Categories
Sport

รีวิว รอบรองชนะเลิศนัดแรก

เกม AFF mitsubishi electric cup 2022 อินโดนีเซีย พบ เวียดนาม

ศึกฟุตบอล AFF mitsubishi electric cup 2022 รอบรองชนะเลิศนัดแรก คู่ประเดิมสนามจะลงฟาดแข้งกันในวันศุกร์ที่ 6 มกราคม เวลา 19.30 น. ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่จบอันดับ 2 ของสาย A จะเปิดรังเกโลรา บุงการ์โน่ สเตเดี้ยม หรือสนามเสนายันในชื่อเดิม

เพื่อพบกับ ทีมชาติเวียดนาม ที่จบรอบแรกด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม B ซึ่งผลงานที่ผ่านของทั้ง 2 ทีมจะเป็นอย่างไร ความพร้อมมีมากแค่ไหน และสถิติการพบกันเป็นอย่างไร นับจากนี้เราจะไปรีวิวกัน

ทีมชาติอินโดนีเซีย

      เดอะการ์รูด้า ประเดิมรอบแรกด้วยการพบกับ กัมพูชา ซึ่งการเก็บ 3 แต้ม ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แต่จากจำนวนครั้งที่ได้สับไกยิง ถือว่าใช้โอกาสเปลื้องเป็นอย่างยิ่ง ถัดมาในเกมนัดที่ 2 พวกเขาบุกไปเยือน บรูไน ที่รังเหย้าชั่วคราว ณ ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะตบนิ่มๆด้วยสกอร์ 0-7 ขณะที่เกมนัดที่ 3 ถือเป็นเกมที่หนักที่สุดเมื่อต้องพบกับ ไทย แล้วอุตส่าห์ได้ประตูนำไปก่อน

แต่ดันยิงเพิ่มไม่ได้ ก่อนที่ท้ายเกมจะมาโดนลูกยิงไกลจนถูกตีเสมอ นั่นจึงทำให้เกมนัดสุดท้ายกับ ฟิลิปปินส์ จะต้องคว้าชัยให้ได้และต้องยิงให้เยอะว่าไทย เพื่อเป็นแชมป์กลุ่ม แต่ท้ายที่สุดพวกเขาชนะด้วยสกอร์ 1-2 เท่านั้น ทำให้เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 อย่างที่กล่าวไปข้างต้น

ทีมชาติเวียดนาม

      นักรบดาวทองเรียกนักเตะมาแบบเต็มอัตราศึก ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ดัง วาน ลัม ที่หวนกลับมาเป็นมือ 1 ของทีมอีกครั้ง เว้นเสียแต่ คอง เฟือง ที่ไม่ได้มาร่วมทีม ถึงกระนั้นผลงานของพวกเขาก็แรงไม่มีตก ไล่ตั้งแต่การบุกเยือนลาว

แล้วจัดการถล่มถึงถิ่นที่สกอร์ 0-6 จากนั้นกลับมาเล่นในบ้านด้วยการถล่ม มาเลเซีย 3-0 ก่อนจะสะดุดเสมอกับ สิงคโปร์ 0-0 แต่นัดสุดท้ายแก้ตัวด้วยการชนะ พม่า 3-0 นั่นจึงทำให้การเข้ารอบของแชมป์เก่า 2 สมัย แทบจะไม่มีอะไรต้องลุ้นให้หนักใจ

สถิติ-รีวิวก่อนเกม

      ทั้ง 2 ทีม เคยเจอกันมาทั้งหมด 14 ครั้ง โดยทีมชาติอินโดนีเซีย และ ทีมชาติเวียดนาม ต่างคว้าชัยได้ 4 ครั้งเท่ากัน ขณะที่ผลเสมอมีทั้งสิ้น 6 นัด ขณะที่การพบกัน 3 นัดหลัง ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2022 2 นัด นักรบดาวทองคว้าชัยทั้ง 2 นัด

ส่วนนัดล่าสุดเมื่อปีที่แล้วเป็นการแข่งขันในรายการนี้ ซึ่งจบลงด้วยการเสมอกันและนั่นเป็นเหตุให้ เวียดนาม ต้องจบอันดับ 2 ของสาย B เพราะประตูได้เสียเป็นรอง ฉะนั้นจากสถิติช่วงหลัง เวียดนามเหนือกว่าเล็กน้อย

      สำหรับเกมนัดแรกที่บ้านของ อินโดนีเซีย เรื่องแรงกดดันจากเสียเชียร์ทั้งจากข้างนอกและในสนาม จะช่วยให้พวกเขามีความได้เปรียบ แต่จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับแท็กติดของ ชิน แต ยัง ว่าการเล่นเกมรัดกุมและรอโต้กลับจะได้ผลตามที่วางแผนไว้หรือไม่ ซึ่งลึกๆนั่นเชื่อว่า การ์รูด้าจะไม่แพ้ในเกมนี้และผลเสมอมีความเป็นไปได้มากที่สุด

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ฟุตบอลโลก รอบ 12 ทีมสุดท้าย

เวียดนาม กำลังได้รับบทเรียนเหมือนที่ ไทย เคยเป็น ?

การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบ 12 ทีมสุดท้าย ของโซนเอเชีย ทีมชาติเวียดนาม ที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบนี้เป็นครั้งแรกและตกรอบไปตั้งแต่หัววัน นั่นจึงทำให้ทัพดาวทองหันเหเป้าหมายไปที่การเก็บแต้มให้มากที่สุด แต่จนถึงตอนนี้ 7 นัด ก็ยังตามหาแต้มแรกไม่เจอ หลังจากนัดล่าสุดโดน ออสเตรเลีย ถล่ม 4-0 ซึ่งจากภาพตรงนี้ เวียดนาม กำลังได้รับบทเรียนเหมือนที่ ไทย เคยเจอ อีกทั้งอาจจะเป็นบทเรียนที่หนักหนาสาหัสกว่าด้วย

หากย้อนกลับไปในตอนที่ ไทย ผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย เป็นหนที่ 2 แฟนบอลจำนวนไม่น้อย ต่างวาดฝันว่าเราใกล้เคียงกับการไปฟุตบอลโลก ซึ่งไม่ต่างกับ เวียดนาม ที่คว้าแชมป์ระดับอาเซียนมาครบ และเคยไปถึงรองแชมป์ U-23 ของทวีป กระนั้นในรอบ 12 ทีมสุดท้าย สิ่งที่ต้องเข้าใจ คือ มันมีการแบ่งระดับของทีมที่เข้ามาสู่รอบนี้ ได้แก่ ชาติที่มีลุ้นเต็มตัวไปฟุตบอลโลก ชาติที่มีลุ้นห่างๆ และชาติที่เข้ามาเพื่อเก็บแต้ม โดยสิ่งที่ต้องการสื่อ คือ ชาติจากอาเซียนอย่าพึ่งคิดข้ามสเต็ป แต่จงคิดทีละสเต็ป อาทิ เข้ารอบให้บ่อยๆ และค่อยๆพัฒนาให้แต้มได้เยอะๆ แล้วเมื่อไรที่เก็บได้ถึง 10 แต้ม การมีลุ้นไปฟุตบอลโลกถึงจะมองได้

ในช่วงที่ทีมชาติไทย ทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง แฟนบอลต่างมองว่าซิโก้ คือ โค้ชที่เก่งระดับอ๋อง ทำให้เมื่อร้องรอขออะไร สมาคมฟุตบอล สโมสรสมาชิก หรือแฟนบอล ต่างเห็นด้วย จนลืมนึกความเสียหายที่จะเกิดตามมา อาทิ โปรแกรมบอลลีกที่ถูกเลื่อนออกไปเป็นว่าเล่น เพราะโค้ชต้องการเวลาซ้อมเยอะๆ ซึ่งไม่ต่างกับ เวียดนาม ที่ถึงขั้นตัดจบลีก เพื่อให้ลุงปาร์คเรียกนักบอลไปซ้อมแบบเต็มปอดเกือบครึ่งปี โดยจากเคสทั้ง 2 มันสื่อให้เห็นว่า พวกเราให้ความเชื่อมั่นกับโค้ชเพียงคนเดียวมากเกินไป แต่สุดท้าย โค้ชทั้ง 2 ราย ก็เป็นเพียงคนธรรมดา ที่ไม่สามารถสร้างผลงานในระดับสูงแบบถาวรได้ หากพื้นฐานของนักเตะยังไม่ก้าวตาม

“หากฟุตบอลลีกดี ทีมชาติก็จะดีตาม” คำกล่าวนี้ใช้ไดักับทุกชาติที่อยากไปฟุตบอลโลก เพราะการมีฟุตบอลลีกที่มาตรฐาน มันจะส่งเสริมให้ทีมชาติมีทรัพยากรเยอะและจะเป็นงานง่ายของโค้ช ในการเลือกคนมาติดทีมชาติ นอกจากนี้ชาตินั้นๆจะต้องมีสไตล์ของตัวเอง เพราะหากทีมในลีกเล่นในแนวทางเดียวกัน มันก็จะเป็นผลดีเมื่อมาเล่นในแคมป์ทีมชาติ ซึ่งไม่ต้องใช้เวลายาวนานในการปรับตัว สุดท้ายมันก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย คือ บอลลีกเตะได้ตามปฏิทิน โดยไม่ต้องเลื่อนโปรแกรมบ่อยๆ และทีมชาติก็ใช้เวลาซ้อมไม่นาน แต่ผลงานออกมาดี โยรูปแบบเช่นนี้ ไทย กำลังปรับตัวได้ดี แต่สำหรับ เวียดนาม อาจจะต้องปรับอีกสักพักใหญ่ๆ

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover