Categories
Sport

โค้ชเกาหลี

เหมาะกับฟุตบอลอาเซียน ?

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI 2020 เป็นที่ทราบกันดีกว่า ทีมชาติไทย คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 6 แบบนอนมา กระนั้นหากดูถึงชาติอื่นๆ จะพบเห็นถึงความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เพื่อให้ตัวเองมีลุ้น ซึ่งการหันเหมาใช้บริการกุนซือชาติ คือ สิ่งที่เหล่าชาติอาเซียนนิยมทำ และโดยเฉพาะโค้ชจากเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นสัญชาติที่เริ่มมาแรง หากดูจากผลงานของทีมชาติที่เข้าไปคุม   

หากย้อนกลับไปในศึก AFF SUZUKI 2016 ทีมชาติกัมพูชา เคยใช้บริการโค้ชชาวเกาหลีใต้อย่าง อี แต ฮุน ซึ่งแม้ว่าตามศักยภาพนักเตะจะเป็นรอง แต่กุนซือผู้นี้ก็ยกระดับให้ขุนพลอังกอร์วอริเออร์ ไม่ใช่ไม้ประทับที่จะให้ใครมาถล่ม 7-8 ลูกอีกต่อไป จากนั้น ทีมชาติเวียดนาม ที่ไม่ได้แชมป์ หรือประสบความสำเร็จใดๆมานานนับทศวรรษ คือ ชาติต่อมาที่ใช้บริการกุนซือแดนโสมขาว โดยการเข้ามาของ ปาร์ค ฮัง ซอ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของวงการฟุตขอลเวียดนาม เพราะกุนซือผู้นี้ได้พาทีมบินสูงในระดับเอเชีย ด้วยการคว้ารองแชมป์ U-23 กับการพาทีมชุดใหญ่เข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย เป็นครั้งแรก และที่ขาดไม่ได้ คือ การกวาดแชมป์ระดับอาเซียนทั้ง ซีเกมส์ และ AFF SUZUKI CUP แบบเรียบวุฒิ ขณะที่ชาติล่าสุดอย่าง อินโดนีเซีย เมื่อเห็นว่า ชิน แต ยัง วางมือจากการคุมทีมชาติเกาหลีใต้ จึงรีบไปสอยมาคุมทีมแบบทันทีทันใด แล้วก็อย่างที่ทราบกันว่า น้าชิน สามารถแปลงโฉมจากการูด้าที่ถอยหลังลงคลอง ให้กลายเป็นทีมรองแชมป์ AFF SUZUKI CUP 2020 แบบสุดเซอร์ไพรส์

จากที่กล่าวไปเช่นนี้ มันจึงเกิดคำว่าถามว่ากุนซือชาวเกาหลีใต้ เหมาะสมกับฟุตบอลอาเซียนใช่หรือไม่ มันก็คงตอบได้เต็มปากว่าใช่ เพราะฟุตบอลสไตล์เกาหลีใต้ จะเน้นกำลังและความมีระเบียบวินัย อีกทั้งแท็กติกก็ไม่ซับซ้อน ส่วนนักเตะในระดับอาเซียน ศักยภาพไม่สูงส่งมากนัก ทำให้หลายครั้งเกิดความล้มเหลว หากนำกุนซือต่างชาติ หรือญี่ปุ่นเข้ามา กลับกันพอเป็นโค้ชจากเกาหลีใต้ เพียงแค่พวกเขาเพิ่มกำลัง เพิ่มความเข้มข้นการในการฝึกซ้อมให้ยืนระยะในเกมได้ และใส่ทีมเวิรค์เข้าไป มันจึงใช้เวลาไม่นานก็จูนทีมติด อีกทั้งนักเตะก็สามารถตอบสนองความต้องการได้ สุดท้ายผลงานจึงออกมาดี แม้ทรงการเล่นจะไม่สวยงาม

อย่างไรเสีย แม้ว่ากุนซือชาวเกาหลีใต้จะทำผลงานได้ดี กับการมารับงานคุมทีมชาติในแถบอาเซียน แต่หากชาติใดต้องการผลงานแบบนี้ในระยะยาว มันก็จำเป็นต้องมีการพัฒนาลีก เพื่อให้โค้ชทีมชาติมีวัตถุดิบที่เพียงพอและเลือกใช้ได้สะดวกมือ ตรงกันข้ามหากลีกยังต้องหยุดยาวแรมปีเหมือน เวียดนาม หรือฟุตบอลลีกเตะคู่ขนานกับทีมชาติแบบ อินโดนีเซีย สุดท้ายการนำกุนซือเกาหลีใต้เข้ามาก็อาจเป็นเพียงการสร้างทีมแบบชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น 

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“รวมจุดบกพร่อง”

ในการแข่งขัน AFF SUZUKI cup 2020 ณ ประเทศสิงคโปร์

ศึก AFF SUZUKI CUP 2020 ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าเดี่ยว เพราะที่ผ่านมาจะมาจะมีแค่เจ้าภาพรอบแบ่งกลุ่ม หรือสลับกันเล่นแบบปี 2016 ซึ่งการนำระบบเจ้าภาพเดี่ยวมาใช้นั้น มันมีผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางข้ามประเทศไม่สะดวก โดยการรับหน้าสื่อของสิงคโปร์ ถูกคาดหมายว่าจะมีความพร้อมและราบรื่น แต่จากภาพที่ปรากฎตลอด 1 เดือน มันก็ได้เห็นถึงข้อบกพร่องต่างๆ จนควรค่าแก่การนำไปปรับปรุงในโอกาสถัดไป

คุณภาพการถ่ายทอดสด

เรื่องการถ่ายทอดสด มักไม่ค่อยมีความบกพร่อง แต่การแข่งขันในครั้งนี้ ได้ปรากฏให้เห็นถึงการตัดภาพช้าที่ไม่มีความสำคัญใดๆมาฉายซ้ำ อีกทั้งภาพช้าดังกล่าวได้ย้อนหลังไปไกลหลายจังหวะ ไม่เพียงเท่านั้นการจับภาพของกล้องในหลายจังหวะไม่ทันต่อเหตุการณ์ ทำให้ภาพที่ออกมา คือ ลูกฟุตบอลจะตกจากเฟรมของกล้องไป

จนผู้ชมทางบ้านไม่เห็นว่าลูกฟุตบอลไปไหนและจะเห็นเพียงตัวนักฟุตบอลกำลังหวดอะไรอยู่เท่านั้น โดยทั้งหมดนี้ล้วนมีผลให้ผู้บรรยายเกมเกิดความสับสนและไม่สามารถบรรยายให้เป็นไปอย่างราบรื่นได้ ฉะนั้นหากได้รับโอกาสอีก ก็ควรมีการอบรมทีมถ่ายทอดสดให้มีคุณภาพดีกว่านี้

ปริมาณและโภชนาการของอาหารไม่เพียงพอ

เรื่องของอาหาร จะมีความบกพร่องให้เห็นบ่อยๆในอดีต แต่สำหรับในการแข่งขันครั้งนี้ มันมีปัญหาตรงที่เจ้าภาพจัดทำอาหารแล้วไม่ตรงกับวัฒนธรรมการกินของแต่ละทีม อีกทั้งปริมาณที่ให้ก็ไม่เพียงพอ โดยจากภาพที่ออกมา ทีมชาติไทย ต้องไปว่าจ้างร้านอาหารไทยให้เอามาส่งที่แคมป์ ทีมชาติเวียดนาม ที่ออกมาตำหนิเรื่องเมนูและไม่มีเนื้อหมู จนต้องหาร้านอาหารเวียดนามให้มาส่งกับข้าวเพื่อเสริมพลัง ขณะที่ทีมชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่าปริมาณอาหารไม่พอ เพราะพวกเขาต้องซ้อมหนักและใช้แรงเยอะ ฉะนั้นหากมีโอกาสในคราวหน้า อาจจะต้องสำรวจความต้องการจากทุกทีม เพื่อจัดสรรคอาหารให้ตรงกับวัฒนธรรมการกินของชาตินั้นๆมากที่สุด

ความบกพร่องและปัญหาในสนามแข่งขัน

การแข่งขันในครั้งนี้ใช้สนาม 2 แห่ง เท่านั้น ซึ่งสนามบินชาง พื้นหญ้าไม่ค่อยมีปัญหา แต่สำหรับสนามใหญ่อย่าง เนชั่นเนล สเตเดี้ยม ต้องตำหนิเล็กน้อย เพราะหญ้าเป็นแบบผสมจริงและเทียม แต่การยังดูแลรักษาไม่ดีและมีหญ้าหลุดทั่วสนาม  

ส่วนอีกเรื่อง คือ การแบ่งฝั่งกองเชียร์ เพราะกฎมีระบุชัดเจนว่าถือพาสสปอร์ตชาติไหน ก็ต้องซื้อตั๋วฝั่งนั้นแต่เจ้าภาพดันปล่อยให้กองเชียร์เวียดนามที่แสดงสัญลักษณ์ชัดเจนมานั่งฝั่งไทย อีกทั้งกฎเกณฑ์และข้อห้าม ก็ไม่เหมือนกัน อาทิ กองเชียร์ไทย ห้ามนำอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงเข้าสนาม  แต่พอเป็นสิงคโปร์ สามารถนำเข้าได้เสียอย่างนั้น ฉะนั้นฝ่ายจัดควรไปตกลงกันก่อน ว่าจะยึดกฎเกณฑ์ไหนกันแน่

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover