Categories
Sport

“ความกดดันเทไปที่ลุงพาร์ค”

เวียดนาม ประเดิมการเสียประตู สุดท้ายพ่าย ไทย 0-2 ในนัดแรก

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก คู่ที่ 2 ทีมชาติเวียดนาม ที่เข้ารอบมาในฐานะรองแชมป์กลุ่ม B จะต้องพบกับ ทีมชาติไทย ที่เป็นแชมป์กลุ่ม A โดยสถิติที่น่าสนใจก่อนเกม คือ พาร์ค ฮัง- ซอ ไม่เคยคุมทีมแพ้ไทย อีกทั้งทัวร์นาเมนต์นี้ยังไม่เสียประตูเลย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ขุนพลดาวทองมาในระบบ 3-4-2-1 หรือจะมองเป็น 3-4-3 ก็ได้ ส่วนทางฝั่งทัพช้างศึกใช้ 4-4-2 ไดม่อน

      การแข่งขันในช่วงต้นเกม ทีมชาติเวียดนาม ไม่ได้มารับต่ำ แต่ใช้วิธีการตั้งโซนตั้งแต่แดน 1 ซึ่งเมื่อใดที่ฝ่ายตรงข้ามพาบอลเข้ามา ก็จะเข้าถึงบอลและปะทะแบบหนักหน่วง อย่างไรเสียพอได้บอลเอาไปทำเกมรุก พวกเขาก็ได้เพียงแต่ต่อบอลไม่กี่จังหวะแล้วเสีย เพราะรูปแบบการเข้าทำไม่ชัดเจน ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติไทย ในช่วง 10 นาทีแรก พยายามจะถ่ายบอลและเจาะเข้าไป แต่ก็ได้แค่บริเวณริมเส้น กระนั้นประตูนำ 0-1 ก็มาอย่างรวดเร็ว จากการโต้กลับ ซึ่งจังหวะจ่ายบอล ธนวัฒน์ เหมือนจะเสียแล้ว แต่แนวรับดันลื่นจนบอลเลยไปถึง ชนาธิป ได้ปั้มบอลกับผู้รักษาประตู แล้วบอลเป็นใจไหลเข้าประตู ไม่เพียงเท่านั้น ประตู 0-2 นับเป็นการต่อบอลและเข้าทำที่เข้าขั้นเวิรด์คลาส เพราะมันเป็นการให้และเคลื่อนที่แล้วจบลงด้วย ชนาธิป ซัดปิดบัญชี  

      การโดนยิง 0-2 ตั้งแต่ 25 นาทีแรก ทำให้เวียดนามต้องเปิดเกมบุก แต่การเจาะพื้นที่แดนสุดท้ายไม่สามารถทำได้เลย เพราะการเข้าทำไม่หลากหลายและแยบยลพอ ทำให้การยิงไกลต้องงัดออกมาใช้ อีกทั้งการเร่งโหมในช่วงท้าย ก็มีหลายครั้งที่เสียบอลไป แต่ไทยดันไปเร่งจ่ายเหมือนกัน ทำให้ต้องตั้งรับจนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เวียดนาม เปลี่ยนตัวรุกลงมาเพิ่มและโหมบุก ซึ่งการโยนหรือแทงแบบโต้งๆ มักถูกสกัด แต่การจ่ายที่แม่นยำของ กวง ไฮ่ ก็ทำให้เพื่อนได้หลุดข้าไปยิง แต่ไม่เฉียบคมเอง กระทั่งช่วงท้าย การรีบเร่งทำให้พวกเขาเสียบอลและบุกได้ไม่ต่อเนื่อง ส่วนทางฝั่ง ไทย มีการเปลี่ยนตัวเพื่อรองรับการปะทะหนักและเติมความสด ซึ่งมันดีในแง่ของเกมรับ แต่เกมรุกได้แต่สาดยาวและไม่ค่อยมีความแม่นยำ พลางจะต่อบอลขึ้นมาก็ทำได้ แต่สุดท้ายก็ต้องเจอการปะทะที่หนักหน่วง  

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติเวียดนาม เลือกที่จะมาแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ดันเสียประตูไปก่อน ทำให้สถานการณ์ที่เตรียมมาต้องเปลี่ยนและไม่ได้เล่นในเกมที่ตัวเองถนัด ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติไทย ประตูแรกถือว่าจังหวะเป็นใจ แล้วมาได้เพิ่มจากจังหวะฝีมือ กระนั้นมันน่าเสียดายเล็กๆที่มีโอกาสยิงทิ้งห่าง 0-3 แต่ดันพลาดไป ขณะที่เกมรับ ทำได้ดียอดเยี่ยม โดยถ้าเกมนัดหน้ามีการปรับปรุงเกมโต้กลับให้แหลมคมกว่านี้ เชื่อว่าช้างศึกจะเช็คบิลคู่แข่งได้ไม่ได้ยาก   

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมเปิดซิงค์พ่าย เวียดนาม 0-2 นัดแรก

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก คู่ที่ 2 ดาร์บี้แมตช์แห่งภูมิภาคอาเซียนหนนี้ จบลงด้วยชัยชนะของทีมชาติไทย 2-0 ซึ่งชัยชนะในยกแรกนี้ ถือว่าเป็นเป็นการสร้างความได้เปรียบก่อนจะลงฟาดแข้งอีกยกในวันอาทิตย์ โดยชัยชนะอันสวยงามนี้ เหล่านักเตะของทัพช้างศึกจะได้คะแนนเท่าไรกันบ้าง ด้านล่างนี้มีคำตอบรอทุกท่านอยู่แล้ว

ฉัตรชัย บุตรพรม (6 คะแนน)  

      จังหวะทั่วไปทำหน้าหน้าที่ได้ดี แต่มันมีจังหวะที่อยู่ๆก็ออกมาและไม่ถึงบอล ซึ่งมันไม่ควรจะออกมาเพราะกองหลังยังยืนประคองอยู่ ฉะนั้นต้องจำใจหักคะแนนให้ยับกับความมั่นใจที่มากเกินเหตุ

นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (7 คะแนน)

       กดเกมริมเส้นของคู่แข่งได้อยู่หมัด ส่วนเกมรุกไม่ได้มีการเปิดสวยๆให้เห็น ซึ่งมันก็น่าจะเป็นแท็กติกของโค้ช ที่ไม่ต้องการเสียบอลง่ายๆ

มานูเอล ทอม เบียร์ห (7 คะแนน)

      ยืนป้องกันได้ดีและไม่มีจังหวะผิดพลาดแบบชัดแจ้ง แต่มันก็ดูเสียวๆบ้าง

กฤษดา กาแมน (8 คะแนน)

      โดนโจมตีอย่างหนักหน่วง แต่เจ้าตัวสามารถสกัดไว้ได้แบบเรียบวุฒิ

ธีราทร บุญมาทัน (8 คะแนน)

      กดปีกฝั่งตรงข้ามแบบไม่ได้เกิด ส่วนการเติมเกมก็คล้ายๆกับฝั่งขวา คือ ไม่มีการเปิดบอลสวยๆให้เห็นนัก

พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (8 คะแนน)

      งานค่อนข้างหนัก แต่ก็สามารถหยุดเกมรุกของคู่แข่งได้เยอะมาก ทำให้วันนี้โดดเด่นและคะแนนเยอะ

สารัช อยู่เย็น (8 คะแนน)

      คลาสบอลของเจ้าตัวยอดเยี่ยมสุดๆ เพราะสามาถหลบหลีกการเพรสซิ่งได้ดี กระทั่งเกมแดนกลางไหลลื่น

ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร (6 คะแนน)

      จังหวะจ่ายเกือบเสีย แต่คู่แข่งดันลื่นและกลายเป็นคนจ่ายให้เพื่อนได้ยิงประตู ส่วนที่เหลือดูเงียบๆ เพราะหลังจากนั้นทีมต้องเน้นตั้งรับ ทำให้ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงต้นครึ่งหลัง

ชนาธิป สรงกระสินธ์ (8 คะแนน)

      วิ่งเยอะ เชื่อมมาก และหลอกล่อคู่แข่งได้ดี อีกทั้งยังยิงได้ถึง 2 ประตู แต่มันน่าเสียดายที่ยิงจุดโทษไม่ดีเท่าไร ทำให้อดแฮตทริกและจำต้องหักคะแนนเล็กน้อย

ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (6 คะแนน)

      ลงมาแพ็คเกมแดนกลางเพื่อปะทะกับความหนักหน่วงของคู่แข่ง ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดี

ศุภชัย ใจเด็ด (6 คะแนน)  

      ลงมาในช่วงกลางครึ่งหลังและเน้นรอบอลในแดนบน แต่ไม่ค่อยมีทักษะในการเลี้ยวหลบคู่แข่ง

วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (6 คะแนน)

ถูกส่งลงมาเติมความสดในแดนกลาง แต่พอเจอบอลหนัก เจ้าตัวก็ฉายแววไม่ค่อยออก

วีระเทพ ป้อมพันธุ์ (6 คะแนน)

      ลงมาแล้วได้แต่ช่วยเกมรับ ซึ่งแม้จะไม่งานถนัด แต่เจ้าตัวก็ช่วยได้ดี

ทริสตอง โด (6 คะแนน)

      ลงมาในช่วงท้ายเกม ซึ่งมันไม่ควรมีคะแนนให้ แต่การเปิดบอลล้นและเกินให้เห็น มันก็จำเป็นต้องให้คะแนนเพื่อสะท้อนฟอร์มที่ยังมีจุดด้อย

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ชุดสำรอง โชว์ฟอร์มแจ่ม อัด สิงคโปร์ คาบ้าน 2-0

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบแบ่งกลุ่มของทีมชาติไทย จบลงแบบสวยงาม พร้อมกับการเข้ารอบรองชนะเลิศในฐานะแชมป์กลุ่ม ซึ่งการตบ สิงคโปร์ ด้วยตัวผู้เล่นชุดสำรอง 2-0 ใครโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นบ้าง วันนี้เราจะไปให้คะแนน

ศิวรักษ์ (7 คะแนน)

ความนิ่งและวามเก๋ายังเหลือๆ เริ่มจากช่วง 15 นาทีแรก ได้โชว์เซฟ ส่วนในครึ่งหลังมีจังหวะออกมาปิดมุมเซฟอีกหน

เอเลียต (8 คะแนน)

ผลงานเก่าๆ อาจเป็นภาพหลอกหลอนแฟนบอล แต่แมตช์นี้เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างเด็ดดวง อีกทั้งยังเติมขึ้นมายิงประตูแบบนิ่งๆ

ปวีร์ (8 คะแนน)

แนวรับที่ถูกเรียกเข้ามาเป็นอะไหล่สำรอง แต่พอได้ลงเล่นตัวจริงนัดแรก ดันโชว์ฟอร์มได้อย่างไฉไล แม้จะมีตื่นๆบ้างในช่วงต้นเกมกับท้ายครึ่งหลัง

ทริสตอง โด (5 คะแนน)

ออกสตาร์ทครึ่งแรกในตำแหน่งแบ็คขวา แล้วขยับมายืนแบ็คซ้ายในครึ่งหลัง แต่การเปิดบอลวันนี้ล้นตลอด ซึ่งมันทำให้ทีมเสียโอกาสไป

สุริยา (7 คะแนน)

ได้ลงสนามเป็นนัดแรก แล้วทำผลงานได้ดี ซึ่งสำหรับทีมแล้ว มันนับเป็นเรื่องที่ดีกับการมีอะไหล่ที่มีคุณภาพ

วีระเทพ (7 คะแนน)

ครึ่งแรกอาจจะไม่โดดเด่นมาก แต่ครึ่งหลังจัดว่าท็อปฟอร์มสุดๆ กับการจับและจ่ายให้กับเพื่อนอย่างทั่วถึง กระนั้นมันน่าเสียดายที่การจ่ายของเจ้าตัว ไม่นำพาไปสู่ประตูที่ 3

ฐิติพันธ์ (6 คะแนน)

ลงสนามเพื่อประคองน้องๆ ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดีและไม่มีความผิดพลาดอะไร

วรชิต (7 คะแนน)

มีจังหวะจ่ายให้ ศุภชัย แบบเฉียบขาด รวมถึงมีการเชื่อมบอลที่ดี แต่การเคลื่อนที่เพื่อรอและเชื่อมบอล ยังเป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องปรับปรุง

บดินทร์ (7 คะแนน)

ไม่ค่อยโดดเด่น เว้นเสียแต่จังหวะที่ปั่นฟรีคลิกและเป็นที่มาของประตูนำ 1-0

ปฐมพล (6 คะแนน)

ลงประจำการในตำแหน่งหน้าฝั่งขวา แต่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไร

ศุภชัย (8 คะแนน)

บอลมาไม่ค่อยถึงตัว แต่พอมีโอกาสก็สามารถจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม ด้วยการยิงไปทางเสาแรกบริเวณข้างขาของผู้รักษาประตู

ปกเกล้า (6 คะแนน)

ลงสนามในช่วงครึ่งหลัง แต่ไม่โดดเด่นนัก เพราะการจ่ายเป็นในลักษณะขวางไปมา

 โรเลอร์ (6 คะแนน)

      ได้วิ่งเติมเกมแบบรัวๆ แต่สุดท้ายมาตายตอนจบทุกที

 อดิศักดิ์ (6 คะแนน)

      ดูยังโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออกและยังไม่เหมือนเดิมกับปีที่ผ่านมา

พิชา (5 คะแนน)

      ลงมาในช่วงครึ่งหลัง แต่ดูไม่โดดเด่นและหายไปจากเกม   

ศิวกร (5 คะแนน)

      เป็นอีกราย ที่ลงมาแล้วเงียบและไม่โดดเด่น จนเสมือนว่าแค่ลงมาให้ตัวครบ 11 คน  

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมเฉือนฟิลิปินส์ เข้ารอบรอง ด้วยสกอร์ 2-1

เสร็จสิ้นไปแล้ว 1 ขั้น สำหรับทีมชาติไทย ในการล่าแชมป์ AFF SUZUKI CUP 2020 โดยในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 สามารถเฉือน ฟิลิปินส์ ได้ไป 1-2 ซึ่งนั่นส่งผลให้ทัพช้างศึกตีตั๋วเข้ารอบรองชนะเลิศได้เป็นที่แน่นอนแล้ว ฉะนั้นในส่วนนี้เราจะมาประเมินและให้คะแนนแก่นักเตะรายบุคคล ว่าใครสมควรได้รับไปคนละเท่าไร

ฉัตรชัย (6 คะแนน)

      ไม่เล่นท่ายาก ก็ไม่มีความผิดพลาด ส่วนจังหวะเสียประตูระยะมันจ่อแบบเข้าใจได้  

ทอม เบียร์ห (5 คะแนน)

      กลายเป็นจุดอ่อนของแนวรับไปเสียอย่างนั้น เพราะการโหม่งวันนี้ถวายพานเป็นประตูตีเสมอให้คู่แข่ง อีกทั้งยังมีอีก 1-2 ที่เกือบจะแถมให้เพิ่ม ซึ่งหลังเกมคงต้องไปปรับกันยกใหญ่ มิเช่นนั้นลำบากแน่

กฤษดา (7 คะแนน)  

      การอ่านเกมที่เฉียบขาด ส่งผลให้การยืนตำแหน่งสกัดบอลทำได้ดีแบบสม่ำเสมอ

นฤบดินทร์ (6 คะแนน)

      ไม่ทราบว่าเป็นคำสั่งของโค้ชหรือไม่ เพราะวันนี้ไม่ค่อยเติมสูง ทำให้ไม่ค่อยเห็นลูกเปิดสวยๆเหมือน 2 นัดที่ผ่านมา 

ธีราทร (7 คะแนน)

      มี 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ ซึ่งเป็นการจ่ายที่เฉียบขาดอย่างยิ่ง เพราะมันมีแค่ช่องเล็กๆตรงนั้นช่องเดียวที่จะจ่ายได้ ส่วนครึ่งหลังบทบาทอาจดูน้อยลงไป ทำให้ต้องมีการหักคะแนน  

พิธิวัต (6 คะแนน)

      บทบาทอาจจะไม่โดดเด่น แต่การตัดเกมโต้กลับของคู่แข่งทำได้ดี

สารัช (6 คะแนน)

      ครึ่งแรกดูจะสอดประสานการเชื่อมเกมได้ดี แต่หลังจากถูกตีเสมอ ก็เหมือนจะตื้อๆไป

ชนาธิป (6 คะแนน)

      ฟอร์มดรอปจากเกมที่แล้วค่อนข้างชัด ซึ่งในวันนี้ทำอะไรก็ดูจะไม่พอดี ทำให้สุดท้ายถูกเปลี่ยนตัวออกไป

ธนวัฒน์ (6 คะแนน)

      เป็นอีกรายที่ดูฟอร์มดรอปลงไป ซึ่งมันดรอปถึงขั้นไม่มีลูกยิงไกลที่เคยทำบ่อยๆให้เห็น

ธีรศิลป์ (8 คะแนน)

      ลูกขึ้นนำ 0-1 ถือเป็นการยิงที่สุดยอด เพราะมันได้ทั้งนำหนักและทิศทาง ส่วนลูกโทษขึ้นนำ 1-2 ยิงไม่มุม แต่ได้ความแรง กระนั้นก็ยังมีบางจังหวะที่ได้ยิงจ่อๆ แต่ดันพลาด ทำให้ต้องหักคะแนนออกนิดหน่อย

ศุภโชค (6 คะแนน)  

      ถูกส่งลงมายืนหน้าคู่ แล้วหลายครั้งเจ้าตัวไม่เล่นมากจังหวะ แต่การยิงดูจะเบาและไม่ค่อยได้ทิศทาง  

ฐิติพันธ์ (7 คะแนน)

      ถูกส่งมาไม่นาน แต่มีส่วนสำคัญกับชัยชนะจนต้องให้คะแนน เพราะในจังหวะนั้นกำลังชุลมุน แล้วเจ้าตัวตัดสินใจที่จะแตะบอลหนี ทำให้คู่แข่งเตะจนได้จุดโทษ ซึ่งนี่นับเป็นการเล่นที่ฉลาดอย่างยิ่ง

วรชิต, บดินทร์, ศุภชัย และ เอเลียส (ไม่มีคะแนน)

      3 รายแรก ถูกส่งลงมาในช่วงคาบเกี่ยวที่ได้ประตูนำ 1-2 ทำให้ไม่ค่อยมีบทบาท ส่วนรายหลังลงมาเพื่ออุดประตู แต่ก็โดนบอลแบบนับครั้งได้ ทำให้ทั้ง 4 รายนี้ ไม่มีคะแนน

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ดีคนละครึ่ง”

สิงคโปร์ รูปเกมเป็นรอง ไล่เจ๊า อินโดนีเซีย 1-1 ในรอบรอง นัดแรก

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบรองชนะเลิศ คู่แรกและนัดแรก ที่สนามเนชั่นเนล สเตเดี้ยม ออฟสิงคโปร์ ทีมชาติสิงคโปร์ ที่เข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม A จะต้องพบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่เบียดเข้าป้ายมาในฐานะแชมป์กลุ่ม B ด้วยจำนวนประตูได้เสีย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เมอร์ไลออนของโยชิดะ ใช้ 3-5-2 ส่วนทางฝั่งเดอะการูด้าของ ชิน แต ยัง เป็น 3-4-3

      การแข่งขันในช่วง 5 นาทีแรก ทั้ง 2 ทีม แลกหมัดกันทันที ซึ่งหากฝ่ายไหนรุกก็จะวัดด้วยการสาดบอลไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ส่วนฝ่ายไหนต้องตั้งรับ ก็จะสกัดแบบทีเดียวเอาอยู่ จากนั้นพอเข้าสู่นาทีที่ 6 เป็นต้นไป รูปเกมเริ่มจะเป็นระบบมากขึ้น โดยทางฝั่ง ทีมชาติอินโดนีเซีย จะดูดีกว่า เพราะสามารถต่อบอลจากหลังสู่แดนกลาง แล้วพยายามสบโอกาสเพื่อออกบอลไปให้ปีกได้จู่โจม กระทั่งมาได้ประตูนำ 0-1 จากการตัดบอลได้ในแดนตัวเอง แล้วจัดการทำชิ่งกันแค่ 2 คน ก่อนจบด้วยการยิงบริเวณจุดวางลูกโทษ ซึ่งในจังหวะนี้ แนวรับฝ่ายตรงข้ามไปชะงักตอนทำชิ่ง จนเกิดการยืนป้องกันที่ผิดตำแหน่ง ขณะที่ ทีมชาติสิงคโปร์ รูปเกมดูเป็นรองเพราะวิ่งขยับหาช่องน้อยกว่า จ่ายบอลแม่นน้อยกว่า และที่สำคัญ คือ จังหวะเข้าทำที่เป็นการโยนหรือแทงแบบโต้งๆ ซึ่งมันทำให้เป็นงานง่ายของแนวรับในการสกัด    

ครึ่งหลัง สิงคโปร์ เลือกที่จะแลกด้วยการส่งแนวรุกลงมาเพิ่ม แต่ปัญหาเดิมๆอย่างที่กล่าวว่า การวิ่งน้อยกว่า การจ่ายบอลแม่นยำน้อยกว่า และการเข้าทำที่ไม่มีความแยบยลพอ มันก็เป็นผลให้ อินโดนีเซีย ดักบอลและเอาบอลไปครองได้อยู่เรื่อยๆ กระนั้นการต่อบอลมาถึงแดน 3 ของพวกเขา มันก็หมดความอันตรายลงไป เพราะมันได้แต่แทง จนบอลออกหลัง หรือโยนข้ามฟาก จนบอลออกข้างและโดนดัก กระทั่งการโดนดักจากบอลโยนข้ามฟาก ก็ได้กลายเป็นเกมโต้กลับของ สิงคโปร์ และประตตีเสมอ 1-1 ซึ่งการยิงของ อิรซาน ทำได้ดี แต่แนวรับของ อินโดนีเซีย ก็มีการยืนตำแหน่งที่ผิดพลาด

      หลังจากได้ประตูตีเสมอ รูปเกมของ สิงคโปร์ วูบวาบขึ้นมาทันที และเกือบขึ้นนำ แต่พอผ่านไปสัก 5-10 นาที รูปเกมก็ดีดกลับมาทาง อินโดนีเซีย กระนั้นแนวรับของเมอร์ไลออนที่ถอยลึกและไม่พลาดง่ายๆอีก มันก็มีผลให้เกมนี้จบลงด้วยสกอร์ 1-1

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติสิงคโปร์ ศักยภาพและรายละเอียดต่างๆของเกม เป็นรองคู่แข่ง กระนั้นยังดีที่ว่าการแก้ของโค้ช ผสมกับความสามารถของนักเตะ ยังมีแต้มบุญให้พวกเขาตีเจ๊าในเกมนี้ได้ ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติอินโดนีเซีย รูปเกมเหนือกว่า แม้การเข้าทำจะไม่หลากหลาย แต่ครึ่งหลังไปเล่นแบบเนือยๆจนโดนตีเสมอ กระนั้นการจะเอาคืน มันก็กลายเป็นงานยาก เพราะคู่แข่งไม่พลาดเปิดช่องให้แล้ว

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ยิงน้อยไปนิด”

ไทย เหนือกว่าทุกเหลี่ยม แต่สุดท้ายเฉือน ติมอร์ แค่ 0-2

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ AFF SUZUKI CUP 2020 นัดประเดิมสนามที่ เนชั่นเนลสเตเดี้ยมออฟสิงคโปร์ ทีมชาติติมอร์ เลสเต้ ที่ได้บายในรอบเพลย์ออฟ จะต้องพบกับเต็งแชมป์ของรายการอย่าง ทีมชาติไทย ที่ยังอยู่ในสภาพไม่ฟูลทีม อีกทั้งนี่ยังเป็นการประเดิมคุมทีมนัดแรกของ มาโน่ โพลกิ้ง อีกด้วย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม แซมบ้าน้อยมาในระบบ 3-4-3 ส่วนทัพช้างศึกใช้ 4-3-3

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ไทย ครองเกมได้เหนือกว่าทันที แต่ปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน คือ การเล่นบอลในพื้นที่แดน 3 ซึ่งตัวไม่มีบอลเคลื่อนที่น้อย ส่วนคนมีบอลก็ไม่ค่อยมีตัวเลือกในการจ่าย นั่นจึงทำให้การต่อบอลที่รวดเร็วเพื่อทะลุทะลวงไม่มี สุดท้ายจึงต้องพึ่งการเปิดจากแบ็คทั้งสองข้าง โดยมาตรฐานที่ต่างกันจึงทำให้ทัพช้างศึกมีโอกาสอยู่เนืองๆ แต่เพราะความเฉียบคมและการเล่นมากจังหวะ มันก็ส่งผลให้ทีมยิงประตูนำไม่ได้ ขณะที่ ติมอร์ พยายามตั้งรับให้แน่นหนาแต่ก็โดนเจาะถึงไส้ตลอด กระนั้นยังโชคดีที่คู่แข่งไม่คมเอง ส่วนเกมรุก แค่ต่อบอลให้พ้นจากแดนตัวเองยังลำบาก หรือต่อให้ไปได้ก็แค่ลากบอลและโดนรุมจนเสีย   

ครึ่งหลัง ไทย เปลี่ยนเอากลางรุกลงมาเพิ่ม แล้วใช้เวลาไม่นานก็ได้ประตูนำ 0-1 ซึ่งในจังหวะนี้มาจากการฉกบอลกลางทาง แล้วเป็น นฤบดินทร์ ที่เปิดให้ ปฐมพล จับบอล ลากหาพื้นที่ และยิงเข้าไป จากนั้นการบุกของ ไทย ดูจะผ่อนคลายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเมื่อ ติมอร์ ได้บอล พวกเขาก็ใช้วิธีการถ่ายบอลหนีและค่อยขึ้นเกม อีกทั้งการขึ้นมาก็เน้นที่จะจบให้เร็วและยิงเข้ากรอบไว้ก่อน แต่พอศูนย์หน้าตัวหลักอย่าง ซัวเรช เจ็บ เกมบุกก็ไร้พิษสง ทันที จากนั้น ทัพช้างศึก สามารถเดินเกมบุกได้อย่างสะดวกและมาได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 จากจังหวะที่เป็นใจของ สุภโชค

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติติมอร์ ศักยภาพเป็นรองชัดเจน โดยแม้ว่าจะมาตั้งแผงเกมรับให้แน่นหนาที่สุด แต่ก็โดนเจาะเข้ามาตลอดเวลา กระนั้นด้วยความไม่เฉียบคมของคู่แข่งเอง ทำให้โดนยิงน้อย รวมถึงมีโอกาสที่จะบุกแลกในช่วงที่สกอร์ยังโดนนำไม่ขาด ขณะที่ ทีมชาติไทย เกมรับยังไม่มีข้อผิดพลาดแบบชัดเจน เพราะยังไม่เจอคู่แข่งที่แข็ง แต่สำหรับเกมรุก นับว่ามีอะไรที่ต้องปรับอีกเยอะ โดยเฉพาะการต่อบอลเข้าไปในแดน 3-4 ที่ยังช้าและไม่สอดรับกัน กระนั้นยังดีที่ความฉมังของบอลริมเส้นช่วยหนุนนำให้ได้ประตู

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย ในเกมถล่ม พม่า 4-0

      ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 นัดที่ 2 สาย A ทีมชาติไทย ลงสนามและถล่มคู่แข่งอย่าง ทีมชาติเมียนมาร์ ไปขาดลอย 4-0 ซึ่งภายใต้สกอร์ที่มากขนาดนี้ ผู้เล่นที่ลงสนามไปจะคะแนนกันคนละเท่าไร นับจากนี้เราไปลุ้นพร้อมๆกัน  

ฉัตรชัย (5)  

      ไม่มีงานหนักให้ต้องเซฟยากๆ แต่การเล่นท่ายากมาเกินไปมันเกือบส่งผลให้ทีมเสียประตู

ทอม เบียรห์ (6)

      มีจังหวะต้องตามประกบคู่แข่งไม่กี่ครั้ง แต่การจ่ายบอลพลาดหน้าบ้านตัวเองมันติดตาจนต้องหักคะแนน

กฤษดา (7)

      น่าจะเป็นกองหลังตัวจริงในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะการอ่านเกมที่มองขาด อีกทั้งยังเติมเกมบุกได้ด้วย

ธีราทร (7)

      การเปิดบอลน่ากลัวเหมือนเคย แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ประตูจากการเปิดของโก๋อุ้ม

นฤบดินทร์ (8)

      เติมเกมได้สนุกสุดมันส์ อีกทั้งการเปิดบอลของเจ้าต้นฉมังสุดๆ แล้ววันนี้ได้เพิ่มอีกแอสซิสต์

พิธิวัฒน์ (6)

      ยืนคุมกลางรับ ทำให้บทบาทน้อย อีกทั้งยังมีจังหวะจ่ายบอลกลางสนามพลาด ทำให้มีอันต้องหักคะแนน

สารัช (6)

      มีบทบาทในการเชื่อมเกมกลางสนาม แต่ไม่ค่อยมีจังหวะจ่ายคิลเลอร์พาส ทำให้คะแนนไม่ค่อยขึ้น

ธนวัตน์ (7)

      การเชื่อมและสวิตช์บอลยังมีให้เห็นเหมือนเคย อีกทั้งวันนี้ยังได้เห็นลูกยิงไกลค่อนข้างบ่อย ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ประตู แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของประตูที่ 2

ชนาธิป (6)

      การมีเมสซี่เจ ทำให้เกมแดนกลางไหลลื่น แต่ที่คะแนนน้อยเพราะมีโอกาสทองที่จะเป็นประตู แล้วเจ้าตัวดันชิพไปติดหัวกองหลังเสียอย่างนั้น

ธีรศิลป์ (6)

      ยิงได้ 2 ประตู ก็จริง แต่โอกาสทองที่มีมากมายก่ายกอง ดันยิงทิ้งยิงขว้างไปเสียอย่างนั้น

ศุภชัย (6)

      ถ่างตัวออกไปเก็บบอลด้านข้างเยอะ ทำให้ห่างจากประตูจนแทบไม่มีโอกาสได้ยิงนัก  

ศุภโชค (7)

      ลงมาในช่วงท้าย ซึ่งการเล่นง่ายๆและไม่มากจังหวะ มันก็ส่งผลให้ยิงประตูได้ 2 เกมติด

ฐิติพันธ์ (6)

      ลงมาช่วงท้าย แต่ดูเฉื่อยๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายไม่สมบูรณ์ หรือต้องการถนอมตัว

ปฐมพล (6)

      ไม่ค่อยมีบทบาทนัก เพราะเมื่อไรที่บอลมาถึงตัว ก็จะถูกรายล้อมด้วยแนวรับคู่แข่ง

วรชิต (7)

      ลงมาแปบเดียวก็ยิงประตูได้ทันที ซึ่งการยิงลูก 3-0 แบบไม่จับ มันสื่อให้เห็นถึงความมั่นใจที่มีอยู่เต็มอก

ทริสตอง โด (7)

      ลงมาไม่นาน แต่ความโดดเด่นมีเทียบเท่า นฤบดินทร์ ซึ่งหากมองผ่านๆอาจเผอคิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ทีมชาติไทย ศึก AFF SUZUKI cup 2020

AFF SUZUKI  cup ได้จับสลากแบ่งสายออกมาเป็นที่เรียบร้อย

โดยการแข่งขันหนนี้ ทีมชาติไทย จัดว่าอยู่สายเบาในกลุ่ม A  เพราะคู่แข่งอย่าง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ต่างรวมตัวกันอยู่ที่กลุ่ม B นั่นจึงทำให้ทัพช้างศึก มีโอกาสสดใสสำหรับการเข้าต่อไป แต่ก่อนจะไปพูดถึงตรงนั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า 4 นัด ในรอบแรกของทีมชาติไทย จะต้องเจอกับใครและคู่แข่งมีสภาพทีมเป็นอย่างไรบ้าง

5 ธ.ค. ติมอร์ หรือ บรูไน – ทีมชาติไทย

เกมเปิดหัว ทีมชาติไทย อาจเรียกได้ว่าเป็นการซ้อมใหญ่ เพราะจะต้องเจอกับทีมจากรอบเพลย์ออฟ โดยทางฝั่งติมอร์ พึ่งเจอใน SUZUKI cup 2018 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทัพช้างศึกถล่มขาดลอยถึง 7-0 ส่วนทางฝั่งบรูไน เราไม่เคยกันมานานแสนนานแล้ว กระนั้นก็เชื่อว่าหากเจออีกครั้ง คงไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับเรา

11 ธ.ค. ทีมชาติไทย – ทีมชาติเมียนมาร์

ทีมชาติไทย มีเวลาได้พักจากเกมแรกนานถึง 6 วัน โดยคู่ต่อกร คือ ทีมชาติเมียนมาร์ ซึ่งพบกันครั้งล่าสุดเมื่อ SUZUKI cup 2016 ในรอบรองชนะเลิศ แล้วเป็นขุนพลช้างศึกจัดการถล่ม 2 นัด 6-0 (0-2, 4-0) ส่วนสภาพทีมของทัพหงส์ทองในตอนนี้ ค่อนข้างกระจัดกระจาย เพราะนักเตะส่วนหนึ่งถูกจับ บางคนหลี้ภัย และหลายคนไม่ขอรับใช้ทีมชาติ ทำให้มีโอกาสสูงที่ผลงานในครั้งนี้จะย่ำแย่  

14 ธ.ค. ทีมชาติฟิลิปปินส์ ทีมชาติไทย

ให้หลัง 3 วัน ทีมชาติไทย จะต้องพบกับขุนพลตากาล็อก ที่มี สก็อต คูเปอร์ อดีตเฮดโค้ชที่เข้ามาทำงานในวงการฟุตบอลไทยนานหลายปี โดยผลงานครั้งล่าสุดที่พบกันในศึก AFF SUZUKI cup 2018 รอบแรก ทีมชาติไทย บุกไปนำก่อน แต่ถูกทีมชาติฟิลิปปินส์ ตามตีเสมอท้ายเกม ทำให้การพบกันในหนี้ไม่ง่ายแน่ เพราะนักเตะส่วนใหญ่เล่นอยู่ต่างประเทศ แล้วหนึ่งในประเทศที่โยกไปค้าแข้งมากที่สุด คือ ไทยลีก

18 ธ.ค. ทีมชาติไทย – ทีมชาติสิงคโปร์

จากนั้น 4 วัน ทีมชาติไทย จะต้องลงเล่นนัดสุดท้ายในรอบแรก กับ เมอร์ไลอ้อน ซึ่งในอดีตนับเป็นทีมที่ใครไม่อยากเจอ เพราะพวกเขาแกร่งทั่วแผ่น จนเคยรั้งตำแหน่งจ้าวอาเซียน 4 สมัย แต่สุดท้ายถูกทีมชาติไทย ปาดหน้าแซงเป็น 5 สมัย ส่วนสภาพทีมในปัจจุบัน กลายเป็นทีมระดับกลางๆของอาเซียนไปแล้ว ฉะนั้นการพบกันในนัดส่งท้าย ขอแค่ทัพช้างศึกไม่ประมาทเป็นพอ หรือเมื่อถึงเวลานั้น จ้าวอาเซียน 5 สมัย อาจจะลอยลำเข้ารอบและไม่ต้องเคร่งเครียดกับเกมนัดนี้ก็เป็นได้  

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover