมือนจะไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีเท่าไร ทำให้จบครึ่งแรกก็ถูกถอดออก

สารัช (7 คะแนน)

เชื่อมบอลแดนกลางได้ดีเหมือนเคย อีกทั้งยังลงมาช่วยเกมรับอยู่ตลอด

ชนาธิป (6 คะแนน)

วิ่งเยอะก็จริง แต่มันไม่ใช่การครองบอลแบบแจกจ่ายเหมือนนัดแรก ทำให้วันนี้ดูไม่โดดเด่น

ธีรศิลป์ (5 คะแนน)

พอโดนปะทะหนักๆ ก็มีเป๋ไปพอสมควร กระนั้นมันก็มีโอกาสที่จะได้ยิงแบบเหน่งๆ แต่เจ้าตัวดันยิงไม่โดนบอล หรือยิงโดนบอลก็หลุดออกไปเสียอย่างนั้น ทำให้คะแนนต้องหักมากหน่อย

ปฐมพล (5 คะแนน)

ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรก ในตำแหน่งหน้าคู่ แต่ภาพที่ปรากฏ คือ เงียบเป็นเป่าสาก

ศิวรักษ์ (7 คะแนน)

ลงมาเป็นสำรองเพราะ ฉัตรชัย เจ็บ โดนการเฝ้าเสาตลอด 1 ชม กว่าๆ เซฟได้ดีและไม่มีข้อผิดพลาด

เอเลียส (7 คะแนน)

ลงมายืนเป็นกองหลังตัวที่ 3 แล้วทำหน้าที่สกัดไว้ได้หลายจังหวะ แต่มันก็มีที่พลาดบ้าง ทำให้ต้องหักคะแนนนิดหน่อย

ธนวัฒน์ (6 คะแนน)

ลงมาเพื่อหวังสวิตช์บอลไปข้างหน้า แต่พอเจอเกมหนักๆก็ดูไม่โดดเด่น

ปกเกล้า (5 คะแนน)

ลงมาเพื่อหวังให้กลางแน่นและลูกยิงไกลจากเจ้าตัว แต่วันนี้ไม่โดดเด่นและหายไปจากเกม

ศุภชัย (ไม่มีคะแนน)

ลงมาในช่วงเวลาจำกัดและไม่ค่อยโดนบอล ทำให้ไม่มีคะแนน

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมเปิดซิงค์พ่าย เวียดนาม 0-2 นัดแรก

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก คู่ที่ 2 ดาร์บี้แมตช์แห่งภูมิภาคอาเซียนหนนี้ จบลงด้วยชัยชนะของทีมชาติไทย 2-0 ซึ่งชัยชนะในยกแรกนี้ ถือว่าเป็นเป็นการสร้างความได้เปรียบก่อนจะลงฟาดแข้งอีกยกในวันอาทิตย์ โดยชัยชนะอันสวยงามนี้ เหล่านักเตะของทัพช้างศึกจะได้คะแนนเท่าไรกันบ้าง ด้านล่างนี้มีคำตอบรอทุกท่านอยู่แล้ว

ฉัตรชัย บุตรพรม (6 คะแนน)  

      จังหวะทั่วไปทำหน้าหน้าที่ได้ดี แต่มันมีจังหวะที่อยู่ๆก็ออกมาและไม่ถึงบอล ซึ่งมันไม่ควรจะออกมาเพราะกองหลังยังยืนประคองอยู่ ฉะนั้นต้องจำใจหักคะแนนให้ยับกับความมั่นใจที่มากเกินเหตุ

นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (7 คะแนน)

       กดเกมริมเส้นของคู่แข่งได้อยู่หมัด ส่วนเกมรุกไม่ได้มีการเปิดสวยๆให้เห็น ซึ่งมันก็น่าจะเป็นแท็กติกของโค้ช ที่ไม่ต้องการเสียบอลง่ายๆ

มานูเอล ทอม เบียร์ห (7 คะแนน)

      ยืนป้องกันได้ดีและไม่มีจังหวะผิดพลาดแบบชัดแจ้ง แต่มันก็ดูเสียวๆบ้าง

กฤษดา กาแมน (8 คะแนน)

      โดนโจมตีอย่างหนักหน่วง แต่เจ้าตัวสามารถสกัดไว้ได้แบบเรียบวุฒิ

ธีราทร บุญมาทัน (8 คะแนน)

      กดปีกฝั่งตรงข้ามแบบไม่ได้เกิด ส่วนการเติมเกมก็คล้ายๆกับฝั่งขวา คือ ไม่มีการเปิดบอลสวยๆให้เห็นนัก

พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (8 คะแนน)

      งานค่อนข้างหนัก แต่ก็สามารถหยุดเกมรุกของคู่แข่งได้เยอะมาก ทำให้วันนี้โดดเด่นและคะแนนเยอะ

สารัช อยู่เย็น (8 คะแนน)

      คลาสบอลของเจ้าตัวยอดเยี่ยมสุดๆ เพราะสามาถหลบหลีกการเพรสซิ่งได้ดี กระทั่งเกมแดนกลางไหลลื่น

ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร (6 คะแนน)

      จังหวะจ่ายเกือบเสีย แต่คู่แข่งดันลื่นและกลายเป็นคนจ่ายให้เพื่อนได้ยิงประตู ส่วนที่เหลือดูเงียบๆ เพราะหลังจากนั้นทีมต้องเน้นตั้งรับ ทำให้ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงต้นครึ่งหลัง

ชนาธิป สรงกระสินธ์ (8 คะแนน)

      วิ่งเยอะ เชื่อมมาก และหลอกล่อคู่แข่งได้ดี อีกทั้งยังยิงได้ถึง 2 ประตู แต่มันน่าเสียดายที่ยิงจุดโทษไม่ดีเท่าไร ทำให้อดแฮตทริกและจำต้องหักคะแนนเล็กน้อย

ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (6 คะแนน)

      ลงมาแพ็คเกมแดนกลางเพื่อปะทะกับความหนักหน่วงของคู่แข่ง ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดี

ศุภชัย ใจเด็ด (6 คะแนน)  

      ลงมาในช่วงกลางครึ่งหลังและเน้นรอบอลในแดนบน แต่ไม่ค่อยมีทักษะในการเลี้ยวหลบคู่แข่ง

วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (6 คะแนน)

ถูกส่งลงมาเติมความสดในแดนกลาง แต่พอเจอบอลหนัก เจ้าตัวก็ฉายแววไม่ค่อยออก

วีระเทพ ป้อมพันธุ์ (6 คะแนน)

      ลงมาแล้วได้แต่ช่วยเกมรับ ซึ่งแม้จะไม่งานถนัด แต่เจ้าตัวก็ช่วยได้ดี

ทริสตอง โด (6 คะแนน)

      ลงมาในช่วงท้ายเกม ซึ่งมันไม่ควรมีคะแนนให้ แต่การเปิดบอลล้นและเกินให้เห็น มันก็จำเป็นต้องให้คะแนนเพื่อสะท้อนฟอร์มที่ยังมีจุดด้อย

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover