Categories
Sport

“คาบ้านนัดแรก” 

อยุธยา เจอจักรยานกลางอากาศ พ่ายคาบ้านนัดแรกให้ นครปฐม 0-1

ศึกฟุตบอลไทยลีก 2 นัดที่ 8 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ เกมบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์อยู่ที่สนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยุธยา ยูไนเต็ด ที่พึ่งตกจากบัลลังก์จ่าฝูง หลังจากบุกพ่ายชัยนาทมาเมื่อนัดที่แล้ว

วันนี้จะเปิดบ้านรับ นครปฐม ยูไนเต็ด ที่ค่อยๆไต่อันดับขึ้นมาอยู่ที่ 4 ของตาราง สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-2-3-1 ส่วนทีมเยือนยึดระบบ 4-3-3

      ช่วงต้นเกม นครปฐม ตัดบอลและสวนกลับ โดยเมื่อถึงแดน 3 เป็นต้นไป จะเจาะทางริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง แล้วค่อยๆหาทางจ่ายบอลเลียดไปหน้าประตู แต่ยังไม่ค่อยถึงตัวที่ยืนรอด้านใน กระทั่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อยุธยา เริ่มตั้งเกมได้ด้วยการวางบอลออกไปทางด้านซ้ายให้ จักรพันธ์ ได้ลากเลื้อยและจ่ายไปหน้าประตู ซึ่งถึงตัวในที่รอบอล แต่มักไม่ได้ยิงในจังหวะแรก เพราะมักแต่งจังหวะและหาช่องยิง ส่วนโอกาสใกล้เคียงสุดๆ คือ ชนเสาไป 1 ครั้ง

ครึ่งหลัง นครปฐม แก้เกมด้วยการให้แนวรับยืนประกบปีกทั้ง 2 ข้างของเจ้าถิ่น ซึ่งตรงจุดนี้เป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของเจ้าบ้าน เพราะมันทำให้บอลของ อยุธยา ไม่สามารถลำเลียงและจ่ายเข้าพื้นที่อันตรายเหมือนครึ่งแรก พร้อมกันนั้นยังพยายามตั้งรับเพื่อดักบอล แล้วโต้กลับจนได้ประตูนำ 0-1 จากการเล่นน้อยจังหวะและจบด้วยการจักรยานอากาศเข้าไป จากนั้นกลายเป็น อยุธยา ที่เริ่มต้องโหมบุก

แต่มันเริ่มมีความผิดพลาดตรงการจ่ายบอล กระทั่งเล่นผิดพลาดและไม่มีโอกาสพาบอลเข้าแดนอันตรายอีกเลย ส่วนทางฝั่งเสือป่าราชา การโต้กลับหลายครั้งน่าได้ประตูเพิ่ม แต่บอลดันชนคานและยิงไม่ดีเองหลายครั้ง ทำให้จบเกมด้วยชัยชนะ 0-1 ของทีมเยือน

      บทสรุปจากเกม อยุธยา ยูไนเต็ด มีรูปเกมที่กว่าในครึ่งแรกกับการวางบอลให้ปีกกระชากบอลไปป้อนให้แนวรุก กระนั้นหากพูดถึงการจบสกอร์ ความถี่มันน้อยเพราะแนวรุกต้องยิงโดยมีแนวรับคู่ยืนบังตรงหน้าและสลัดไม่เคยหลุด จนเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังรูปเกมดรอปลง เพราะถูกคู่แข่งดักทางจนไม่มีโอกาส กระทั่งการเร่งจังหวะทำให้ถูกอย่างผิดพลาดและพ่ายแพ้ไป

ส่วนทางฝั่ง นครปฐม ยูไนเต็ด ศักยภาพนักเตะเป็นรองแต่ทีมเวิรค์ดีกว่า โดยเฉพาะการบิ้วเกมขึ้นมาจากด้านหลังที่ไหลลื่น แต่จังหวะเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไร อย่างไรเสียประตูที่พวกเขาได้ในวันนี้ มันคือความแตกต่างที่ทำให้พวกเขาควรได้ 3 แต้ม กล่าวคือ การยิงของนักเตะเสือป่าราชาเป็นการยิงแบบไดเรค แต่สำหรับเจ้าบ้านมักมีการแต่งหลายจังหวะจนไม่มีช่องยิง

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“แมนยู” ซ้อมอะไรกันบ้าง

เดอะแมตช์ แบงค็อก เซนจูรี่คัพ 2022 แมนยู ซ้อมอะไรกันบ้าง

เกมแดงเดือดครั้งแรกในทวีปเอเชียได้ผ่านพ้นไปแล้ว รวมถึง ณ ตอนนี้ที่ผู้ชนะในเกมเดอะแมตช์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ออกเดินทางไปลงเกมอุ่นเครื่องต่อที่ออสเตรเลีย ตั้งแต่หลังเกมราวเที่ยงคืน ซึ่งในการมาทัวร์ประเทศไทยครั้งนี้ ปีศาจแดงภายใต้การทำทีมของกุนซือของ เอริค เทน ฮาก จะเป็นอย่างไรบ้าง นับจากนี้เราจะมาสรุปกันเป็นข้อๆ   

เข้าแคมป์เร็ว เพื่อเร่งสร้างทีม

       แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มีการเรียกนักเตะกลับมาเข้าแคมป์ปรีซีซั่นตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับโค้ชใหม่อย่าง เอริค เทน ฮาก ที่จะมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น เพราะตัวกุนซือไม่มีประสบการณ์ในเวทีพรีเมียร์ลีก รวมถึงการเข้ามารับงานปีศาจแดง ทุกคนย่อมรู้ถึงความกดดันและความคาดหวังที่มีอยู่มหาศาล กระนั้นการที่ โรนัลโด้ ไม่มารายงานตัวฝึกซ้อม มันก็ดูเหมือนจะเป็นปัญหา อีกทั้งการไม่มีนักเตะระดับบิ๊กเข้ามาสู่ทีมเสียที มันก็ได้เกิดความกังวลใจเล็กๆสำหรับแฟนบอล  

ระบบการซ้อมมีความเข้มข้น

      แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางถึงประเทศไทยในช่วงสายของวันเสาร์ที่ 9 กค นั่นจึงทำให้พวกเขามีเวลาซ้อมและปรับตัวมากกว่าคู่แข่ง โดยในการฝึกซ้อม การรับส่งบอลยังช้าและขาดๆเกินๆ ซึ่งเมื่อไรที่ เทน ฮาก เห็นถึงความผิดพลาดและไม่เป็นไปตามแผน เจ้าตัวจะเรียกนักเตะมาพูดคุยทันที ฉะนั้นมันจึงแน่นอนว่า แมนยู กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมและต้องใช้เวลา แต่จะถูกทางหรือไม่ เวลาจะเป็นตัวบ่งบอก นอกจากนี้ในการวอร์มอัพก่อนเกมอุ่นเครื่อง สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น คือ การยิงประตูของผู้เล่นปีศาจแดงเกือบ 80% มีความเฉียบคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

จัดชุดใหญ่ในช่วงต้น และทยอยเปลี่ยนตัวลงมา

      แมนยู วางระบบ 4-2-3-1 ซึ่งเป็นระบบที่โซลชา เคยใช้เป็นแผนหลัก ส่วนตัวผู้เล่นที่จัดลงไปถือเป็นชุดที่เกือบฟูลทีม ซึ่งได้เล่นร่วมกันใน 45 นาทีแรก โดยสิ่งที่ได้เห็น คือ การต่อบอลจากแดนตัวเองยังต้องอาศัยการวางยาวเป็นหลัก กระนั้นด้วยความผิดพลาดของคู่แข่ง ตัวเองจึงมีโอกาสแถมยิงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ขณะที่ครึ่งหลังได้มีการเปลี่ยนผู้เล่นชุดใหม่ลงมา ซึ่งมีตัวจริงเพียงไม่มีกี่ราย ทำให้รูปเกมใน 45 นาทีหลัง ต้องเน้นการตั้งรับ และโต้กลับ แล้วด้วยความเฉียบคมจึงมาได้ประตูที่ 4 ในช่วงโค้งสุดท้ายของเกม  

สิ่งที่ต้องมองนับจากนี้

      ในเรื่องของระบบ การยืนพื้นที่ และวิ่งขยับหาช่อง คือ สิ่งที่ เทน ฮาก ต้องพัฒนาต่อ เพราะรูปแบบที่กล่าวมานี้ยังไม่ค่อยชัดเจน อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่ แมนยู มักประสบมาตลอดในช่วงหลัง ฉะนั้นหากก่อนเปิดซีซั่น แมนยู สามารถทำเหล่านี้ได้ชัดเจนขึ้นได้ ผลงานที่ดีก็อาจจะอยู่ไม่ไกล

ติดตาม ความSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“คว้าแชมป์สำเร็จ เพราะเลือกเปลี่ยนเร็ว”

สรุปผลงาน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จบเลกแรกด้วยการเป็นจ่าฝูง ซึ่งหากมองผ่านๆก็นับเป็นผลงานที่น่าพอใจ แต่สำหรับนายใหญ่อย่าง เนวิน ชิดชอบ ยังไม่ประทับใจ ทำให้เลือกที่จะปรับและเปลี่ยนทันที แล้วการตัดสินใจเร็วครั้งนี้ก็ได้เป็นตัวแปรให้ทีมคว้าแชมป์ในบั้นปลาย แม้จะมีเสียวมีเกร็งในช่วงท้าย แต่ที่สุดก็คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 7 มาครองได้

ในช่วงพักเลกแรก บุรีรัมย์ จัดการปลด การ์ม่า ออกจากตำแหน่ง แม้จะพาทีมจบตำแหน่งจ่าฝูง ซึ่งหากดูจากรูปแบบและฟอร์มการเล่น มันได้เห็นถึงความกระท่อนกระแท่น ความไม่คงเส้นคงวา และระบบหลัง 3 ที่ดูไม่สร้างสรรค์อีกต่อไปแล้ว ส่วนกุนซือใหม่ที่ดึงมาร่วมงานก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะคนคนนั้น คือ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่เลือกทิ้งสมุทรปราการ ซิตี้ แบบกลางทาง เพื่อมารับงานใหญ่ที่ชาติตระกูลสูงกว่า พร้อมกันนั้นยังได้ดึงสตาฟญี่ปุ่นเข้ามาทำงานในทีมชุดใหญ่จนถึงชุดเยาวชน

ในเรื่องของขุมกำลังนักเตะ บุรีรัมย์ ได้เรียกเจ้าพี ศศลักษณ์ กลับมา พร้อมกับดึงเด็กเก่าอย่าง ธีราทร มาร่วมทีมอีกครั้ง ขณะที่ตัวต่างชาติก็ได้ มาซิก้า และ โบลินกี้ เข้ามาเสริมแนวรุก ซึ่งการเสริมตัวในรอบนี้ มันได้เห็นถึงความอันตรายทางฝั่งซ้าย โดยมี ธีราทร เป็นตัวเอก แล้วด้วยความอันตรายตรงนี้ มันก็เป็นผลให้ทัพปราสาทสายฟ้าเดินหน้ากวาดแต้มและทำคะแนนทิ้งห่างทีมตาม

โดยเฉพาะการเฉือน ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-0 ในบ้าน มิหนำซ้ำระยะห่างของแต้มก็มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทีมตามดันสะดุดเองอยู่ร่ำไป กระทั่งเกมในบ้านนัดที่ 26 กับ บีจี ปุทม ยูไนเต็ด ซึ่งขอแค่เก็บชัยก็จะคว้าแชมป์ทันที แต่สุดท้ายดันโดนทีเด็ดของ สารัช จนต้องแพ้คาบ้าน 0-1 จากนั้นกลายเป็น บุรีรัมย์ กดดันตัวเองจนสะดุดเสมอแบบรัวๆ ทำให้ทีมตามอย่าง บีจี ปทุม ที่เหมือนจะหมดลุ้นไปแล้ว เหมือนผีฟื้นจากหลุม อย่างไรเสียยอดทีมจากอีสานใต้ก็ปิดจ็อบของตัวเองได้ จากเกมบุกถล่ม หนองบัว พิชญ เอฟซี 0-3

การกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ไทยลีกอีกครั้งของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดูน่าเกรงขามในช่วงต้นเลก 2 เพราะมันได้เห็นรูปแบบการเล่นที่ต่างออกในยุคอิชิอิ แต่จุดติที่ต้องกลับไปทบทวน คือ ช่วงโค้งสุดท้ายที่อยู่ๆดันเครื่องสะดุด ซึ่งยังดีที่ตุนแต้มมาเยอะ มิเช่นนั้นอาจโดนแซงและน้ำตาตกเหมือนปีที่ผ่านๆมา

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ผลงานแจ่มประศึกรีโว่ไทย

รวมทีมผลงานแจ่มประศึกรีโว่ไทยลีกฤดูกาล 2021/22

ศึกฟุตบอลรีโวไทยลีกฤดูกาล 2021/22 ที่พึ่งจบลงไป ถือเป็นอีกฤดูกาลที่ได้มอบความเมามันส์แก่ผู้ชมแล้วความเมามันส์จะเพิ่มความสะใจขึ้นไปอีก หากทีมที่เชียร์มีผลงานที่ร้อนแรงแบบทะลุปรอทซึ่งจาก 16 ทีม จะมีทีมไหนบ้างที่มีผลงานแจ่มและเหนือจากที่คาดหมาย นับจากนี้เรามาลุ้นไปพร้อมๆกัน

หนองบัว พิชญ เอฟซี

การได้เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 1 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ถือเป็นงานใหญ่ของมาดามจอย ในการบริหารให้อยู่รอดเป็นเบื้องต้น ซึ่งการดึงโค้ชวังเข้ามาร่วมงานถือเป็นการวางแผนที่ดีตั้งแต่ต้น ไม่เพียงเท่านั้นการเสริมตัวไทยและต่างชาติก็อยู่ในระดับที่เพียงพอ ทำให้การออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่เริ่มต้นด้วยการตบโคราชพร้อมกับทำสถิติยามเล่นในบ้านได้ยอดเยี่ยม จนการหนีตายสามารถตัดทิ้งไปเลย

จากผลงานที่ร้อนแรงในเลก แรกบอร์ดบริหารเลือกที่จะเติมนักเตะด้วยการคว้าตัวต่างชาติเข้ามาเพิ่ม ซึ่งดีลที่เซอร์ไพรส์ที่สุดคงหนีไม่พ้น ทาร์เดลี่ ที่เข้ามาผนึกกําลังกับ แฮมิลตัน นั่นจึงทำให้ผลงานของหนองบัวโดดขึ้นไปจบอันดับ 6 แบบเซอร์ไพรส์ ทั้งๆที่ก่อนเปิดฤดูกาลขอแค่หนีตายสำเร็จก็พอแล้ว

ขอนแก่น ยูไนเต็ด

เป็นทีมสุดท้ายที่ได้เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 1 จากการเพลย์ออฟ แถมชัยชนะที่ได้มาก็มาจากการดวลจุดโทษถึงคนสุดท้าย ฉะนั้นมันจึงไม่แปลกนักที่ขอนแก่น จะเป็นเต็งจ่าสำหรับการตกชั้น อีกทั้งการพ่ายแพ้ชลบุรี คาบ้านถึง 0-7 มันก็เริ่มจะส่งสัญญาณว่าพวกเขาอาจจะไม่รอด กระนั้นพวกเขาไม่ยอมจำนน เพราะด้วยการเล่นเกมรับอย่างมีวินัยแล้วอาศัยทักษะอันสูงส่งของเมโล่ ในการเล่นงาน ส่วนในเลกที่ 2 การได้ มามูโล่ เข้ามายืนคู่กับเมโล่ มันก็ได้เพิ่มความอันตรายในเกมรุกแบบยิ่งยวด พร้อมกับการโกยแต้มแบบเป็นกอบเป็นกำ กระทั่งจบฤดูกาลในอันดับที่ 10

เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในยุคที่อัดแน่นไปด้วยตัวเยาวชน เมืองทองถูกมองว่าเป็นทีมที่ประสบความสําเร็จได้ยากซึ่ง ในความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น เพราะนักเตะอายุน้อยยังไม่เก๋าเกมและไม่สามารถเล่นได้อย่างสม่ำเสมอในทุกนัด อีกทั้งโค้ชอย่างมาริโอ้ ประสบการณ์ก็ยังไม่มากพอในวิชาชีพโค้ช ทำให้ผลงานในช่วงออกสตาร์ทจึงเกาะในกลุ่มกลางตารางจากนั้นในเลกที่ 2 บอร์ดบริหารได้จัดการเสริมตัวต่างชาติในตำแหน่งกองหลังและหน้าเพื่อกลบจุดอ่อนที่ทีมมี นั่นจึงทำให้กิเลนผยองกลายเป็นทีมที่แพ้ยากและเก็บแต้มได้มากขึ้น แม้จะมีบางนัดที่ทำแต้มหล่นแบบน่าเจ็บใจ แต่ด้วยความที่สะดุดแล้วไม่เป๋ยาวมันก็เป็นผลให้พวกเขาเร่งเครื่องขึ้นมาจบในอันดับ 4 แบบน่าภาคภูมิใจ

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“กว่างได้ไปต่อ”

“กว่างได้ไปต่อ” เชียงราย สวนโหด รัว บีจีปทุม 4-2 เข้ารอบรอง

ศึกฟุตบอลรีโว่ลีกคัพ ฤดูกาล 2021/22 รอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมบิ๊กแมตช์อยู่ที่ ณ สนามลีโอเชียงราย สเตเดี้ยม ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด อดีตแชมป์รายการนี้ 1 สมัย จับสลากมาเจอกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งคู่เคยเจอกันในรอบชิงปี 2018 แล้วเป็นทางกว่างโซ้งที่เฉือนชนะไป 1-0 สำหรับผังการเล่นในวันนี้ เจ้าถิ่นใช้ 4-4-2 ส่วนทางฟากทีมเยือนเป็น 4-2-3-1

เกมการแข่งขันเริ่มต้น บีจี ปทุม ต่อบอลและจ่ายลัดเลาะจากริมเส้นได้ดีจนมีโอกาสน่าได้ประตูนำก่อนแต่จังหวะชาร์ตจ่อๆดันไม่เป็นประตูกลับกันพอ ลีโอ เชียงราย โต้กลับครั้งแรกๆ ดันได้ประตูนำ 1-0 ซึ่งในจังหวะนี้ เลี้ยงหลบเข้ามาและตัดสินใจรวดเร็วที่จะยิงเสาแรก กระนั้นแนวรับทีมเยือนก็ผิดพลาด เพราะเมื่อหลุดจากการประกบของสันติภาพ ก็ไม่มีแนวรับคนไหนเข้าซ้อนแบบทันท่วงที จากนั้นทีมเยือนพยายามจะเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืน แล้วใช้เวลาไม่นานก็สามารถตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจาก อิคซาน ที่กระโดดโขกแบบไร้การรบกวน อย่างไรก็ดีหลังจากสกอร์กลับมาเท่ากันรูปเกมก็ไม่ตื่นเต้นอีกเลย

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม พยายามจะขึงใส่ด้วยการต่อบอลเข้าไป แต่ก็มักเสียบอลกลางทาง ซึ่งมันกลายเป็นทางถนัดของ เชียงราย ที่ส่งสัญญาณเตือนเป็นระยะจนมาได้ประตูนำ 2-1 อีกครั้ง จากการยิงของ เก็ทเดอร์สัน กระนั้นจังหวะนี้ก็เป็นใจ เพราะมันติดขา กิตติภูมิ และแฉลบ ตูเญช เข้าไป จากนั้นสถานการณ์เหมือนจะเป็นใจให้ เชียงราย มากขึ้นไปอีก เพราะการสวนขึ้นมาครั้งนี้มีตัวผู้เล่นมากกว่าแนวรับของทีมเยือน ทำให้การลากและจบที่ เก็ทเดอร์สัน ยิง กลายเป็นประตูทิ้งห่าง 3-1

      บีจี ปทุม ยังคงเดินหน้าต่อ จนมาได้ประตูตีตื้น 3-2 จากการวางบอลข้ามฟากเป็นจุดเริ่มต้น แล้วมีการโขกชงให้ อิคซาน แตะหลบและยิง ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นพลาดเต็ม กระนั้นโมเมนตัมที่น่าจะเหวี่ยงมาหาทีมเยือนบ้าง ก็ไม่เกิดขึ้นเพราะประตูทิ้งห่าง 4-2 ของ เชียงราย ที่ค่อนข้างมีดวงด้วยการแฉลบขา ตูเญช จนบอลพุ่งเสียบมุม  

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด เจอแท็กติกที่เข้าทาง คือ มากางตำราบุกใส่ แล้วตัวเองอาศัยการโต้กลับจนได้สกอร์ที่ต้องการ ทำให้เกมนี้เล่นง่าย กระนั้นมันมีโชคเข้ามาช่วยด้วย ขณะเดียวกันเกมรับก็ยังต้องปรับปรุง เพราะทั้ง 2 ประตูที่เสีย มาจากความผิดพลาดของตัวเอง ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด การเสียบอลกลางทางกลายเป็นหายนะให้เสียประตู ซึ่งทางแก้ที่ต้องทำหากจะเล่นแนวทางนี้ คือ ต้องครองบอลให้เหนียวแน่น เพื่อต่อบอลและสร้างโอกาสอย่างเนื่อง  

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ทีมชาติไทย ศึก AFF SUZUKI cup 2020

AFF SUZUKI  cup ได้จับสลากแบ่งสายออกมาเป็นที่เรียบร้อย

โดยการแข่งขันหนนี้ ทีมชาติไทย จัดว่าอยู่สายเบาในกลุ่ม A  เพราะคู่แข่งอย่าง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ต่างรวมตัวกันอยู่ที่กลุ่ม B นั่นจึงทำให้ทัพช้างศึก มีโอกาสสดใสสำหรับการเข้าต่อไป แต่ก่อนจะไปพูดถึงตรงนั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า 4 นัด ในรอบแรกของทีมชาติไทย จะต้องเจอกับใครและคู่แข่งมีสภาพทีมเป็นอย่างไรบ้าง

5 ธ.ค. ติมอร์ หรือ บรูไน – ทีมชาติไทย

เกมเปิดหัว ทีมชาติไทย อาจเรียกได้ว่าเป็นการซ้อมใหญ่ เพราะจะต้องเจอกับทีมจากรอบเพลย์ออฟ โดยทางฝั่งติมอร์ พึ่งเจอใน SUZUKI cup 2018 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทัพช้างศึกถล่มขาดลอยถึง 7-0 ส่วนทางฝั่งบรูไน เราไม่เคยกันมานานแสนนานแล้ว กระนั้นก็เชื่อว่าหากเจออีกครั้ง คงไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับเรา

11 ธ.ค. ทีมชาติไทย – ทีมชาติเมียนมาร์

ทีมชาติไทย มีเวลาได้พักจากเกมแรกนานถึง 6 วัน โดยคู่ต่อกร คือ ทีมชาติเมียนมาร์ ซึ่งพบกันครั้งล่าสุดเมื่อ SUZUKI cup 2016 ในรอบรองชนะเลิศ แล้วเป็นขุนพลช้างศึกจัดการถล่ม 2 นัด 6-0 (0-2, 4-0) ส่วนสภาพทีมของทัพหงส์ทองในตอนนี้ ค่อนข้างกระจัดกระจาย เพราะนักเตะส่วนหนึ่งถูกจับ บางคนหลี้ภัย และหลายคนไม่ขอรับใช้ทีมชาติ ทำให้มีโอกาสสูงที่ผลงานในครั้งนี้จะย่ำแย่  

14 ธ.ค. ทีมชาติฟิลิปปินส์ ทีมชาติไทย

ให้หลัง 3 วัน ทีมชาติไทย จะต้องพบกับขุนพลตากาล็อก ที่มี สก็อต คูเปอร์ อดีตเฮดโค้ชที่เข้ามาทำงานในวงการฟุตบอลไทยนานหลายปี โดยผลงานครั้งล่าสุดที่พบกันในศึก AFF SUZUKI cup 2018 รอบแรก ทีมชาติไทย บุกไปนำก่อน แต่ถูกทีมชาติฟิลิปปินส์ ตามตีเสมอท้ายเกม ทำให้การพบกันในหนี้ไม่ง่ายแน่ เพราะนักเตะส่วนใหญ่เล่นอยู่ต่างประเทศ แล้วหนึ่งในประเทศที่โยกไปค้าแข้งมากที่สุด คือ ไทยลีก

18 ธ.ค. ทีมชาติไทย – ทีมชาติสิงคโปร์

จากนั้น 4 วัน ทีมชาติไทย จะต้องลงเล่นนัดสุดท้ายในรอบแรก กับ เมอร์ไลอ้อน ซึ่งในอดีตนับเป็นทีมที่ใครไม่อยากเจอ เพราะพวกเขาแกร่งทั่วแผ่น จนเคยรั้งตำแหน่งจ้าวอาเซียน 4 สมัย แต่สุดท้ายถูกทีมชาติไทย ปาดหน้าแซงเป็น 5 สมัย ส่วนสภาพทีมในปัจจุบัน กลายเป็นทีมระดับกลางๆของอาเซียนไปแล้ว ฉะนั้นการพบกันในนัดส่งท้าย ขอแค่ทัพช้างศึกไม่ประมาทเป็นพอ หรือเมื่อถึงเวลานั้น จ้าวอาเซียน 5 สมัย อาจจะลอยลำเข้ารอบและไม่ต้องเคร่งเครียดกับเกมนัดนี้ก็เป็นได้  

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“รัวเจ็ดยับ”

ขอนแก่น ดวงแตก พ่ายถล่มคาถิ่นต่อ ชลบุรี 0-7

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ในส่วนของเย็นวันเสาร์ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้กลับมาเปิดรังเหย้าของตัวเองด้วยการรับศึกหนัก กับ ชลบุรี เอฟซี ที่สภาพทีมลงตัวและติดลมบนสุดๆ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 3-4-1-2 ตามเดิม เช่นกันกับทีมเยือนที่มาในระบบเก่งอย่าง 4-4-2 แบบไดม่อน

        เกมการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ชลบุรี เริ่มตั้งเกมด้วยการต่อบอลและเข้าสู่แดนของ ขอนแก่น แต่ผ่านไปเพียง 7 นาที ก็มาเสียจุดโทษจากการเข้าพรวด ทำให้ฉลามชล บุกมานำ 0-1 ทั้งที่ยังไม่ได้ยิงเหน่งๆ แล้วก็มาประตู 0-2 ด้วยจังหวะที่เป็นใจ จากนั้น จงอางผยอง พยายามจะทวงประตูตีเสมอ แต่ก็ต้องใช้วิธีการโยนไปให้แดนหน้าเก็บและเข้าทำ เพราะการต่อบอลจากกลางสนามขึ้นไปตะกุตะกะเหลือเกิน อย่างไรเสียสถานการณ์ก็ยิ่งเร็วร้ายกับการที่ โคโบ้ เจตนายกขายันจนโดนใบแดง กระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรก เกมโต้กลับของ ชลบุรี ก็มาบวกประตูเพิ่มเป็น 0-3

ครึ่งหลัง ขอนแก่น ยังคงพยายามจะบุกต่อ แต่ภาพที่เห็น คือ มักโดนดักบอลและโต้กลับแบบสุดทาง กระทั่งที่กล่าวมานี้เป็นที่มาของประตู 4-0, 5-0 และ 6-0 ของ ชลบุรี โดยเมื่อยิ่งบุกยิ่งโดน อีกทั้งมีโอกาสเท่าไรก็ยิงติดเซฟติดคาน มันก็มีผลให้ความมั่นใจของผู้เล่นของขอนแก่น ถดถอย ดังจะเห็นได้จากการยิงจบสกอร์ที่อยากให้เกิดประสิทธิภาพด้วยยิงเต็มแรง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันดันหลุดออกไปแบบไม่มีลุ้น ขณะที่เกมรับก็เริ่มคิดเยอะจนกลายเป็นเล่นช้าและโดนฉกบอลไปยิงเป็น 0-7

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด ต้องเผชิญกับทุกอย่างที่เป็นความผิดพลาดและโมเมนที่ไม่เป็นใจ กระทั่งทุกอย่างผสมผสานจนกลายเป็นโดนถล่มเละแบบนี้ โดยอย่างแรกเริ่มจากการเสียจุดโทษเร็ว ทำให้แผนที่จะมาอุดประตูและโต้กลับเป็นอันยกเลิก จากนั้นมาโดนประตูเพิ่มและเสียผู้เล่นออกไปอีกคน ก็ยิ่งทำให้การกลับมายิ่งยากเข้าไปใหญ่ จากนั้นพวกเขาเลือกที่แลกด้วยการเปิดเกมบุก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เข้าทางคู่แข่ง มิหนำซ้ำยังมาพลาดเองอีก นอกจากนี้การจบสกอร์หลายหนพวกเขายิงได้ดีแล้ว แต่ขาดเพียงว่ามันไม่เข้า ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี วันนี้โชคเป็นใจจนปลดล็อคประตูแรกเร็ว จากนั้นก็เป็นเกมโต้กลับที่เป็นของถนัดและเก็บกินไปเรื่อยๆ กระนั้นปัญหาที่เห็นในเกมนี้ คือ การเล่นเกมรับที่ไม่ละเอียดและพลาดให้คู่แข่งยิงง่าย ซึ่งยังดีที่วันนี้คู่แข่งลงโทษไม่ได้ มิเช่นนั้นสกอร์ที่มโหฬารขนาดนี้อาจไม่เกิดขึ้น   

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“พลาดกันคนละที”

เชียงใหม่ เปิดบ้านท่ามกลางสายฝน เจ๊า นครราชสีมา 1-1  

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ในส่วนของคู่เย็นวันอาทิตย์ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่กำลังโหยหาชัยชนะนัดแรกของฤดูกาล เปิดบ้านรับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่อย่างน้อยๆอยากจะมาเก็บสักแต้มออกไป ส่วนในเรื่องของผังการเล่น เจ้าบ้านมาในระบบเดิม คือ 3-5-2 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 4-2-1-3  

        เปิดเกมมาเป็น เชียงใหม่ ที่ดูดีกว่านิดๆ กับการเปิดจากริมเส้นมายังหน้าประตู ซึ่งการเปิดซ้ำๆถี่ๆนับเป็นการจี้จุดอ่อนของคู่กองหลัง นครราชสีมา ได้เป็นอย่างดี แต่การเปิดเข้ามาหลายครั้งจังหวะยังไม่พอดี ทำให้การโหม่งเข้ากรอบและลุ้นประตูยังไม่มี จากนั้นฝนได้เทลงมาอย่างหนัก แต่สภาพสนามยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม กระนั้นด้วยสภาวะที่มีน้ำอยู่ตามลายหญ้า ทำให้การส่งบอลมีโอกาสที่น้ำหนักจะขาด กระทั่งปัญหาที่ว่านี้ได้กลายเป็นประตูนำ 1-0 ของเจ้าบ้าน เพราะแนวรับทีมเยือนส่งบอลน้ำหนักขาด จน โบลี่ ได้ฉกบอลไปยิง

        หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เชียงใหม่ ได้ใจและพยายามจะเปิดเกมบุก แต่การเสียบอลจนโดนโต้กลับ แล้วแนวรับยังยืนไม่เข้าที่ มันก็เป็นการเปิดช่องให้ โคราช มีช่องได้จบสกอร์ แต่ อัปเปียห์ ดันจบสกอร์ในระยะที่ไม่ดีและยิงไม่ละเอียดเลย     

ครึ่งหลัง โคราช พยายามจะเปิดบุกด้วยการโยนและเจาะตามช่อง ซึ่งก็มีจังหวะได้เข้าทำ แต่ยังไม่คมพอ กระนั้นด้วยความผิดพลาดของ นนท์ ที่ดูจะรับบอลไม่ค่อยอยู่มือหลายจังหวะตั้งแต่ครึ่งแรก ก็ดันมาก่อความผิดพลาดด้วยคว้าบอลหลุดมือ จน เฉลิมพงษ์ ยิงซ้ำซ่อๆ ตีเสมอ 1-1 จากนั้นกลายเป็น สวาทแคท ได้บุกต่อเนื่อง ตรงข้ามกับ เชียงใหม่ ที่ได้เพียงรอโต้กลับเท่านั้น แต่อย่างไรเสียทั้ง 2 ทีม ต่างยิงเพิ่มกันไม่ได้ ทำให้จบเกมด้วยการแบ่งแต้ม

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ก่อนหน้านี้มีผลงานที่ไม่ดี แล้วจะมองว่าเพราะเจอกับทีมใหญ่ ก็คงไม่ผิดนัก แต่ในนัดนี้ถือว่าน่าผิดหวังที่ไม่สามารถทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันและเหนือกว่าผู้มาเยือนได้เลย โดยประตูที่ได้ก็มาจากความผิดพลาดของคู่แข่ง ส่วนประตูที่เสียก็เพราะตัวเองผิดพลาดเหมือนกัน ทำให้นับจากนี้น่าเป็นห่วงเหลือเกิน สำหรับช้างศึกล้านนา ส่วนทางฝั่ง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หากไม่นับความผิดพลาดในแนวรับที่จ่ายบอลคืนหลังพลาด กับโชคที่ได้จาการยิงตีเสมอ พวกเขายังมีรายละเอียดที่ต้องปรับ เริ่มจากแนวรับที่ออกอาการแกว่งเมื่อโดนกดหัวนานๆ ขณะที่เกมรุกมีโอกาสพอสมควร แต่การจบสกอร์ย่ำแย่จนต้องไปปรับมาอีกเยอะ มิเช่นนั้นฤดูกาลนี้จะเหนื่อย   

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“เชือกกล้วยพันคองูเหลือม”

บียู ปลดล็อคสถิติโค่น บุรีรัมย์ ในถิ่น 2-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ในส่วนของเย็นวันเสาร์ เกมบิ๊กแมตช์ของสัปดาห์นี้อยู่ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่อยากจะล้างอาย หลังจากบุกไปโดนสมุทรปราการเผาเครื่องมา กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มดีในบ้าน แล้ววันนี้ต้องออกมาเยือนเป็นนัดแรก ส่วนระบบการเล่นของทั้ง 2 ทีม ใช้ 3-5-2 มาชนกัน

        ในช่วงต้นเกมยังไม่ค่อยออกอาวุธกันเท่าไร แต่เมื่อไรที่ บุรีรัมย์ ครองบอลบริเวณกลางสนามแล้วช้า ก็จะถูกแนวรุกของแบงค็อก รุมเพรสซิ่งจนเสียแล้ว มันมีจังหวะเหน่งๆที่น่าเป็นประตู แต่ไม่ได้ จากนั้นเมื่อเกมผ่าน 10 นาที บียู เริ่มต่อบอลกับพื้นได้ แต่เมื่อเข้าแดน 3-4 ของคู่แข่ง จะเน้นการเลี้ยงฝ่า การแทง หรือทำใดๆที่ให้เกิดความรวดเร็ว ซึ่งเวลายิ่งผ่านไปเท่าไร แข้งเทพ ก็เริ่มจะพาบอลเข้ามาได้ถี่ขึ้น ขาดเพียงการได้ประตู ขณะที่ทางฝั่งบุรีรัมย์ มีการสาดยาวและต่อบอลจากกลางสนามแล้วรีบจบสกอร์ แต่หากพูดโอกาสที่จะเป็นประตูจัดว่าน้อย เพราะมันเป็นการเปิดจากริมเส้นที่ไม่ค่อยเข้าหัวหรือเท้าของกองหน้าตัวเป้า    

ครึ่งหลัง บียู พยายามปรับวิธีการให้บอลที่แม่นยำเพื่อเพิ่มโอกาสบอลให้บอลถึงแดนอันตรายมากขึ้น ซึ่งมันก็ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ในระดับหนึ่ง กระทั่งประตูนำ 1-0 มาจากการชิงบอลกลางสนาม แล้วเป็นเจ้าบ้านที่เก็บได้ โดยจังหวะลากของ เฮแบร์ตี้ แนวรับของบุรีรัมย์ พลาดในการยืนประกบ และกองหลังตัวไกลก็ผิดพลาดที่ยืนไม่เท่าไลน์เพื่อน ทำให้ ปกเกล้า หลุดเดี่ยวไปดวลตัวต่อตัวกับ ศิวรักษ์ แล้วยิงบอลส่งก้นตาข่าย จากนั้นบุรีรัมย์ พยายามเติมแนวรุกและทำเกมบุกด้วยความรวดเร็ว เพื่อหนีการประกบแน่น แต่สุดท้ายก็ติดแนวรับเจ้าบ้าน นอกจากนี้การต่อบอลยังมีความผิดพลาดจนโดนโต้กลับ แล้วโดน เฮแบร์ตี้ ยิงหนีเป็น 2-0 ส่วน 20 นาทีที่เหลือ นักรบปราสาทสายฟ้าพยายามจะบุกต่อ แต่ไอเดียเดิมๆมุกเดิมๆ ก็ไม่ช่วยให้พวกเขายิงประตูตีตื้นได้

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถือว่าออกสตาร์ทเกมนี้ได้ดี เพราะสามารถยืนเกมรับได้เหนียวแน่จนไม่ต้องกังวล ขณะที่เกมรุกสามารถใช้จังหวะฉาบฉวยเล่นงานได้ดี ขาดเพียงไม่มีประตู แต่พอครึ่งหลัง เมื่อมีโอกาสก็สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมรุกมามุกแบบเดิมๆ แล้ววันนี้เจอคู่แข่งที่ยืนเกมรับดี ทำให้เจาะยังไงก็ไม่เข้า เช่นกันกับเกมรับที่ยังผิดพลาดเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการยืนตำแหน่งและแบ่งหน้าที่กันประกบ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะโดนยิง 2 ดอกเน้นๆ  

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“เหลือ 10 ตัว ก็ต้านไม่อยู่” สุดท้ายไม่รอด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 3 ของฤดูกาล คู่เปิดหัวอยู่ที่สนาม กกท บางพลี สมุทรปราการ ซิตี้

ที่ผลงานการออกไปเยือนใช้ได้ กลับมาเปิดรังเหย้านัดแรกด้วยศึกหนัก กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ต้องการ 3 แต้ม ในทุกเกมที่ลงแข่งขัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-4-2 ส่วนทางฝั่งทีมเยือนก็มาในระบบเก่ง 4-3-3

        ในช่วงต้นเกม แบงค็อก ดักและเก็บบอลได้ ทำให้มีเกมโต้กลับขึ้นมาแต่การเติมเกมไม่มี ทำให้กองหน้าทั้ง 2 ฝั่ง ต้องอาศัยการเลี้ยงฝ่าแล้วถูกตัดฟาวล์ จากนั้น บียู ก็เริ่มครองเกมได้เหนือกว่า แต่การเจอกับแนวรับที่ยืนได้อย่างมีวินัยจัด ทำให้การเจาะพื้นที่แดนสุดท้ายทำไม่ได้ พลางจะเลี้ยงฝ่าก็โดนซ้อนโดนรุม สุดท้ายต้องโยนบอลและยิงไกลแทน จากนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้ คือ ใบแดงของ ทศวรรษ ที่เอาเท้าไปยันใส่โค่นขาหนีบของ เจริญศักดิ์ แบบไม่มีเหตุจำเป็น ทำให้หลังจากเหลือผู้เล่น 10 คน เกมรุกของแข้งเทพก็แทบจะดับวูบลงไปด้วย กระทั่งกลายเป็นเกมที่สูสีขึ้นมา   

ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นมา จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง กับการเลี้ยงจี้เข้าไปของเจริญศักดิ์ แล้วเปิดแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านแบบตรงๆไม่มีโค้ง แต่แนวรับของ แบงค็อก สกัดไม่โดนสักคน ทำให้ตัวที่อยู่เสาไกลยิงจ่อๆขึ้นนำ 1-0 จากนั้น บียู พยายามจะครองบอลบุก แต่ด้วยตัวที่น้อยกว่าและโดนเพรสซิ่งอย่างหนักหน่วง จึงยิ่งทำให้การเล่นยากลำบากขึ้นและครองบอลต่อจังหวะได้ไม่นาน กระทั่งต้องหันเหไปใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะในการเลี้ยงฝ่า แต่มันก็เท่านั้น เพราะสมุทรปราการ มีการซ้อนและบีบช่องให้แคบตลอดเวลา

        การยืนซ้อน การบีบเพรสซิ่ง ช่วยให้สมุทรปราการ สามารถตัดบอลและโต้กลับอยู่ตลอด แต่ทุกครั้งจะเล่นด้วยความรอบครอบ กล่าวคือ ถ้ามีช่องมีโอกาสก็จะเร่งจังหวะเพื่อเข้าทำ แต่ถ้าช่องเริ่มปิดก็จะเน้นการครองบอลเอาชัวร์ในแดนคู่แข่ง ซึ่งวิธีการแบบนี้ช่วยให้พวกเขาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 อย่างไรเสียเมื่อเขี้ยวสมุทร ยิงทิ้งห่าง ก็มีภาพของความหละหลวมให้เห็น จนกลายเป็นประตูตีไข่แตก 3-1 แต่สุดท้าย แข้งเทพ ก็ไล่ไม่ทันและพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์นี้ 

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม สมุทรปราการ ซิตี้ มีเกมที่เหนียวแน่นและมีระเบียบวินัย ทำให้ไม่เสียประตูในช่วงที่เกมยัง 0-0 ส่วนเกมรุก เมื่อมีโอกาสก็จะฉวยจังหวะจนเป็นประตูได้ ทำให้หลังจากนั้นเล่นสบาย เพราะได้โต้กลับแบบมีช่องเยอะ ส่วนทางฝั่ง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรที่สู้เจ้าบ้านได้เลย เพราะตอนที่มี 11 ตัวเท่ากัน เกมรุกไร้ซึ่งไอเดียการเข้าทำ กระทั่งต้องพึ่งทักษะเฉพาะตัวของนักเตะเพียงอย่างเดียว อีกทั้งความผิดพลาดของกองหลัง ก็ยิ่งทำให้เกมนี้เล่นยากเข้าไปใหญ่ สุดท้ายจึงต้องพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ       

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover