Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมเฉือนฟิลิปินส์ เข้ารอบรอง ด้วยสกอร์ 2-1

เสร็จสิ้นไปแล้ว 1 ขั้น สำหรับทีมชาติไทย ในการล่าแชมป์ AFF SUZUKI CUP 2020 โดยในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 สามารถเฉือน ฟิลิปินส์ ได้ไป 1-2 ซึ่งนั่นส่งผลให้ทัพช้างศึกตีตั๋วเข้ารอบรองชนะเลิศได้เป็นที่แน่นอนแล้ว ฉะนั้นในส่วนนี้เราจะมาประเมินและให้คะแนนแก่นักเตะรายบุคคล ว่าใครสมควรได้รับไปคนละเท่าไร

ฉัตรชัย (6 คะแนน)

      ไม่เล่นท่ายาก ก็ไม่มีความผิดพลาด ส่วนจังหวะเสียประตูระยะมันจ่อแบบเข้าใจได้  

ทอม เบียร์ห (5 คะแนน)

      กลายเป็นจุดอ่อนของแนวรับไปเสียอย่างนั้น เพราะการโหม่งวันนี้ถวายพานเป็นประตูตีเสมอให้คู่แข่ง อีกทั้งยังมีอีก 1-2 ที่เกือบจะแถมให้เพิ่ม ซึ่งหลังเกมคงต้องไปปรับกันยกใหญ่ มิเช่นนั้นลำบากแน่

กฤษดา (7 คะแนน)  

      การอ่านเกมที่เฉียบขาด ส่งผลให้การยืนตำแหน่งสกัดบอลทำได้ดีแบบสม่ำเสมอ

นฤบดินทร์ (6 คะแนน)

      ไม่ทราบว่าเป็นคำสั่งของโค้ชหรือไม่ เพราะวันนี้ไม่ค่อยเติมสูง ทำให้ไม่ค่อยเห็นลูกเปิดสวยๆเหมือน 2 นัดที่ผ่านมา 

ธีราทร (7 คะแนน)

      มี 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ ซึ่งเป็นการจ่ายที่เฉียบขาดอย่างยิ่ง เพราะมันมีแค่ช่องเล็กๆตรงนั้นช่องเดียวที่จะจ่ายได้ ส่วนครึ่งหลังบทบาทอาจดูน้อยลงไป ทำให้ต้องมีการหักคะแนน  

พิธิวัต (6 คะแนน)

      บทบาทอาจจะไม่โดดเด่น แต่การตัดเกมโต้กลับของคู่แข่งทำได้ดี

สารัช (6 คะแนน)

      ครึ่งแรกดูจะสอดประสานการเชื่อมเกมได้ดี แต่หลังจากถูกตีเสมอ ก็เหมือนจะตื้อๆไป

ชนาธิป (6 คะแนน)

      ฟอร์มดรอปจากเกมที่แล้วค่อนข้างชัด ซึ่งในวันนี้ทำอะไรก็ดูจะไม่พอดี ทำให้สุดท้ายถูกเปลี่ยนตัวออกไป

ธนวัฒน์ (6 คะแนน)

      เป็นอีกรายที่ดูฟอร์มดรอปลงไป ซึ่งมันดรอปถึงขั้นไม่มีลูกยิงไกลที่เคยทำบ่อยๆให้เห็น

ธีรศิลป์ (8 คะแนน)

      ลูกขึ้นนำ 0-1 ถือเป็นการยิงที่สุดยอด เพราะมันได้ทั้งนำหนักและทิศทาง ส่วนลูกโทษขึ้นนำ 1-2 ยิงไม่มุม แต่ได้ความแรง กระนั้นก็ยังมีบางจังหวะที่ได้ยิงจ่อๆ แต่ดันพลาด ทำให้ต้องหักคะแนนออกนิดหน่อย

ศุภโชค (6 คะแนน)  

      ถูกส่งลงมายืนหน้าคู่ แล้วหลายครั้งเจ้าตัวไม่เล่นมากจังหวะ แต่การยิงดูจะเบาและไม่ค่อยได้ทิศทาง  

ฐิติพันธ์ (7 คะแนน)

      ถูกส่งมาไม่นาน แต่มีส่วนสำคัญกับชัยชนะจนต้องให้คะแนน เพราะในจังหวะนั้นกำลังชุลมุน แล้วเจ้าตัวตัดสินใจที่จะแตะบอลหนี ทำให้คู่แข่งเตะจนได้จุดโทษ ซึ่งนี่นับเป็นการเล่นที่ฉลาดอย่างยิ่ง

วรชิต, บดินทร์, ศุภชัย และ เอเลียส (ไม่มีคะแนน)

      3 รายแรก ถูกส่งลงมาในช่วงคาบเกี่ยวที่ได้ประตูนำ 1-2 ทำให้ไม่ค่อยมีบทบาท ส่วนรายหลังลงมาเพื่ออุดประตู แต่ก็โดนบอลแบบนับครั้งได้ ทำให้ทั้ง 4 รายนี้ ไม่มีคะแนน

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ยิงน้อยไปนิด”

ไทย เหนือกว่าทุกเหลี่ยม แต่สุดท้ายเฉือน ติมอร์ แค่ 0-2

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ AFF SUZUKI CUP 2020 นัดประเดิมสนามที่ เนชั่นเนลสเตเดี้ยมออฟสิงคโปร์ ทีมชาติติมอร์ เลสเต้ ที่ได้บายในรอบเพลย์ออฟ จะต้องพบกับเต็งแชมป์ของรายการอย่าง ทีมชาติไทย ที่ยังอยู่ในสภาพไม่ฟูลทีม อีกทั้งนี่ยังเป็นการประเดิมคุมทีมนัดแรกของ มาโน่ โพลกิ้ง อีกด้วย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม แซมบ้าน้อยมาในระบบ 3-4-3 ส่วนทัพช้างศึกใช้ 4-3-3

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ไทย ครองเกมได้เหนือกว่าทันที แต่ปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน คือ การเล่นบอลในพื้นที่แดน 3 ซึ่งตัวไม่มีบอลเคลื่อนที่น้อย ส่วนคนมีบอลก็ไม่ค่อยมีตัวเลือกในการจ่าย นั่นจึงทำให้การต่อบอลที่รวดเร็วเพื่อทะลุทะลวงไม่มี สุดท้ายจึงต้องพึ่งการเปิดจากแบ็คทั้งสองข้าง โดยมาตรฐานที่ต่างกันจึงทำให้ทัพช้างศึกมีโอกาสอยู่เนืองๆ แต่เพราะความเฉียบคมและการเล่นมากจังหวะ มันก็ส่งผลให้ทีมยิงประตูนำไม่ได้ ขณะที่ ติมอร์ พยายามตั้งรับให้แน่นหนาแต่ก็โดนเจาะถึงไส้ตลอด กระนั้นยังโชคดีที่คู่แข่งไม่คมเอง ส่วนเกมรุก แค่ต่อบอลให้พ้นจากแดนตัวเองยังลำบาก หรือต่อให้ไปได้ก็แค่ลากบอลและโดนรุมจนเสีย   

ครึ่งหลัง ไทย เปลี่ยนเอากลางรุกลงมาเพิ่ม แล้วใช้เวลาไม่นานก็ได้ประตูนำ 0-1 ซึ่งในจังหวะนี้มาจากการฉกบอลกลางทาง แล้วเป็น นฤบดินทร์ ที่เปิดให้ ปฐมพล จับบอล ลากหาพื้นที่ และยิงเข้าไป จากนั้นการบุกของ ไทย ดูจะผ่อนคลายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเมื่อ ติมอร์ ได้บอล พวกเขาก็ใช้วิธีการถ่ายบอลหนีและค่อยขึ้นเกม อีกทั้งการขึ้นมาก็เน้นที่จะจบให้เร็วและยิงเข้ากรอบไว้ก่อน แต่พอศูนย์หน้าตัวหลักอย่าง ซัวเรช เจ็บ เกมบุกก็ไร้พิษสง ทันที จากนั้น ทัพช้างศึก สามารถเดินเกมบุกได้อย่างสะดวกและมาได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 จากจังหวะที่เป็นใจของ สุภโชค

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติติมอร์ ศักยภาพเป็นรองชัดเจน โดยแม้ว่าจะมาตั้งแผงเกมรับให้แน่นหนาที่สุด แต่ก็โดนเจาะเข้ามาตลอดเวลา กระนั้นด้วยความไม่เฉียบคมของคู่แข่งเอง ทำให้โดนยิงน้อย รวมถึงมีโอกาสที่จะบุกแลกในช่วงที่สกอร์ยังโดนนำไม่ขาด ขณะที่ ทีมชาติไทย เกมรับยังไม่มีข้อผิดพลาดแบบชัดเจน เพราะยังไม่เจอคู่แข่งที่แข็ง แต่สำหรับเกมรุก นับว่ามีอะไรที่ต้องปรับอีกเยอะ โดยเฉพาะการต่อบอลเข้าไปในแดน 3-4 ที่ยังช้าและไม่สอดรับกัน กระนั้นยังดีที่ความฉมังของบอลริมเส้นช่วยหนุนนำให้ได้ประตู

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย ในเกมถล่ม พม่า 4-0

      ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 นัดที่ 2 สาย A ทีมชาติไทย ลงสนามและถล่มคู่แข่งอย่าง ทีมชาติเมียนมาร์ ไปขาดลอย 4-0 ซึ่งภายใต้สกอร์ที่มากขนาดนี้ ผู้เล่นที่ลงสนามไปจะคะแนนกันคนละเท่าไร นับจากนี้เราไปลุ้นพร้อมๆกัน  

ฉัตรชัย (5)  

      ไม่มีงานหนักให้ต้องเซฟยากๆ แต่การเล่นท่ายากมาเกินไปมันเกือบส่งผลให้ทีมเสียประตู

ทอม เบียรห์ (6)

      มีจังหวะต้องตามประกบคู่แข่งไม่กี่ครั้ง แต่การจ่ายบอลพลาดหน้าบ้านตัวเองมันติดตาจนต้องหักคะแนน

กฤษดา (7)

      น่าจะเป็นกองหลังตัวจริงในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะการอ่านเกมที่มองขาด อีกทั้งยังเติมเกมบุกได้ด้วย

ธีราทร (7)

      การเปิดบอลน่ากลัวเหมือนเคย แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ประตูจากการเปิดของโก๋อุ้ม

นฤบดินทร์ (8)

      เติมเกมได้สนุกสุดมันส์ อีกทั้งการเปิดบอลของเจ้าต้นฉมังสุดๆ แล้ววันนี้ได้เพิ่มอีกแอสซิสต์

พิธิวัฒน์ (6)

      ยืนคุมกลางรับ ทำให้บทบาทน้อย อีกทั้งยังมีจังหวะจ่ายบอลกลางสนามพลาด ทำให้มีอันต้องหักคะแนน

สารัช (6)

      มีบทบาทในการเชื่อมเกมกลางสนาม แต่ไม่ค่อยมีจังหวะจ่ายคิลเลอร์พาส ทำให้คะแนนไม่ค่อยขึ้น

ธนวัตน์ (7)

      การเชื่อมและสวิตช์บอลยังมีให้เห็นเหมือนเคย อีกทั้งวันนี้ยังได้เห็นลูกยิงไกลค่อนข้างบ่อย ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ประตู แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของประตูที่ 2

ชนาธิป (6)

      การมีเมสซี่เจ ทำให้เกมแดนกลางไหลลื่น แต่ที่คะแนนน้อยเพราะมีโอกาสทองที่จะเป็นประตู แล้วเจ้าตัวดันชิพไปติดหัวกองหลังเสียอย่างนั้น

ธีรศิลป์ (6)

      ยิงได้ 2 ประตู ก็จริง แต่โอกาสทองที่มีมากมายก่ายกอง ดันยิงทิ้งยิงขว้างไปเสียอย่างนั้น

ศุภชัย (6)

      ถ่างตัวออกไปเก็บบอลด้านข้างเยอะ ทำให้ห่างจากประตูจนแทบไม่มีโอกาสได้ยิงนัก  

ศุภโชค (7)

      ลงมาในช่วงท้าย ซึ่งการเล่นง่ายๆและไม่มากจังหวะ มันก็ส่งผลให้ยิงประตูได้ 2 เกมติด

ฐิติพันธ์ (6)

      ลงมาช่วงท้าย แต่ดูเฉื่อยๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายไม่สมบูรณ์ หรือต้องการถนอมตัว

ปฐมพล (6)

      ไม่ค่อยมีบทบาทนัก เพราะเมื่อไรที่บอลมาถึงตัว ก็จะถูกรายล้อมด้วยแนวรับคู่แข่ง

วรชิต (7)

      ลงมาแปบเดียวก็ยิงประตูได้ทันที ซึ่งการยิงลูก 3-0 แบบไม่จับ มันสื่อให้เห็นถึงความมั่นใจที่มีอยู่เต็มอก

ทริสตอง โด (7)

      ลงมาไม่นาน แต่ความโดดเด่นมีเทียบเท่า นฤบดินทร์ ซึ่งหากมองผ่านๆอาจเผอคิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover