บอล มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ การเคาะบอล
การเข้ามาคุมทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด ชุดใหญ่ของ มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ ได้สร้างความสร้างสไตล์ที่เด่นชัดออกมา จนทำให้แฟนบอลต่างมองว่านี่ คือ “มาริโอ้เวย์” ที่จะพาทีมกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หรือบางคนก็เรียกว่า “ปลุกกิเลน ต้องใช้กิเลน”
แต่เมื่อเวลาผ่านไปราว 2 ปีกว่าๆ แนวทางของโค้ชโอ้ดูเหมือนจะเจอทางตัน เพราะเจ้าตัวไม่สามารถดันทีมให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้ อีกทั้งการเล่นในตอนนี้ ก็มีเพียงการเคาะบอลไปมาและรอเวลาที่จะเสียให้คู่แข่งเท่านั้น
มาริโอ้ มีจุดแข็ง คือ สไตล์บอลชัดเจน และมีจิตวิทยาที่ดี
นับตั้งแต่แมตช์แรกที่เจ้าตัวถูกแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทีม ระบบ 4-1-4-1 คือ ระบบถาวรของมาริโอ้ ขณะที่รูปแบบการเล่นที่เป็นดั่งภาพจำ จะเริ่มจากผู้รักประตูเคาะบอล สู่กองหลัง สู่กองกลาง กระทั่งจบด้วยความเร็วของปีก หรือกองหน้าเพียงไม่กี่คนในการทำประตู ขณะที่เรื่องจิตวิทยา โค้ชโอ้เปรียบเหมือนกับรุ่นพี่ที่คอยแนะนำและสอนรุ่นน้องได้ นั่นจึงทำให้นักเตะมีความเป็นนักสู้และไม่เคยเล่นแบบแหลกเหลวให้เห็นนัก โดยจากจุดเด่นที่ว่ามา มันจึงทำให้แฟนบอลฝากความหวังว่าทีมจะกลับมายิ่งใหญ่ด้วยการมีโค้ชที่ดี แม้เงินจะไม่มากมายและนักเตะไม่ใช่ตัวท็อปเหมือนในอดีต
บอร์ดบริหารสนับสนุนเต็มที่
ฤดูกาล 2021-22 คือ ปีที่มาริโอ้ จะได้ทำทีมแบบเต็มฤดูกาล ซึ่งในช่วงเลกแรกจะเน้นไปที่ตัวเยาวชนและต่างชาติที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ยุคการ์ม่า โดยการแข่งขันที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ปัญหาก็เริ่มปรากฏให้เห็น คือ เกมรับและการยิงประตู ทำให้ในเลกที่ 2 บอร์ดบริหารมีการเสริมตัวผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังและกองหน้า ตามที่โค้ชโอ้ ต้องการ กระทั่งในท้ายที่สุด กิเลนผยองสามารถก้าวไปถึงการจบอันดับที่ 4 ของตาราง ซึ่งเป็นอันดับที่ทีมไม่เคยทำได้มาหลายปี
จุดอ่อนของ มาริโอ้ คือ เกมรับ เกมรุก และการแก้เกม
การแข่งขันในฤดูกาล 2022/23 ปัญหาของทีมเห็นได้ตั้งแต่นัดแรก ไล่ตั้งแต่ กองหลังพลาดง่าย กองกลางฟอร์มตก จนกองหน้าไม่สามารถสร้างโอกาสเพื่อทำประตูได้ กระนั้นเมื่อการแข่งขันผ่านไปหลายนัด มาริโอ้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
นั่นจึงทำให้เจ้าตัวร้องขอบอร์ดบริหารเพื่อดึง ราเยวัช เข้ามาช่วยในเรื่องเกมรับ ซึ่งก็ทำได้ดี อีกทั้งเลก 2 ก็ได้มีการดึง พ็อพพ์ กลับมาช่วยเกมรุกของทีมอีกครั้ง แต่สุดท้ายสิ่งที่เห็นชัดเจน คือ นักเตะเคาะบอลไปมาแล้วเสียในแดน แบบนี้อยู่ร่ำไป แล้ว มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ไม่สามารถแก้เกมหรือสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้
ถึงจุดนี้ บอร์ดบริหารอาจต้องชั่งนำหนักถึงจุดดีและจุดด้อยของโค้ชโอ้ เพราะมุมหนึ่งเป็นโค้ชที่มี passion มีแนวทางที่ชัดเจน แต่จุดอ่อน คือ การใส่แท็กติกที่ซับซ้อนให้นักเตะ
และการแก้เกมระหว่างแข่งขัน กระนั้นในท้ายที่สุด เชื่อบอร์ดบริหารอาจจะเก็บโค้ชโอ้ไว้ แล้วหาคนที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วยอีกสักครั้ง เพราะการให้โค้ชโอ้ออก แล้วคนใหม่มาแทนอาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่การที่โค้ชสักคนจะมีสไตล์ชัดเจน และรู้ทุกอย่างในทีมเป็นอย่างดีแบบนี้ มันไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีกแล้ว
ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com
FB : Sport lover