Categories
Sport

“รวมจุดบกพร่อง”

ในการแข่งขัน AFF SUZUKI cup 2020 ณ ประเทศสิงคโปร์

ศึก AFF SUZUKI CUP 2020 ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าเดี่ยว เพราะที่ผ่านมาจะมาจะมีแค่เจ้าภาพรอบแบ่งกลุ่ม หรือสลับกันเล่นแบบปี 2016 ซึ่งการนำระบบเจ้าภาพเดี่ยวมาใช้นั้น มันมีผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางข้ามประเทศไม่สะดวก โดยการรับหน้าสื่อของสิงคโปร์ ถูกคาดหมายว่าจะมีความพร้อมและราบรื่น แต่จากภาพที่ปรากฎตลอด 1 เดือน มันก็ได้เห็นถึงข้อบกพร่องต่างๆ จนควรค่าแก่การนำไปปรับปรุงในโอกาสถัดไป

คุณภาพการถ่ายทอดสด

เรื่องการถ่ายทอดสด มักไม่ค่อยมีความบกพร่อง แต่การแข่งขันในครั้งนี้ ได้ปรากฏให้เห็นถึงการตัดภาพช้าที่ไม่มีความสำคัญใดๆมาฉายซ้ำ อีกทั้งภาพช้าดังกล่าวได้ย้อนหลังไปไกลหลายจังหวะ ไม่เพียงเท่านั้นการจับภาพของกล้องในหลายจังหวะไม่ทันต่อเหตุการณ์ ทำให้ภาพที่ออกมา คือ ลูกฟุตบอลจะตกจากเฟรมของกล้องไป

จนผู้ชมทางบ้านไม่เห็นว่าลูกฟุตบอลไปไหนและจะเห็นเพียงตัวนักฟุตบอลกำลังหวดอะไรอยู่เท่านั้น โดยทั้งหมดนี้ล้วนมีผลให้ผู้บรรยายเกมเกิดความสับสนและไม่สามารถบรรยายให้เป็นไปอย่างราบรื่นได้ ฉะนั้นหากได้รับโอกาสอีก ก็ควรมีการอบรมทีมถ่ายทอดสดให้มีคุณภาพดีกว่านี้

ปริมาณและโภชนาการของอาหารไม่เพียงพอ

เรื่องของอาหาร จะมีความบกพร่องให้เห็นบ่อยๆในอดีต แต่สำหรับในการแข่งขันครั้งนี้ มันมีปัญหาตรงที่เจ้าภาพจัดทำอาหารแล้วไม่ตรงกับวัฒนธรรมการกินของแต่ละทีม อีกทั้งปริมาณที่ให้ก็ไม่เพียงพอ โดยจากภาพที่ออกมา ทีมชาติไทย ต้องไปว่าจ้างร้านอาหารไทยให้เอามาส่งที่แคมป์ ทีมชาติเวียดนาม ที่ออกมาตำหนิเรื่องเมนูและไม่มีเนื้อหมู จนต้องหาร้านอาหารเวียดนามให้มาส่งกับข้าวเพื่อเสริมพลัง ขณะที่ทีมชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่าปริมาณอาหารไม่พอ เพราะพวกเขาต้องซ้อมหนักและใช้แรงเยอะ ฉะนั้นหากมีโอกาสในคราวหน้า อาจจะต้องสำรวจความต้องการจากทุกทีม เพื่อจัดสรรคอาหารให้ตรงกับวัฒนธรรมการกินของชาตินั้นๆมากที่สุด

ความบกพร่องและปัญหาในสนามแข่งขัน

การแข่งขันในครั้งนี้ใช้สนาม 2 แห่ง เท่านั้น ซึ่งสนามบินชาง พื้นหญ้าไม่ค่อยมีปัญหา แต่สำหรับสนามใหญ่อย่าง เนชั่นเนล สเตเดี้ยม ต้องตำหนิเล็กน้อย เพราะหญ้าเป็นแบบผสมจริงและเทียม แต่การยังดูแลรักษาไม่ดีและมีหญ้าหลุดทั่วสนาม  

ส่วนอีกเรื่อง คือ การแบ่งฝั่งกองเชียร์ เพราะกฎมีระบุชัดเจนว่าถือพาสสปอร์ตชาติไหน ก็ต้องซื้อตั๋วฝั่งนั้นแต่เจ้าภาพดันปล่อยให้กองเชียร์เวียดนามที่แสดงสัญลักษณ์ชัดเจนมานั่งฝั่งไทย อีกทั้งกฎเกณฑ์และข้อห้าม ก็ไม่เหมือนกัน อาทิ กองเชียร์ไทย ห้ามนำอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงเข้าสนาม  แต่พอเป็นสิงคโปร์ สามารถนำเข้าได้เสียอย่างนั้น ฉะนั้นฝ่ายจัดควรไปตกลงกันก่อน ว่าจะยึดกฎเกณฑ์ไหนกันแน่

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“กระต่ายสะดุดต่อเนื่อง”

บีจี ปทุม บู่ต่อเนื่อง ด้วยการบุกเจ๊า ประจวบ 0-0 หล่นที่ 5 ปิดท้ายเลกแรก

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 15 คู่ประเดิมของวันอาทิตย์ ณ สนามสามอ่าว สเตเดี้ยม พีที ประจวบ เอฟซี ที่อยู่ภายใต้การคุมทัพของโค้ชหระ จะต้องพบกับทีมที่ผลงานดรอปลงแบบน่าใจหายอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านกลับมาเล่น 4-4-2 ตามเดิม ขณะที่ทีมเยือนก็ปรับมาใช้แผนเก่งอย่าง 3-5-2

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ประจวบ กลายเป็นฝ่ายที่ดูดีกว่า เพราะเมื่อไรที่เล่นเร็วได้ ก็จะแทงให้กองหน้าใช้ความเร็ววิ่งสวนกับ 3 กองหลัง ของทีมเยือน ซึ่งเกือบได้ประตู แต่ก็ไม่คม หรือถ้าไม่มีจังหวะก็จะค่อยๆต่อขึ้นไป แต่ก็ไม่สามารถพาไปถึงแดนสุดท้ายได้ นอกจากนี้ยังมีลูกยิงไกลและการชิงเล่นจังหวะ 2 ด้วยเช่นกัน ขณะที่ บีจี ปทุม ช่วงต้นเป็นรองเยอะ แต่พอเกมผ่านไปได้สัก 25 นาที ก็เริ่มจะครองเกมได้มากกว่า แต่บอลไม่ค่อยถึง 2 กองหน้า เพราะมิติการขึ้นบอลมีแค่จากริมเส้น ซึ่งมันปราศจากการแทงหรือออกบอลจากแดนกลาง

ครึ่งหลัง ประจวบ สามารถต่อบอลได้อย่างไหลลื่น แต่ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์แบบจะแจ้งเท่านั้น ขณะที่ บีจี ปทุม ส่ง ชาตรี ลงมาเพื่อโยนบอลจากริมเส้นไปให้โขกหน้าประตู ซึ่งมันก็สร้างจังหวะหวาดเสียวเพียงชั่วครู่และหายไป กระนั้นพอเข้าสู่ช่วงท้ายเกม เจ้าบ้านดันมีรูปเกมที่ดรอปลง กระทั่งกลายเป็นบอลที่จืดสนิท เพราะต่อบอลไม่กี่จังหวะก็เสียและไม่มีฝ่ายไหนที่มีฮึดขึ้นมา สุดท้ายเมื่อจบเกมจึงต้องแบ่งกันคนละแต้ม

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม พีที ประจวบ เอฟซี เลือกที่จะเปลี่ยนจากการเล่นหลัง 3 กลับมาเล่นหลัง 4 เพราะเล็งเห็นถึงความชำนาญและเคยชินของผู้เล่น ซึ่งมันจะมีผลให้การป้องกันเต็มประสิทธิภาพมากกว่า แล้วในเกมนี้มันก็ได้ผล เพราะมันสามารถป้องกันเกมรุกของคู่แข่งได้ดี ยกเว้นช่วงที่ ชาตรี ลงมาใหม่ๆ ส่วนเกมรุกได้เห็นถึงการเล่นแบบรู้จังหวะ ว่าควรช้าหรือเร็ว ซึ่งมันก็ออกมาในทางที่ดี แต่มันขาดการเข้าทำและจบสกอร์ ขณะที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกมรับยังแน่นหนา แม้จะถูกทดสอบหลายหน ส่วนเกมรุก ถือว่าน่าเป็นห่วงจริงๆ เพราะแต่ดั้งเดิมก็มีมิติการเข้าทำที่ไม่หลากหลาย แล้ววันนี้พอยิงไม่ได้ มันก็กลายเป็นว่าเป็นตัวเองตื้อตันและไม่รู้จะแก้เกมอย่างไร โดยหากในเลกที่ 2 ยังเป็นเช่นนี้ การลุ้นแชมป์จะริบหรี่แน่นอน

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

รวมพลคนฟอร์มตก

ในศึก AFF SUZUKI CUP 2020

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รูดม่านปิดฉากลงไป พร้อมกับความยอดเยี่ยมของทีมชาติไทย ที่คว้าแชมป์สมัยที่ 6 พร้อมกับการกวาดรางวัลต่างๆเกือบหมดโต๊ะ กระนั้นในบรรดา 29 ขุนพลช้างศึกที่ลงสนาม มันก็ปรากฏให้เห็นถึงการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานสำหรับบางราย ซึ่งจะเป็นใครบ้าง นับจากนี้เราไปวิเคราะห์พร้อมกัน

ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมณ์

มาโน่ คาดหวังที่จะให้ มิกกี้ ยืนปีก หรือหน้าคู่กับ ธีรศิลป์ เพราะเล่นด้วยกันกับสโมสร ซึ่งในนัดเปิดหัวกับ ติมอร์ เป็นคนยิงเบิกประตูแรกให้ทีมคลายความกดดัน แต่พอหลังจากนั้นเมื่อถูกส่งลงสนาม ก็ไม่โดดเด่นและหายไปจากเกม กระทั่งมักเป็นรายแรกๆที่ถูกเลือกถอดออก หรือส่งลงสนาม  

ศิวกร เตียนตระกูล

ในระบบ 4-3-3 เจ้าเฟ้ย ดูจะเหมาะสมและมีโอกาสเบียดแย่งลงสนามได้ แต่ตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ เจ้าตัวได้รับโอกาสน้อย อีกทั้งเมื่อได้โอกาสก็โชว์ฟอร์มไม่โดดเด่น ทำให้ท้ายที่สุดต้องนั่งสำรอง ผิดกับก่อนหน้านี้ที่มักเป็นตัวเลือกให้โค้ชส่งลงไปแล้วโชว์ฟอร์มได้เข้าตา

ทริสตอง โด

ฟอร์มกับสโมสรอยู่ในระดับมาตรฐาน ซึ่งการมีแบ็คขวาที่ดีหลายคน ทำให้ มาโน่ โยกมาเล่นแบ็คซ้าย แต่ก็ไม่โดดเด่น พลางจะโยกกลับมาเล่นตำแหน่งถนัดในฝั่งขวา ก็ดันโชว์ฟอร์มไม่ดีเสียอีก โดยสิ่งที่ทำให้เห็นว่าฟอร์มไม่เข้าตา คือ การเปิดบอลเสียและเพื่อนที่รอบอลเสียโอกาสไปแบบเปล่าประโยชน์ การถอยไปตั้งรับหรือสมาธิในการอ่านจังหวะบอล มีความผิดพลาดจนต้องตัดฟาวล์แบบไม่จำเป็น

ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร

ถูกคาดหวังว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิด เพราะจะได้เล่นร่วมกับ ชนาธิป ในแดนกลาง โดยในเกมรอบแรก ฟอร์มอาจจะไม่ดีมาก แต่ยังพอมีลูกยิงไกลที่ดูวูบวาบให้เห็น พอเข้าสู่รอบลึกๆ เจ้ากันหายไปจากเกมและไม่มีความโดดเด่นเมื่อเจอเกมที่ปะทะหนักๆ กระทั่งถูกผู้เล่นรายอื่นๆเบียดแทรกขึ้นมาและเล่นได้โดดเด่นกว่า

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

รวมพลคนฟอร์มดี

AFF SUZUKI CUP 2020 

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รูดม่านปิดฉากลงไป พร้อมกับแชมป์สมัยที่ 6 ของทีมชาติไทย โดยในทัวร์นาเมนต์นี้ มีทั้งตัวเก่งตัวเก๋าอยู่ค่อนทีม พร้อมกับการผสมของตัวหน้าใหม่เข้ามา ซึ่งใครจะเป็นดาวเด่นในการแข่งขันครั้งนี้บ้าง ไปลุ้นพร้อมๆกันด้านล่างนี้

ชนาธิป สรงกระสินธุ์

ในรอบแบ่งกลุ่มยังโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออก อีกทั้งยังมีอาการไข้ผสม จนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะความกดดันที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมหรือเปล่า แต่พอเข้าสู่รอบรองและรอบชิง เมสซี่เจก็โชว์ฟอร์มทั้งชิงทั้งจ่ายจนคว้ารางวัลดาวซัลโวร่วมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์

ธีราทร บุญมาทัน

หลังจากบินมาสบทบผ่านการตรวจโควิด-19 โก๋อุ้มก็ลงสนามช่วยทีมทันที ซึ่งลูกเปิดด้านข้างยังฉมังเหมือนเคย ขณะที่รอบรองและรอบชิง เจ้าตัวต้องถอยมาเล่นเกมรับมากขึ้น แล้วสามารถโชว์ให้เห็นถึงความครบเครื่องในการยืนป้องกันเกมรับ

ฟิลิป โรลเลอร์

มาสมทบทีมเป็นรายสุดท้าย อีกทั้งยังถูกมองว่าจะเป็นเพียงอะไหล่สำรอง เพราะ นฤบดินทร์ โชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดี กระนั้นเมื่อโอกาสมาถึง ดาวเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ก็จัดการกระชากลากเลื้อยและเติมเกมแบบขึ้นสุดลงสุดในทุกจังหวะ กระทั่งสร้างความปวดหัวให้กับ มาโน่ กับการเลือกแบ็คขวาลงไปเล่น เพราะตัวที่มีอยู่ต่างเล่นได้ดีทุกคน แต่สำหรับ โรเลอร์ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าการกระชากลากเลื้อย ทำให้ผู้คนจดจำได้มากกว่า

วีระเทพ ป้อมพันธุ์

ถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นหนแรก ซึ่งหลายคนต่างมองว่าเจ้าเตอร์ คงเป็นเพียงอะไหล่สำรองเท่านั้น กระนั้นพอเจ้าตัวได้รับโอกาสในเกมที่ขาดไปแล้วกับ สิงคโปร์ ดาวเตะจากเมืองทอง ก็ฉายฟอร์มยอดกองกลางออกมา อีกทั้งในเกมกับ อินโดนีเซีย ก็ได้รับโอกาสให้ถอยไปเล่นกองหลัง แล้วดันเล่นได้ดีจนได้รับความไว้วางใจให้ลงไปเล่นแทนกองหลังอาชีพในเกมที่ 2 อีกด้วย

กฤษดา กาแมน

จัดเป็นแข้งแจ้งเกิดเต็มตัวที่สุดในทีมชุดนี้ เพราะก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ไม่ได้เป็นที่จับตามอง กระนั้น มาโน่ ได้จับให้เจ้าและห์ไปเล่นเป็นกองหลัง เพราะมีคุณสมบัติในการอ่านจังหวะบอลที่เด็ดขาด กระทั่งยืนได้ดีกว่ากองหลังอาชีพเสียอีก อีกทั้งยังเชื่อว่าด้วยฟอร์มแบบนี้ จะช่วยให้เจ้าตัวมีลุ้นติดทีมได้แบบยาวๆ เนื่องจากมีฟอร์มที่คงเส้นคงวาและสารพัดประโยชน์  

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมถล่มอินโดนีเซีย 4-0 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก เหมือนจะได้บทสรุปของแชมป์เสียแล้ว เพราะเจ้าอาเซียน 5 สมัย อย่าง ทีมชาติไทย ได้ไล่ถล่ม อินโดนีเซีย ไปแบบขาดลอย 4-0 ซึ่งจากชัยชนะอันสวยหรูนี้ จงอย่าแปลกใจหากผู้เล่นส่วนใหญ่จะได้คะแนนสูงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  

ศิวรักษ์ (7 คะแนน)

      มีจังหวะได้เซฟแบบจริงๆจังๆ แต่ในขณะเดียวกันบางจังหวะก็ไม่ค่อยกล้าออกมาตัด ทำให้เกิดอาการเสียวเล็กน้อย

เอเลียต (6 คะแนน)

      อยู่ในสนามราวครึ่งชั่วโมง ก่อนถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไป ซึ่งตอนที่อยู่ในสนามงานไม่หนัก แต่โชว์จังหวะปะทะหนักแบบไม่ควร   

กฤษดา (7 คะแนน)

      มีบางช่วงต้องทำงานหนัก แล้วเกือบพลาดเสียประตู แต่พอเกมขาด งานก็กลับมาเบาลงเหมือนช่วงต้นเกม

ฟิลิป (8 คะแนน)

      วันนี้เติมเกมได้แบบสุดทาง อีกทั้งยังสามารถเลี้ยงตัดเข้ามาจนได้แอสซิสต์ แต่เกมรับก็มีข้อมผิดพลาดให้เห็นเหมือนกัน

ทริสตองโด (7 คะแนน)

      การต้องเจอกับ อัสนาวี่ ทำให้เกมทางฝั่งซ้ายไม่โดดเด่นเท่าฝั่งขวา อีกทั้งบางจังหวะก็มีเหม่อลอยจนต้องตามไปฟาวล์ ซึ่งในช่วงท้ายก็มีเสียวๆจะโดนเหลือง 2 เป็นใบแดงเหมือนกัน

พิธิวัต (8 คะแนน)

      ช่วงต้นงานเบา ช่วงกลางเกมงานหนัก แต่พอสกอร์ขาดและเน้นการโต้กลับ เจ้าเต้ฟร์มเด่นจนเรียกคะแนนได้เยอะ

วีรเทพ (7 คะแนน)

      ต้องถอยไปเล่นกองหลังแบบจำเป็น โดยในช่วงต้นยังไม่แนบแน่น แต่พอปรับตัวได้ ก็ยืนได้ดีและไม่มีปัญหา

ชนาธิป (9 คะแนน)

      กลับมาโชว์ฟอร์มแบบสุดสะเด๋าอีกครั้ง กับการยิง 2 ประตู การวิ่งไล่เพรส และการแจกจ่ายบอลอย่างไหลลื่น ทำให้คะแนนสูงสุดต้องยกให้  

ศุภโชค (8 คะแนน)

      พอไม่เจอการปะทะหนักจากคู่แข่ง เจ้าเช็คสามารถต่อบอลและสอดประสานกับเพื่อนทางฝั่งขวาได้อย่างโดดเด่น อีกทั้งยังมีประตูมาฝาก

บดินทร์ (8 คะแนน)

      วันนี้ลากเลื้อยอย่างสนุกสนานและมีประตู ทำให้คะแนนวันนี้สูงสุดสำหรับเจ้าตัว

ธีรศิลป์ (6 คะแนน)

      ได้แต่ช่วยเชื่อมเกมและลงมาล้วงบอล แต่หน้าที่หลักในเรื่องการยิงประตูยังดรอปต่อเนื่อง  

ปกเกล้า (6 คะแนน)

      ลงมาตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ไม่โดดเด่นนัก

ฐิติพันธ์ (7 คะแนน)

      ลงมาช่วยแพ็คเกมแดนกลางให้แน่น แล้วทำหน้าที่ได้ดี อีกทั้งการสวนกลับแต่ละครั้งก็มีบทบาทอยู่เนืองๆ

ศุภชัย (6 คะแนน)

      มีเวลาในสนามราวครึ่งชั่วโมง แต่ไม่ค่อยโดดเด่นและมีโอกาสยิงเท่าไรนัก

วรชิต และ กวินทร์ (ไม่มีคะแนน)

      ลงสนามในช่วงท้ายเกม ทำให้ไม่มีคะแนน แต่สำหรับเจ้าตอง ต้องคาราวะจิตใจที่แข็งแกร่งและพร้อมลงเล่น ทั้งๆที่ก่อนหน้าไม่มีกี่ชั่วโมง ต้องสูญเสียคุณพ่อผู้เป็นที่รักไป

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“เหลือแค่ชูถ้วย”

อินโดนีเซีย ทั้งตื่นทั้งล้า พ่าย ไทย ขาดลอย 0-4 โอกาสคว้าแชมป์สดใส

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 นัดชิงชนะเลิศ นัดแรก ณ สนามเนชั่นเนล สเตเดี้ยม ออฟสิงคโปร์ ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่หักด่านเจ้าภาพอย่าง สิงคโปร์ เข้ามาชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 6 จะต้องพบกับ ทีมชาติไทย ที่จะขอลุ้นแชมป์สมัยที่ 6 เป็นของขวัญปีใหม่ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เดอะการูด้าใช้ผัง 4-2-3-1 ขณะที่ทัพช้างศึกปรับมาใช้ 4-3-3

      การแข่งขันเริ่มต้นไปได้แค่นาทีกับอีกอีก 30 วินาที ทีมชาติไทย ขึ้นนำ 0-1 จากการเซตบอลขึ้นและจี้ใส่แนวรับที่ยังไม่เข้าที่ ก่อนจะจบลงด้วย ชนาธิป ยิงจังหวะแรกและเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกอย่างสวยงาม จากนั้น ไทย ยังคงเดินหน้าบุกต่อ เพราะสามารถเพรสซิ่งสูงและแย่งบอลได้ตลอด พร้อมกับการโจมตีทางฝั่งขวาแบบหนักหน่วง แต่ยังไม่ได้ประตูที่ 2 ส่วนทางฝั่ง อินโดนีเซีย แนวรับดูตื่นๆและสมาธิไม่นิ่ง ทำให้โดนเจาะจนตั้งเกมไม่ได้ กระทั่งเกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง เดอะการูด้าถึงเริ่มตั้งตัวได้ อีกทั้งการที่คู่แข่งต้องเปลี่ยนแนวรับที่บาดเจ็บและต้องใช้เวลาปรับตัว มันก็ได้กลายเป็นโอกาสทองที่พวกเขาจะจี้จุดอ่อนตรงนั้นเพื่อยิงตีเสมอ กระนั้นพวกเขาดันทิ้งโอกาสด้วยการยิงหลุดออกไปแบบไม่ตรงกรอบ      

ครึ่งหลัง อินโดนีเซีย เลือกที่จะเดินเกมบุกเต็มตัว ผ่านการต่อบอลให้ไปถึงแดน 3 แล้วจัดการแทง ปาด หรือทำชิ่ง ซึ่งก็มีโอกาสที่จะตีเสมอได้ แต่มันยังติดเซฟและโอกาสไม่ถี่มากพอ อย่างไรเสียการดันเกมบุกแบบขอแลก มันก็มีความเสี่ยงในยามเสียบอล เพราะการสวนกลับของ ไทย รวดเร็วและอันตราย ซึ่งสุดท้ายช้างศึกก็มาได้ประตูนำ 0-2 และ 0-3 กระทั่งเกมขาดลอย ส่วนลูก 0-4 แนวรับเดอะการูด้า สกัดบอลไม่ดี ทำให้ถูกลงโทษจนแทบหมดโอกาสกลับมาในเกมนัดที่ 2

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติอินโดนีเซีย เริ่มต้นเกมด้วยสมาธิที่แตกตื่นจนเสียประตูและตั้งเกมไม่ได้ จากนั้นพอเข้าสู่ครึ่งหลังพวกเขาพยายามจะเร่งเกมบุก แต่มันก็เสี่ยงและสุดท้ายก็โดนยิงเพิ่ม ไม่เพียงเท่านั้นความอ่อนล้าที่สั่งสมมานานหลายนัด มันได้ผนวกกับอาการถอดใจ ทำให้เกมนี้ต้องพ่ายแพ้แบบสมบูรณ์แบบ ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติไทย สามารถเล่นได้แบบเต็มศักยภาพตั้งแต่นาทีแรกและได้ประตูเร็ว จากนั้นยังคงเดินหน้าบุกต่อ แต่คล้ายๆเดิม คือ ครองเกมได้แต่ยิงเพิ่มไม่ได้ เพราะเล่นหลายจังหวะและพยายามจะเน้นความชัวร์มากเกินไป อีกทั้งยังเกือบโดนยิงประตู กระนั้นยังดีที่คู่แข่งมาเปิดเกมบุกใส่ในครึ่งหลัง จนสามารถสวนกลับและยิงประตูเพิ่มได้ง่ายขึ้น ซึ่งจนถึงตอนนี้ โอกาสคว้าแชมป์มีมากกว่า 95 % แล้ว  

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมยันเสมอ เวียดนาม 0-0 ส่งแชมป์เก่ากลับบ้าน

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 ทีมชาติไทย ที่ตุนประตูไว้ 2 ลูก จากนัดแรก ลงเล่นนัดที่ 2 ด้วยการยันเสมอต่อ เวียดนาม 0-0 ทำให้ผลรวมเป็นเจ้าอาเซียน 5 สมัย ที่ได้ผ่านเข้าไปชิงกับ อินโดนีเซีย ซึ่งในเกมที่แสนกดดันนี้ เหล่าขุนพลช้างศึกจะได้คะแนนกันคนละเท่าไร ด้านล่างนี้มีมีคำตอบ

ฉัตรชัย (7 คะแนน)

ได้ลงเล่นราวครึ่งชั่วโมง ก่อนจะบาดเจ็บและต้องเปลี่ยนตัวออก โดยฟอร์มการเล่นในวันนี้ ออกมาตัดบอลได้เฉียบขาด

ทอม เบียรห์ (8 คะแนน)

การยืนป้องกันทำได้แนบแน่นและไม่มีข้อผิดพลาดเลย ทำให้คะแนนพุ่งขึ้นสูงที่สุดสำหรับเจ้าตัว  

กฤษดา (8 คะแนน)

ฟอร์มการเล่นดีสม่ำเสมอและในนัดนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

ธีราทร (8 คะแนน)

ช่วงต้นกดเกมริมเส้นไม่ค่อยอยู่ แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มจะเอาอยู่ กระนั้นก็มีจังหวะที่เข้าพรวดเหมือนกัน ส่วนเกมรุกมีโอกาสยิงแบบอันตรายเสียด้วย แต่มุมมันแคบไปหน่อย

นฤบดินทร์ (7คะแนน)

กดเกมริมเส้นของคู่แข่งได้อยู่หมัด ขณะที่ในครึ่งหลังมีโอกาสเติมเกมบุกมากขึ้น แต่ความโดดเด่น จะน้อยกว่าทางซ้าย

พิธิวัต (8 คะแนน)

เก็บกวาดเกมรุกของคู่แข่บริเวณหน้าบ้านตัวเองด้วยฟอร์มที่แจ่มสุดๆ

ธิติพันธ์ (6 คะแนน)

ถูกส่งลงมาเพื่อปะทะกับเกมหนักๆโดวเฉพาะ แต่วันนี้เหมือนจะไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีเท่าไร ทำให้จบครึ่งแรกก็ถูกถอดออก

สารัช (7 คะแนน)

เชื่อมบอลแดนกลางได้ดีเหมือนเคย อีกทั้งยังลงมาช่วยเกมรับอยู่ตลอด

ชนาธิป (6 คะแนน)

วิ่งเยอะก็จริง แต่มันไม่ใช่การครองบอลแบบแจกจ่ายเหมือนนัดแรก ทำให้วันนี้ดูไม่โดดเด่น

ธีรศิลป์ (5 คะแนน)

พอโดนปะทะหนักๆ ก็มีเป๋ไปพอสมควร กระนั้นมันก็มีโอกาสที่จะได้ยิงแบบเหน่งๆ แต่เจ้าตัวดันยิงไม่โดนบอล หรือยิงโดนบอลก็หลุดออกไปเสียอย่างนั้น ทำให้คะแนนต้องหักมากหน่อย

ปฐมพล (5 คะแนน)

ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรก ในตำแหน่งหน้าคู่ แต่ภาพที่ปรากฏ คือ เงียบเป็นเป่าสาก

ศิวรักษ์ (7 คะแนน)

ลงมาเป็นสำรองเพราะ ฉัตรชัย เจ็บ โดนการเฝ้าเสาตลอด 1 ชม กว่าๆ เซฟได้ดีและไม่มีข้อผิดพลาด

เอเลียส (7 คะแนน)

ลงมายืนเป็นกองหลังตัวที่ 3 แล้วทำหน้าที่สกัดไว้ได้หลายจังหวะ แต่มันก็มีที่พลาดบ้าง ทำให้ต้องหักคะแนนนิดหน่อย

ธนวัฒน์ (6 คะแนน)

ลงมาเพื่อหวังสวิตช์บอลไปข้างหน้า แต่พอเจอเกมหนักๆก็ดูไม่โดดเด่น

ปกเกล้า (5 คะแนน)

ลงมาเพื่อหวังให้กลางแน่นและลูกยิงไกลจากเจ้าตัว แต่วันนี้ไม่โดดเด่นและหายไปจากเกม

ศุภชัย (ไม่มีคะแนน)

ลงมาในช่วงเวลาจำกัดและไม่ค่อยโดนบอล ทำให้ไม่มีคะแนน

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“แชมป์เก่ากลับบ้าน”

ไทย ยันเจ๊า เวียดนาม 0-0 รวมผลสองนัด ช้างศึก ลิ่วชิงดำกับ อิเหนา

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 คู่ที่ 2 นัดที่ 2 ทีมชาติไทย ที่มีสกอร์ตุนมาจากนัดแรก 2-0 จะต้องพบกับแชมป์เก่าอย่าง ทีมชาติเวียดนาม ที่วันนี้หลังพิงฝาและต้องยิงอย่างน้อย 2 ประตู เพื่อต่อลมหายใจตัวเอง สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ไม่ต่างจากนั้นแรก โดยทางฝั่งทัพช้างศึกใช้ 4-4-2 ไดม่อน ส่วนทัพดาวทองใช้ 3-4-3

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทีมชาติเวียดนาม ใช้การเจาะจากริมเส้นแล้วจ่ายมาหน้าประตู กับการจ่ายแทงทะลุตามของถนัด ซึ่งทั้งหมดสร้างความอันตรายได้ดี แต่ยังติดแนวรับทีมชาติไทย ที่ยังยืนตำแหน่งป้องกันได้ดี จากนั้นพอผ่าน 15 นาทีแรก เวียดนาม เหลือเพียงแค่การโจมตีด้วยบอลแทงทะลุช่อง ซึ่งมันยังไม่มีโอกาสได้ยิงแบบเหน่งๆ ส่วนทางฝั่ง ไทย เน้นการตั้งรับ แต่เมื่อได้บอลก็จะเน้นความชัวร์ก่อน อย่างไรเสียหากมีช่องที่จะไปข้างหน้าได้ ก็จะไป นั่นจึงทำให้โอกาสจบสกอร์มีน้อย  

ครึ่งหลัง ทีมชาติเวียดนาม พยายามส่งตัวรุกลงมาเพิ่ม ตรงข้ามกับ ทีมชาติไทย ที่แก้เกมด้วยการส่งแนวรับลงไปเพื่อเล่นหลัง 3 พร้อมกับส่งตัวสวิตช์บอลและยิงไกลได้ดีลงสนาม ซึ่งการแก้เกมของ มาโน่ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เพราะมันเป็นการถอดปลั๊กเกมบุกของ เวียดนาม จนไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน กระทั่งเกิดภาพซ้ำๆในลักษณะการโยนยาวจากหลัง แล้วแนวรับของไทย สามารถเก็บกินได้สบาย ส่วนเกมรุกก็เริ่มมีการโจมตีจากทางริมเส้น แต่มันขาดๆเกินๆ ทำให้เกมนี้จบลงด้วยสกอร์ 0-0 ซึ่งสกอร์รวม 2 นัด ทัพช้างศึก ชนะไป 2-0 เข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย    

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติไทย สามารถยืนป้องกันได้ดี แต่มันยิ่งดีและแน่นขึ้นในครึ่งหลัง ซึ่งตรงนี้ต้องให้เครดิต มาโน่ ที่มองขาด ส่วนเกมโต้กลับในวันนี้ ยังมีภาพของการจ่ายบอลขาดๆเกินๆ รวมถึงการทำหมูหกจากจังหวะที่ควรจะได้ยิงเหน่งๆ ขณะที่ ทีมชาติเวียดนาม ต้องเน้นเกมรุกแบบเต็มอัตราเพื่อทวงประตูคืน แต่รูปแบบการเข้าทำที่ปรากฏ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและยังคงเล่นในแนวทางเดิม นั่นจึงทำให้คู่แข่งแก้เกมมารับมือได้สบาย กระทั่งเกมรุกตื้อตันไปในครึ่งหลัง โดยนับจากนี้ต่อไป ต้องมีการเปลี่ยนแปลงสักอย่าง ระหว่าง นักเตะ กับ แท็กติก เพราะหากยังดื้อดึงในแนวทางเดิม ผลลัพธ์ก็จะเป็นแบบนี้

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“โอ่งมา ชนะไม่เป็น”

การท่าเรือ เปิดบ้านเฉือน บีจี 1-0 ส่งโค้ชโอ่งไร้ชัย 2 เกมรวด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 14 ในส่วนของโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานเริ่มแจ่ม หลังจากโค้ชอู๊ดขึ้นมาขัดตาทัพ จะต้องพบกับทีมที่มีอดีตกุนซืออย่าง โค้ชโอ่ง นำ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด บุกมาเยือนทันที หลังจากพึ่งแยกทางกันไปได้เพียงอาทิตย์กว่าๆเท่านั้น สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-4-1-1 ส่วนทางฝั่งทีมเยือนมาแปลกในระบบ 5-4-1 พร้อมกับตัวผู้เล่นที่ดรอปตัวจริงกว่าค่อนทีม

       การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เป็นฝั่ง การท่าเรือ ที่บุกใส่และโจมตีคู่แข่งทางริมเส้น ซึ่งการยืนหลัง 5 ของ บีจี ปทุม ดูจะปรับตัวไม่ได้ ดังจะเห็นได้จากการยืนที่ยังสับสน อีกทั้งเกมรุกก็แทบจะขึ้นไม่ได้และไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้เกมที่ปรากฏจะเป็นเจ้าบ้านโหมบุกใส่ทีมเยือน แต่ยังไม่มีจังหวะเหน่งๆในการจบสกอร์ กระทั่งกลายเป็น วิคเตอร์ ที่สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองแบบโหดเหี้ยม

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม ค่อยๆดีขึ้นทีละน้อย เริ่มจากลูกโด่งที่เริ่มมีโอกาสได้เปิดมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เข้าเป้า หรือต่อให้ถึงเป้าก็โหม่งไม่ดีไปเสียอีก ส่วนการเซตบอลด้วยเท้า มีช่วงเวลาสั้นๆที่ขึงบุกได้ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถป้อนบอลให้ไปถึงกองหน้าได้ ขณะที่ การท่าเรือ รูปเกมก็คล้ายๆกับครึ่งแรก คือ มีโอกาสบุก จะไปทางริมเส้นและผ่านแบ็คเข้ามา โดยการต้องยิงด้วยตัวเองยิงไม่ตรงกรอบและไม่อันตราย ทำให้สกอร์ค้างและจบที่ 1-0

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม การท่าเรือ เอฟซี เกมรับแทบไม่ถูกทดสอบอันใด เพราะประสิทธิภาพของคู่แข่ง  ดรอปลงไปเยอะมาก ส่วนเกมรุก มีแค่มุกเดียวและไม่มีจังหวะจบสกอร์ ฉะนั้น 3 แต้มในวันนี้ ต้องบอกว่าโชคดีมากกว่า ที่คู่แข่งถวายมาให้ ขณะที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด การเปลี่ยนระบบและตัวผู้เล่น มีผลชัดเจนให้รูปเกมดรอปลง โดยเฉพาะเกมรุก ที่ไร้ซึ่งมิติใดๆและไม่มีทางจะยิงคู่แข่งได้ หากฝ่ายตรงข้ามไม่พลาดให้ ขณะที่เดียวเกมรับ มี 3 กองหลัง และมีแบ็ค 2 ข้าง ถอยลงมา มันไม่ได้ช่วยให้เกิดความหนาแน่ แต่มันกลายเป็นปัญหา เพราะการยืนของแบ็ค กับ กองหลัง ไม่สัมพันธ์กัน กระนั้นการทำงานของ 3 กองหลัง ยังดีอยู่และน่าจะเป็นแสงสุดท้ายให้ทีมเอาแต้มกลับบ้าน แต่สุดท้ายดันมาพลาดสกัดเข้าประตูตัวเอง ทำให้ต้องพ่ายแพ้ไป อีกทั้งมันสามารถกล่าวในภาพรวมได้ว่าเกมนี้เป็นเกมหนึ่งที่ย่ำแย่ที่สุดของทีม  

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ความกดดันเทไปที่ลุงพาร์ค”

เวียดนาม ประเดิมการเสียประตู สุดท้ายพ่าย ไทย 0-2 ในนัดแรก

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก คู่ที่ 2 ทีมชาติเวียดนาม ที่เข้ารอบมาในฐานะรองแชมป์กลุ่ม B จะต้องพบกับ ทีมชาติไทย ที่เป็นแชมป์กลุ่ม A โดยสถิติที่น่าสนใจก่อนเกม คือ พาร์ค ฮัง- ซอ ไม่เคยคุมทีมแพ้ไทย อีกทั้งทัวร์นาเมนต์นี้ยังไม่เสียประตูเลย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ขุนพลดาวทองมาในระบบ 3-4-2-1 หรือจะมองเป็น 3-4-3 ก็ได้ ส่วนทางฝั่งทัพช้างศึกใช้ 4-4-2 ไดม่อน

      การแข่งขันในช่วงต้นเกม ทีมชาติเวียดนาม ไม่ได้มารับต่ำ แต่ใช้วิธีการตั้งโซนตั้งแต่แดน 1 ซึ่งเมื่อใดที่ฝ่ายตรงข้ามพาบอลเข้ามา ก็จะเข้าถึงบอลและปะทะแบบหนักหน่วง อย่างไรเสียพอได้บอลเอาไปทำเกมรุก พวกเขาก็ได้เพียงแต่ต่อบอลไม่กี่จังหวะแล้วเสีย เพราะรูปแบบการเข้าทำไม่ชัดเจน ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติไทย ในช่วง 10 นาทีแรก พยายามจะถ่ายบอลและเจาะเข้าไป แต่ก็ได้แค่บริเวณริมเส้น กระนั้นประตูนำ 0-1 ก็มาอย่างรวดเร็ว จากการโต้กลับ ซึ่งจังหวะจ่ายบอล ธนวัฒน์ เหมือนจะเสียแล้ว แต่แนวรับดันลื่นจนบอลเลยไปถึง ชนาธิป ได้ปั้มบอลกับผู้รักษาประตู แล้วบอลเป็นใจไหลเข้าประตู ไม่เพียงเท่านั้น ประตู 0-2 นับเป็นการต่อบอลและเข้าทำที่เข้าขั้นเวิรด์คลาส เพราะมันเป็นการให้และเคลื่อนที่แล้วจบลงด้วย ชนาธิป ซัดปิดบัญชี  

      การโดนยิง 0-2 ตั้งแต่ 25 นาทีแรก ทำให้เวียดนามต้องเปิดเกมบุก แต่การเจาะพื้นที่แดนสุดท้ายไม่สามารถทำได้เลย เพราะการเข้าทำไม่หลากหลายและแยบยลพอ ทำให้การยิงไกลต้องงัดออกมาใช้ อีกทั้งการเร่งโหมในช่วงท้าย ก็มีหลายครั้งที่เสียบอลไป แต่ไทยดันไปเร่งจ่ายเหมือนกัน ทำให้ต้องตั้งรับจนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เวียดนาม เปลี่ยนตัวรุกลงมาเพิ่มและโหมบุก ซึ่งการโยนหรือแทงแบบโต้งๆ มักถูกสกัด แต่การจ่ายที่แม่นยำของ กวง ไฮ่ ก็ทำให้เพื่อนได้หลุดข้าไปยิง แต่ไม่เฉียบคมเอง กระทั่งช่วงท้าย การรีบเร่งทำให้พวกเขาเสียบอลและบุกได้ไม่ต่อเนื่อง ส่วนทางฝั่ง ไทย มีการเปลี่ยนตัวเพื่อรองรับการปะทะหนักและเติมความสด ซึ่งมันดีในแง่ของเกมรับ แต่เกมรุกได้แต่สาดยาวและไม่ค่อยมีความแม่นยำ พลางจะต่อบอลขึ้นมาก็ทำได้ แต่สุดท้ายก็ต้องเจอการปะทะที่หนักหน่วง  

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติเวียดนาม เลือกที่จะมาแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ดันเสียประตูไปก่อน ทำให้สถานการณ์ที่เตรียมมาต้องเปลี่ยนและไม่ได้เล่นในเกมที่ตัวเองถนัด ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติไทย ประตูแรกถือว่าจังหวะเป็นใจ แล้วมาได้เพิ่มจากจังหวะฝีมือ กระนั้นมันน่าเสียดายเล็กๆที่มีโอกาสยิงทิ้งห่าง 0-3 แต่ดันพลาดไป ขณะที่เกมรับ ทำได้ดียอดเยี่ยม โดยถ้าเกมนัดหน้ามีการปรับปรุงเกมโต้กลับให้แหลมคมกว่านี้ เชื่อว่าช้างศึกจะเช็คบิลคู่แข่งได้ไม่ได้ยาก   

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover