เปิดรายชื่อผู้เล่นตำแหน่งแบ็คซ้าย-ขวา ทีมชาติไทย

ศึกฟุตบอลเอเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ของทีมชาติไทย มีการประกาศเรียกนักเตะเป็นจำนวน 30 คน ซึ่งในตำแหน่งแบ็คซ้ายและขวาของทีม ดูสมบูรณ์และไม่มีอะไรที่ต้องกังวล เพราะนักเตะที่ถูกเรียกไม่มีใครถอน อีกทั้งแต่ละรายก็เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ฉะนั้นใครมีโอกาสจะได้ลงหรือนั่งรอโอกาส นับจากนี้เราจะมีวิเคราะห์กัน  

ธีราทร บุญมาทัน

      แบ็คซ้ายจาก โยโกฮาม่า เอฟมารินอส ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอกับต้นสังกัดในเจลีก อีกทั้งการครอสลูกเปิดที่แม่นยำสุดๆ ก็ได้กลายเป็นอาวุธหลักที่ใครก็ต้องกลัว ฉะนั้นสำหรับทีมชาติไทย หากไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ลาไปไหน ยังไงเจ้าอุ้มก็ต้องเป็นตัวหลักของทีมแบบไม่มีอะไรมาหยุดได้ แต่อย่างไรเสียเจ้าตัวจะพลาดการลงสนามในเกมแรกกับ ติมอร์ เพราะการแข่งขันเจลีกนัดสุดท้ายคาบเกี่ยวกันพอดี ส่วนในอีก 4 เกมที่เหลือ มารอลุ้นกันได้เลย  

สุริยา สิงห์มุ้ย

      แบ็คซ้ายจาก ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ถูกเรียกเข้ามาติดทีมแทน พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา ที่บาดเจ็บในเกมกับสโมสร ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสติดทีมชาติไทยชุดเล็กและชุดใหญ่มาอยู่เนืองๆ แต่การที่ทีมมีรุ่นพี่วัยเก๋ายืนขวางอยู่ เจ้าตัวจึงต้องเป็นเพียงตัวอะไหล่ที่พร้อมจะลงแทนตอนที่รุ่นพี่ไม่อยู่

นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม

      แบ็คขวาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงไม่ต้องสาธยายใดๆถึงความยอดเยี่ยม เพราะการติดทีมชาติไทย ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสุดๆ รวมถึงกับสโมสรที่บุกใส่ใครก็ขวาผ่านตลอด กระนั้นเจ้าต้นจะได้ลงสนามหรือไม่ ก็คงอยู่ที่การฝึกซ้อมก่อนแข่ง  

 ทริสตอง โด

      แบ็คขวาลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส จาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถูกเรียกติดทีมชาติไทย ตั้งแต่ในยุคของโค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แล้ว ก่อนที่จะมีช่วงเวลาที่ฟอร์มตกลงไป แล้วกลับมามีชื่อใหม่อีกครั้งในรอบนี้ ซึ่งจากผลงานกับสโมสรก็ถือว่าใชได้ดีเลยทีเดียว ฉะนั้นนับจากนี้คงต้องมาลุ้นกัน เพราะการร่วมงานกับคนคุ้นเคยอย่าง มาโน่ เจ้าโดคงรู้ใจเจ้านายคนนี้เป็นอย่างดี   

ฟิลิป โรลเลอร์

      แบ็คขวาลูกครึ่งไทย-เยอรมัน จาก การท่าเรือ เอฟซี ถือว่าเป็นขาจรของทีมชาติไทยอยู่เหมือนกัน เพราะแม้ว่าเจ้าตัวจะมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยม แต่การแข่งขันในตำแหน่งมันก็สูงมากๆเช่นกัน ทำให้โอกาสลงสนามก็อยู่ที่ฟอร์มในตอนนั้นว่าเป็นอย่างไร กระนั้นสำหรับเจ้าตัว จะพลาดการลงสนามในเกมแรกกับ ติมอร์ อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้กำลังอยู่ที่ เยอรมัน และจะบินมาสมทบทีมในภายหลัง

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

สรุปผลการแข่งขันฟุตบอล รอบ 32 ทีมสุดท้าย

ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย ลงเตะกันเสร็จสิ้นลงไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลการแข่งขันในส่วนแรกนี้ ยังไม่มีคู่ไหนที่เกิดการพลิกล็อค แต่ในแง่ของจำนวนสกอร์ ก็อาจมีบางที่มากจนน่าทึ่ง โดยใน 4 ที่จะนำมาเล่านี้จะเป็นอย่างไร ไปดูกันต่อได้ด้านล่างนี้  

สิงห์ระฆังทอง กาญจนบุรี เอฟซี 2-4 การท่าเรือ เอฟซี

      กาญจนบุรี ของ โค้ชออโต้ พันธุ์นารายณ์ จะได้วัดฝีมือกับทีมแกร่งจากไทยลีก 1 อย่าง การท่าเรือ ที่วันนี้มาในชุดผสมระหว่างตัวจริงกับสำรอง กระนั้นหากดูจากชื่อชั้น มันก็แทบจะเป็นตัวได้ทั้งสิ้น สำหรับในครึ่งแรก สิงห์เจ้าท่านำออกไปก่อน 0-2 แล้วเจ้าถิ่นยิงตีคืนมา 1-2 ก่อนจบครึ่งแรกจะมีสกอร์จากทีมเยือนทิ้งห่าง 1-3 ขณธที่ครึ่งหลัง ได้มาเพิ่มอีกฝั่งละลูก ทำให้จบเกมด้วยสกอร์ 2-4 พร้อมกับการเข้ารอบต่อไปของอดีตแชมป์รายการนี้ 2 สมัย  

บางกอก เอฟซี 1-3 ลำพูน วอริเออร์ (เสมอกันในเวลา 90 นาที 1-1)

      ทีมฟอร์มร่วงจ่าฝูง จากไทยลีก 3 โซนกรุงเทพและปริมณฑล ต้องพบกับกระดูกชิ้นใหญ่อย่าง ลำพูน ซึ่งในทีแรกเหมือนจะกินหมูสบายแล้ว เพราะออกนำไปตั้งแต่นาทีที่ 6 แต่แล้วกระดูกก็เกือบติดคอ เพราะถูกตามตีเสมอ 1-1 ในครึ่งหลัง ทำให้เกมต้องยืดยาวออกไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที อย่างไรเสียเจ้าถิ่นดันทำเข้าประตูตัวเอง เป็น 1-2 ก่อนจะมาเขื่อนแตกและโดนฝัง 1-3   

สงขลา เอฟซี 5-1 ขอนแก่นมอดินแดง

      สงขลา อาจโชว์ฟอร์มในไทยลีก 3 โซนภาคใต้ ไม่สมราคาทีมเต็ง แต่ในรายการบอลถ้วย ก็แสบเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน อีกทั้งในรอบนี้ได้เจอกับเพื่อนลีกลีก แต่อยู่โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่าง ขอนแก่นมอดินแดง ซึ่งหากจะเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ เหงือกสมิหลาย่อมดูดีกว่า แล้วสุดท้ายก็เป็นไปตามคาด กับการถล่มไปแบบไม่ไว้หน้า โดยในครึ่งแรก สกอร์จบที่ 2-1 แล้วครึ่งหลังมารัวเพิ่ม 3 เม็ด  

หนองบัว พิชญ เอฟซี 4-1 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เอฟซี

      หนองบัว ผ่านเข้ารอบมาแบบสบายๆ รวมถึงรอบนี้ ที่เจอกับทีมจากไทยลีก 3 โซนกรุงเทพและปริมณฑล อย่าง เกษมบัณฑิต อย่างไรเสีย สิงห์ร่มเกล้า ก็โชว์ความอาจหาญด้วยการบุกมายิงนำไปก่อน แต่ให้หลังไม่กี่นาที พญาไก่ชน ก็ตีเสมอได้ แล้วท่าทางว่าเกมจะยืดยื้อ กระทั่ง 20 นาทีสุดท้าย เจ้าบ้านมารัวยิง 3 เม็ด พร้อมกับเป็นแฮตทริกของ อภิวัฒน์

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

สรุปผลการแข่งขันฟุตบอล รอบ 32 ทีมสุดท้าย

ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2021/22 รอบ 32 ทีมสุดท้าย เดินมาถึงส่วนที่ 4 ซึ่งเป็นส่วนสุดท้าย โดยในโปรแกรม 4 คู่ ดังต่อไปนี้ ไม่มีการพลิกล็อคที่ถล่มทลาย แต่มันก็มีอาการลูกตื้อจนหวิดตกรอบไปเหมือนกัน ซึ่งทีมนั้นจะเป็นใคร ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2021/22 รอบ 32 ทีมสุดท้าย เดินมาถึงส่วนที่ 4 ซึ่งเป็นส่วนสุดท้าย โดยในโปรแกรม 4 คู่ ดังต่อไปนี้ แล้วผลคู่อื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง ด้านนี้มีคำตอบรออยู่แล้ว

มหาสารคาม ยูไนเต็ด 0-2 เมืองทอง ยูไนเต็ด (เสมอกันในเวลา 90 นาที 0-0)

      สำหรับแฟนบอล มหาสารคาม ถือว่าเป็นบุญตาที่ได้เล่นในบ้าน แล้วพบกับทีมใหญ่ ซึ่งผู้มาเยือน คือ เมืองทอง ที่ต้องเดินทางไกลมาจากนนทบุรี ส่วนเกมการแข่งขัน 90 นาที ปูม่วงมหากาฬไม่ทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง เพราะสามารถยันสกอร์ไว้ที่ 0-0 ส่วนการต่อเวลาพิเศษ ก็ทำได้ดี แต่เขื่อนดันมาแตกจากการทำเข้าประตูเอง แล้วมาโดนประตูฝั่งในนาทีสุดท้ายของเกม ทำให้ทีมเล็กๆจากภาคอีสาน ต้องตกรอบไปแบบสุดเสียดาย  

พิษณุโลก เอฟซี 1-4 อุทัยธานี เอฟซี

      ทั้ง 2 ทีม พึ่งเจอกันไปเมื่อวันอาทิตย์ ในเกมไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ แล้ว พิษณุโลก จัดการเฉือน อุทัยธานี 2-1 แบบมีดราม่าถึงการตัดสินของกรรมการ นั่นจึงทำให้เกมวันนี้เป็นที่หมายปองของช้างป่า ที่ต้องการล้างแค้นขุนพลนเรศวรให้ได้ สุดท้ายความแค้นที่กรุ่นอยู่ภายใน ก็ได้ระเบิดออกมาเป็นสกอร์นำ 0-1 ในครึ่งแล้ว ก่อนที่ในครึ่งจะไหลไปถึง 0-3 และจบที่ 1-4 ในท้ายที่สุด

สุพรรณบุรี เอฟซี 3-0 ชัยนาท ยูไนเต็ด

      สุพรรณบุรี โชคดี 2 ชั้น เพราะได้เล่นในบ้านและเจอทีมอ่อนชั้นกว่าจากไทยลีก 3 โซนภาคตะวันตก อย่าง ชัยนาท กระนั้น อเดบาโย่ ก็ไม่ประมาท กับการจัดทัพที่แทบจะเป็นตัวจริงทุกตำแหน่ง สุดท้ายผลที่คาดก็ไม่พลิกโผ เพราะสามารถยิงนำไปก่อน 2-0 ตั้งแต่ 20 นาทีแรก แล้วมายิงลูกฝังในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 1-0 นครปฐม ยูไนเต็ด (เสมอกันในเวลา 90 นาที 0-0)

      นครราชสีมา มีผลงานในลีกที่ดีขึ้นจนห่างไกลจากโซนตกชั้น นั่นจึงทำให้การโฟกัสที่บอลถ้วย สามารถมองได้ อีกทั้งวันนี้ได้เจอกับทีมรองบ่อนอย่าง นครปฐม จากไทยลีก 2 ที่ก็ไม่เบากับการโค่นทีมเต็งเลื่อนชั้นอย่าง สุโขทัย มา สำหรับเกมในนัดนี้ เสือป่าราชาออกฤทธิ์จนสู้ได้อย่างสูสี แม้เจ้าถิ่นจะจัดตัวชุดใหญ่ก็ตาม ทำให้จบ 90 นาที ด้วยเสมอ 0-0 จากนั้นในช่วงต่อเวลา ทำท่าว่าจะเจ๊าและต้องดวลเป้าชี้ชะตา แต่สุดท้ายดวงก็ยังหนุนทำให้สวาทแคทได้ประตูชัย 1-0 พร้อมกับผ่านเข้ารอบต่อไป   

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

ช้างเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2021/22 รอบ 32 ทีมสุดท้าย

ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2021/22 ในส่วนที่ 4 จะเป็นส่วนสุดท้ายที่เราจะมาวิจารณ์กัน ซึ่งหากกวาดสายตาดูแล้ว หลายคู่ค่อนข้างแบเบอร์ถึงการเข้ารอบ แต่มันก็สะดุดตากับคู่หนึ่ง ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นบิ๊กแมตช์ประจำรอบนี้เลยก็ว่าได้ โดยคู่นั้นจะเป็นใคร เราไปลุ้นพร้อมๆกันด้านล่างนี้

มหาสารคาม สามใบเถา เอฟซี – เมืองทอง ยูไนเต็ด

      มหาสารคาม ภายใต้การทำทีมของกลุ่มทุนใหม่ ผลงานในไทยลีก 3 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจจะไม่สวยหรูดั่งที่ใจหวังนัก แต่ในรายการบอลถ้วยในรอบที่แล้ว ก็มีดีพอที่จะจัดการเพื่อนร่วมให้พ้นทางได้ ส่วนทางฝั่ง เมืองทอง อาจต้องเรียกมือจับสลากมาตีมือ เพราะรอบที่แล้วลงใต้ ขณะที่รอบนี้ขึ้นอีสาน กระนั้นหากดูจากชื่อชั้นคู่แข่ง กิเลนผยองน่าจะผ่านสบาย

พิษณุโลก เอฟซี – อุทัยธานี เอฟซี

      เกมคู่นี้ ถือว่ามาได้เหมาะสมแก่เวลาเสียจริงๆ เพราะทั้งคู่พึ่งเจอกันในเกมไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แล้วมีเหตุการณ์หลายอย่างที่ดูค้านสายตาจนเกมดุเดือด ก่อนที่ท้ายที่สุด พิษณุโลก จะเฉือนชนะไป 2-1 แต่กระนั้น อุทัยธานี ก็ยังคงนำเป็นจ่าฝูงอยู่ อย่างไรเสียเกมในวันพุธนี้ น่าจะใส่กันเลือกสาด จนคาดเดาถึงผลที่จะออกมายากจริงๆ เพราะมันสามารถออกได้ทุกหน้า

สุพรรณบุรี เอฟซี – ชัยนาท ยูไนเต็ด

      สุพรรณบุรี พึ่งสร้างสถิติใหม่ของตัวเอง ด้วยการแพ้รวด 7 นัด ก่อนที่เกมล่าสุดจะปลดล็อคด้วยการเฉือน สมุทรปราการ ส่วนในรายการบอลถ้วย พวกเขาถือว่าโชคดี เพราะรอบที่แล้วหรือรอบนี้ ก็ได้เล่นบ้าน แถมได้เจอทีมรองบ่อน ซึ่งหนนี้เป็น ชัยนาท จากไทยลีก 3 โซนภาคตะวันตก ฉะนั้นหากไม่มีอะไรพลิกล็อค ช้างศึกยุทธหัตถีน่าจะผ่านได้ไม่ยาก    

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี – นครปฐม ยูไนเต็ด

      โคราช มีผลงานในลีกที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเกมในบ้านที่เป็นแหล่งเก็บแต้มชั้นดี ขณะที่รายการบอลถ้วย ก็จัดการบุกไปถล่มเศรษฐีถังแตกจากไทยลีก 2 อย่าง เมืองกาญจน์ มาได้ 0-3 ส่วนในรอบนี้ก็เจอทีมจากไทยลีก 2 อีกหน แต่เป็น นครปฐม ที่ปีนี้ซ่าไม่ออก เนื่องจากปัญหาการเตรียมทีม กระทั่งตอนนี้อันดับร่วงลงไปอยู่ท้ายตาราง แต่กระนั้นในรายการนี้ พวกเขาก็จัดการโค่นเต็งเลื่อนชั้นอย่าง สุโขทัย มาได้ อย่างไรเสียการที่สวาทแคทได้ลงเล่นในบ้านและเจอทีมรองบ่อน มันคงจะไม่ยากสำหรับการปิดประตูตีเสือให้ตายคามือ

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

ฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 15 (คู่วันอาทิตย์)

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก สัปดาห์นี้จะเป็นนัดที่ 15 หรือนัดสุดท้ายก่อนพักเบรกให้กับทีมชาติ ซึ่งเกมส่งท้ายอีก 4 คู่ ล้วนแต่อุดมไปด้วยความมันส์และความหมาย โดยผลที่คาดของแต่ละคู่จะเป็นอย่างไร นับจากบรรทัดนี้เราไปตามดูกันได้เลย  

พีที ประจวบ เอฟซี พบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (18.00 น.)

      ประจวบ ภายใต้การคุมทีมของอดีตกุนซือย่าง ทากิ ทำผลงานได้น่าผิดหวัง จนอับดับลงไปจมอยู่โซนแดง กระนั้นการเข้ามาคุมนัดแรกของโค้ชหระ ก็สามารถแบ่งแต้มจาก เทโร แบบหวุดหวิด ส่วนทางฝั่งทีมเยือนอย่าง บีจี การคัมแบ็คภาค 2 ของโค้ชโอ่ง ดูจะท่าไม่ดีเสียแล้ว เพราะเข้ามาคุม 2 นัด แพ้  2 นัด จนแต้มตามจ่าฝูง 6 คะแนน เข้าให้แล้ว นั่นจึงทำให้การบุกมาเยือนสามอ่าวสตเดี้ยม มีความน่าจะเป็นสูง ที่กระต่ายแก้วจะได้แค่แต้มเดียวเป็นอย่างน้อย   

ชลบุรี เอฟซี พบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี (18.00 น.)

      ผลงานในช่วง 4-5 นัดหลัง ถือว่ากลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดี จนอันดับขึ้นมาอยู่หัวตารางอีกครั้ง สำหรับ ชลบุรี กระนั้นแนวรุกก็ยังประสบปัญหากับอาการปืนฝืดและใช้โอกาสเปลื้องอยู่บ้าง ขณะที่ ราชบุรี ผู้มาเยือน อาจดูหนักกว่า เพราะมีบางช่วงที่เกือบจะร่วงลงไปในโซนแดง แต่อย่างไรเสีย การเก็บ 6 แต้ม ในบ้าน จาก 2 นัดลล่าสุด ก็ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมา ส่วนการบุกไปเยือนชลบุรี สเตเดี้ยม คงจะเสร็จฉลามชลเป็นแน่แท้   

สุพรรณบุรี เอฟซี พบกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (18.30 น.)

      สาละวนอยู่กับการเปลี่ยนโค้ช แต่สุดท้ายดีลล่มและต้องใช้ อเดยาโย่ ตามเดิม แล้วสามารถเก็บชัยด้วยบุกไปโค่น สมุทรปราการ กระนั้นการคว้า 3 แต้ม ออกมา ก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาปลอดภัย ขณะที่ แบงค็อก ตอนนี้ฟอร์มพุ่งแรงกับการยึดตำแหน่งจ่าฝูง ฉะนั้นการบุกไปเยือนของแข้งเทพ คงไม่มีเป้าหมายอื่น นอกจาก 3 แต้ม เพื่อรักษาระยะห่างจากทีมตามหลัง

ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (19.00 น.)

      เชียงราย ในฤดูกาลนี้ ประสบปัญหาที่แปลกประหลาดตรงที่เกมในบ้านไม่สามารถฉกฉวยให้มีความได้เปรียบได้ อีกทั้งยังโดนยิงไป 8 เม็ด จาก 2 เกมหลังในบ้าน ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ การถล่ม ขอนแก่น มาแบบขาดลอย ก็น่าจะทำให้มีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง หลังจากสะดุดไปก่อนหน้านี้ ฉะนั้นการบุกไปเยือนถิ่นลีโอเชียงราย ปราสาทสายฟ้าน่าจะมีดีพอและไม่แพ้ออกมา แต่จะ 1 หรือ 3 แต้ม ก็ขึ้นอยู่กับความเฉียบคมของแนวรุก    

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

ฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 15 (คู่วันเสาร์)

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 15 หรือนัดสุดท้ายของเลกแรก จะลงเตะกันในสัปดาห์นี้เป็นแมตช์สุดท้ายของปี ก่อนจะหลีกทางให้ทีมชาติและกลับมาลงแข่งใหม่ในปีหน้า ส่วนโปรแกรมในวันเสาร์ จะมีใครลงฟาดแข้งบ้าง นับจากนี้เราจะได้ทราบกัน   

หนองบัว พิชญ เอฟซี พบกับ การท่าเรือ เอฟซี (18.00 น.)

          ผลงานในบ้านของ หนองบัว ร้อนแรงอย่างบอกใคร เพราะชนะมาแล้ว 4 นัดรวด ทำให้โอกาสที่จะอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด น่าจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขณะที่ผู้มาเยือนอย่าง การท่าเรือ นับตั้งแต่เปลี่ยนกลับมาใช้บริการโค้ชอู๊ด ผลงานก็ดีอย่างต่อเนื่อง กับชัยชนะ 3 เกมติด กระนั้นการที่เจ้าบ้านขาดตัวหลักอย่าง แฮมิลตัน ย่อมส่งผลมหาศาล จนถึงขั้นที่ว่าอย่างเก่งอาจเก็บได้แค่แต้มเดียว  

 

เมืองทอง ยูไนเต็ด พบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (18.00 น.)

          เมืองทอง แพ้ บียู มาก็จริง แต่ทุกคนต่างรู้อยู่แล้ว ว่าลูกทีมของมาริโอ้ ยังไงก็เป็นรอง อีกทั้งหากดูจากผลงานภาพรวม ถือว่าไม่เลวเลยที่ยังเกาะกลุ่มช่วงบนของตารางได้ ส่วนทางฝั่ง โคราช เหมือนจะออกสตาร์ทไม่ค่อยดี แต่พอเล่นๆไปก็เริ่มเครื่องติดและเดินหน้าเก็บแต้มในบ้านได้เยอะ ทำให้ตอนนี้ก้าวขึ้นมาอยู่กลางตารางแบบไร้กังวล อย่างไรเสียการต้องพบกับที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม กิเลนผยอง น่าจะมีอย่างน้อยๆ 1 แต้ม

โปลิศ เทโร เอฟซี พบกับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด (18.30 น.)

          เทโร มีผลงานลุ่มๆดอนๆก็จริง แต่สถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่ต้องดิ้นรนอะไร เพราะอยู่กลางตาราง อีกทั้งนัดที่ผ่านมาก็น่าเสียดายสุดๆ ที่อุตส่าห์นำ ประจวบ แต่โดนตีเสมอในวินาทีสุดท้ายของเกม ส่วนทางฝั่ง เชียงใหม่ ถือว่าตรงข้ามสุดๆ เพราะนอนนิ่งอยู่ในอันดับบ๊วยมานานแสนจนนาน จนเริ่มจะเห็นลางว่าช้างเผือก คงไม่รอดที่จะต้องตกชั้นกลับบ้านเก่า ฉะนั้นการบุกมาเยือนที่บุญยะจินดา มังกรโล่เงินน่าจะเก็บ 3 แต้ม ได้   

ขอนแก่น ยูไนเต็ด พบกับ สมุทรปราการ ซิตี้ (19.00 น.)

          เกมคู่สุดท้ายของวันเสาร์ ขอนแก่น จะได้กลับมาเล่นบ้าน แต่ผลงาน 2 นัด ไม่ค่อยสู้ดี เพราะแพ้บียู แบบน่าเจ็บใจ ขณะที่การบุกไปเยือนบุรีรัมย์ ดันเล่นผิดฟอร์มจนโดนถล่มกลับมา ส่วนทางฝั่ง สมุทรปราการ ช่วงต้นฤดูกาลผลงานดีจนคนเชียร์ให้ อิชิอิ ไปคุมทีมชาติ แต่พอเวลาผ่านไป ศักยภาพนักเตะ ขนาดของทีม และตัวผู้เล่นที่ทยอยบาดเจ็บ ดันมีผลมหาศาลให้ทีมมีผลงานที่ไม่ปัง ฉะนั้นการบุกไปเยือนถิ่นอีสาน คงยากยิ่งที่จะหยิบ 3 แต้ม ออกมาได้ เว้นเสียแต่แต้มเดียวที่พอจะเป็นไปได้   

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก สัปดาห์ที่ 14 ถือเป็นเกมนัดรองสุดท้ายก่อนจะปิดเลก 1 เดือนเศษ

เพื่อหลีกทางให้กับทีมชาติ โดยวันเสาร์นี้ มีเกมการแข่ง 4 คู่ ลงฟาดแข้งเช่นเคย ซึ่งหากไล่เรียงแล้วก็จะมีทีมใหญ่ที่ต้องการทำแต้มเกาะหัวตาราง รวมถึงทีมในโซนแดงที่ต้องการหนีตาย  

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด (17.30 น.)

      บุรีรัมย์ กำลังเผชิญกับฟอร์มบู่ที่สุดของฤดูกาล เพราะ 3 นัดหลัง เก็บได้แค่แต้มเดียว อีกทั้งยังเสียตำแหน่งจ่าฝูงไปให้กับ บียู ขณะที่ ขอนแก่น ผลงานร้อนแรงขึ้นมา แต่ในนัดล่าสุดโดนจุดโทษแบบงงๆ จนต้องพ่ายแพ้ไปเสียอย่างนั้น แต่สำหรับเกมดาร์บี้แมตช์อีสานในครั้งนี้ ต้นแปรของผลการแข่งขัน คือ เจ้าถิ่นจะยังคงใช้นักเตะลูกรักอยู่หรือไม่ ซึ่งถ้าหากยังคงยืนยันจะใช้ ผลการแข่งขันก็อาจจะเทไปหาทีมเยือนให้มีแต้ม แต่ถ้ากล้าจะเปลี่ยนและดูตามศักยภาพจริง ปราสาทสายฟ้ามีลุ้น 3 แต้ม แน่นอน  

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบกับ ชลบุรี เอฟซี (18.00 น.)

โคราช เหมือนฟอร์มจะร้อนแรง แต่หากเจาะลึกให้ถึงแก่น มันมีหลายองค์ประกอบที่ผสมกันแล้วผลงานออกมาดี มิใช่เกิดจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างที่เราคิดกัน ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี ผลงานจัดว่าพุ่งทะยาน หลังจากซบเซามาพักหนึ่ง โดยในเกมที่โค่น บุรีรัมย์ ถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่ติดตาแฟนบอลเหลือเกิน ฉะนั้นการบุกไปเยือนถิ่นสวาทแคท เชื่อว่าฉลามชลจะไม่แพ้อย่างแน่นอน   

สมุทรปราการ ซิตี้ พบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี

      ในสภาพทีมที่มีขนาดเล็กแล้วยังขาดตัวผู้เล่นหลัก ทำให้ไม่แปลกนักที่ สมุทรปราการ จะร่วงหล่นมาจ่อโซนแดงแบบนี้ อย่างไรเสียมันไม่มีอะไรแย่ไปกว่า สุพรรณบุรี อีกแล้ว ที่สร้างสถิติของตัวเองไปเรื่อย ๆ กับการพ่ายแพ้ในลีก 7 นัด ติดต่อกัน พร้อมกับจ่มโซนแดงแบบจอดสนิท ฉะนั้นเกมที่ทั้ง 2 ทีมจะพบกัน จึงเป็นเกมที่สำคัญมาก กระนั้นหากดูจากองค์ประกอบและฟอร์มการเล่น ก็ยังเชื่อว่าเขี้ยวสมุทรจะเก็บแต้มได้แน่ แต่จะได้ 1 หรือ 3 ก็อยู่ที่ตัวพวกเขาเอง   

การท่าเรือ เอฟซี พบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (19.00 น.)

      การท่าเรือ หลังจากเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน ผลงานเหมือนจะดีกับการแข่ง 2 นัด มี 6 คะแนน แต่ทรงบอลก็ไม่ได้ผิดแปลกไปจากเดิมมากมาย นอกเสียจากการวิ่งที่มีมากขึ้น ขณะที่ บีจี แม้ว่าผลงานจะดี แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชเหมือนกัน ซึ่งคนนั้น คือ โค้ชโอ่ง ที่ย้ายกลับมาจาก การท่าเรือ ฉะนั้นเกมคู่บิ๊กแมตช์ส่งท้ายวันเสาร์ ก็ยังเชื่อว่าทีมเยือนยังดีกว่า แล้วจะสามารถพยุงตัวเอาแต้มออกมาได้แน่

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

สมุทรปราการ จับมือ เมืองทอง จบเจ๊าแบบโนสกอร์ 0-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 12 ลงเตะกันในวันกลางสัปดาห์ โดยโปรแกรมของวันพุธ คู่สุดท้าย สมุทรปราการ ซิตี้ ที่ฟอร์มยังไม่ค่อยดี แถมนักเตะตัวหลักก็บาดเจ็บ ต้องพบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มจัดว่าดีและไม่ขี้เหร่เลย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ คือ 4-4-2 ของเจ้าบ้าน และ 4-1-4-1 ของทีมเยือน

      เกมการแข่งขันเริ่มต้น เมืองทอง เป็นฝ่ายครองบอลและเซตจากหลังเพื่อบุกไปข้างหน้า โดยการเข้าไปในแดนของคู่แข่งจะคำนึงถึงความรวดเร็วเพื่อให้ได้จบสกอร์ หรือในบางจังหวะที่บอลคลุกคลิกก็จะพยายามดักเก็บจังหวะ 2 เพื่อจู่โจมเร็ว ซึ่งการเล่นลักษณะมีโอกาสที่จะได้ประตูนำ แต่ติดเซฟ ส่วนทางฝั่ง สมุทรปราการ ได้แต่ตั้งเกมรับ โดยการยืนตั้งโซนรับแบบมีวินัย ทำได้ดีและเหนียวแน่น แต่พอแตกแถวและต้องดวลตัวต่อตัวกับแนวรุกคู่แข่ง จะสู้ไม่ค่อยได้ ขณะที่เกมรุกแทบจะขึ้นไม่ได้เลย  

ครึ่งหลัง สมุทรปราการ ปรับเกมขนานใหญ่เพื่อให้ตัวเองได้บุกบ้าง โดยการโยนและพาบอลไปข้างหน้า แล้วพยายามจี้บอลใส่กองหลังทีมเยือน ถือว่าเป็นการแก้เผ็ดที่ตรงจุด เพราะแนวรับของ เมืองทอง คือ จุดอ่อน อย่างไรเสียการให้บอลขาดๆเกินๆ มันเลยทำให้จังหวะสุดท้ายไม่ได้จบแบบเหน่งๆ ส่วนทางฝั่ง เมืองทอง ก็พยายามจะบุกเหมือนกัน แต่การต้องเจอแนวรับเจ้าถิ่นที่ขวางเต็มพื้นที่ ทำให้การเจาะเข้าไปเป็นงานลำบาก กระนั้นการจี้บอลใส่ถี่จนแนวรับถอยชิดประตู มันก็เกือบที่จะทำให้ กิเลนผยอง มี 3 แต้ม กลับบ้าน จากการยิงไกลและโยนไปหน้าประตู แต่ความเฉียบคมที่ขาดไปเล็กน้อย ทำให้ได้แค่ 1 แต้ม  

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม สมุทรปราการ ซิตี้ การได้ 1 แต้ม ในวันนี้ ต้องชื่นชมแนวรับที่ยืนกันได้ดี แม้จะมีบ้างที่เกือบจะหลุด ซึ่งมันตรงข้ามกับเกมรุก ที่แทบจะทำอะไรคู่แข่งไม่ได้ หรือต่อให้แก้เกมแล้ว มันก็ไม่ดีขึ้น กระนั้นก็ต้องเข้าใจด้วยว่าการขาดตัวผู้เล่นหลัก มันส่งผลจริงๆ ส่วนทางฝั่ง เมืองทอง ยูไนเต็ด เกมรับถือว่ารอดตัวตรงที่คู่แข่งไม่สมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์โดนเจาะตาข่ายแน่ ขณะที่เกมรุก แม้จะเจอความยากลำบาก แต่ก็ค่อยๆงัดไปเรื่อย ๆ จนได้จบ อย่างไรเสียเพราะความเฉียบคมที่ไม่มากพอ จึงทำให้วันนี้ได้แค่แต้ม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

ท่าเรือ ฟอร์มไม่สวยหรู แต่ยังเฉือน ราชบุรี 1-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 12 ลงเตะกันวันกลางสัปดาห์ โดยในส่วนของคู่สุดท้ายวันพฤหัสบดี การท่าเรือ เอฟซี ที่ก่อนเกมมีข่าวใหญ่กับการประกาศลาออกของ โค้ชโอ่ง จะต้องเปิดบ้านรับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่จนใกล้เคียงกับการหนีตายแล้ว สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-31 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 4-5-1

      การแข่งขันในช่วง 5 นาทีแรก ยังไม่ค่อยปะติดปะต่อทั้ง 2 ทีม แต่หลังจากนั้น การท่าเรือ เริ่มใช้การวางบอลจากกลางสนามไปยังไลน์ระหว่างกองหลังของคู่แข่ง แต่มันยังไม่สามารถสร้างโอกาสที่จะเป็นประตูได้ จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ก็เริ่มจะมีการต่อบอลและทำชิ่งตรงกลางสนาม แต่พอจะเข้าพื้นที่อันตราย ต้องตบออกซ้าย-ขวา แล้วเปิดบอลเข้าไปแทน ขณะที่ ราชบุรี ความเชื่องช้าในการขยับตัวไปข้างหน้า มีผลให้การต่อบอลมากจังหวะจนไม่ได้บุก หรือการแก้ไขด้วยการวางยาวไปให้กองหน้า มันก็ถูกเก็บกินง่ายๆ เพราะคนเปิดกับคนรอบอล ยืนห่างกันมาก

ครึ่งหลัง การท่าเรือ เร่งจังหวะการต่อบอลให้รวดเร็ว แต่เมื่อไปถึงแดนอันตรายของคู่ก็มักจะตกม้าตาย กับการเลี้ยงวนไปมาแล้วจบด้วยการยิงไกล นอกจากนี้โค้ชอู๊ด ยังได้สั่งการให้นักเตะวิ่งไล่เพรสซิ่งแดนบน เพราะแนวรับคู่แข่งไม่ค่อยนิ่ง ส่วนทางฝั่ง ราชบุรี การขึ้นบอลค่อนข้างมีปัญหา เพราะเมื่อถึงแดน 3 ก็จะตัน จนต้องพึ่งการวางบอลยาวของ สรรวัชญ์ เป็นหลัก แต่สุดท้ายแดนหน้าก็เก็บไม่ค่อยได้

      ประตูนำ 1-0 ของ การท่าเรือ มาจากการที่แนวรับทีมเยือนถอยไปเรื่อย ๆ แล้วไม่มีตัวเข้ามาขวางทาง ทำให้ บดินทร์ มีพื้นที่และเวลาได้ส่องไกล แล้วมันเข้าเป้าด้วยการไซร์เสียบเสาไกล จากนั้น ราชบุรี ก็พยายามบุก แต่ด้วยปัญหาเดิม ๆ ทำให้บอลไปไม่ถึงแดนสุดท้าย อีกทั้งการเสียบอลง่ายๆกลางทาง ก็ยิ่งเสียเวลาให้เจ้าถิ่นเอาบอลไปบุกจนหมดเวลา

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม การท่าเรือ เอฟซี เปลี่ยนโค้ชแบบฉับพลัน ทำให้ยังไม่ค่อยเห็นไอเดียอะไรจากโค้ชอู๊ดมากนัก แต่สำหรับเกมนี้ เกมรับเกมรุจัดว่าเรียบ ๆ ไม่มีข้อผิดพลาด แต่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ส่วนประตูที่ได้และ 3 แต้ม ในวันนี้ มาจากการฉวยโอกาสยิงแล้วดันแม่นพอดี ขณะที่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เกมรับไม่นิ่ง จนสุดท้ายถูกลงโทษด้วยการเสียประตู ส่วนเกมรุกก็ไม่ต่างกัน เพราะไม่สามารถขึ้นบอลจากหลังสู่หน้าได้ ทั้ง ๆ ที่คู่แข่งไม่ได้เพรสซิ่งอะไรที่ดุเดือดเลย  

ติดตามข่าว Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

ศึกฟุตบอลไทยลีก 2 นัดที่ 12 ของฤดูกาล ลงเตะในวันเสาร์จำนวน 4 คู่

ซึ่งเมื่อกวาดสายตาดูโปรแกรมและผลการแข่งขันแล้ว ทีมในกลุ่มท้ายตารางน่าจะมีเสียวและสะเทือนเหมือนกัน เพราะมีหลายทีมที่ชนะและทำแต้มขึ้นมาอยู่ในโซนปลอดภัย โดยจะมีใครที่เข้าวิน ด้านล่างนี้มีคำตอบแล้ว

เกษตรศาสตร์ เอฟซี 2-2 อุดรธานี เอฟซี

      เกษตรศาสตร์ มีผลงานลุ่มๆดอนๆตามสภาพ แล้ววันนี้ต้องพบกับศึกหนักอย่าง อุดรธานี ที่ตอนนี้กำลังมีลุ้นเต็มตัวกับการเพลย์ออฟและเลื่อนชั้น โดยเกมการแข่งขัน ทีมเยือนออกนำไปก่อนไป 2 ครั้ง 2 คราว แต่สุดท้ายนาคามรกตตามตีเสมอเซฟแต้มในถิ่นได้สำเร็จ ขณะที่ฝั่งยักษ์แสด ถือว่าน่าเจ็บใจอย่างยิ่ง เพราะการสะดุดในวันนี้ทำให้พลาดโอกาสทำแต้มทาบรองจ่าฝูงอย่าง สุโขทัย

ศัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด 3-1 ราชประชา เอฟซี

      ศัสตอม ไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์ของตัวเอง เพราะผลงานที่ไปเรื่อย ๆ ทำให้พวกเขาอยู่กลางตารางแบบไม่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น ส่วนทีมเยือนในฐานะน้องใหม่ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน เพราะตอนนี้ทำอย่างไรก็ยังมีแค่เสมอกับแพ้ แล้วนัดนี้ก็ตามคาดกับการที่สิงห์นายด่าน ปูพรมบุกและไล่ยิง 3 ลูก ก่อนที่ในช่วงทดเวลา ตราชฎาจะยิงตีไข่แตก แต่สุดท้ายก็ไล่ไม่ทัน

อยุธยา ยูไนเต็ด 1-0 ระยอง เอฟซี

      อยุธยา ออกสตาร์ทฤดูกาลด้วยฟอร์มที่ไม่ค่อยดี จนออกอาการน่าเป็นห่วง แต่ในช่วงหลังผลงานเริ่มดีจนหลุดพ้นโซนแดง ขณะที่ทีมเยือนก็มีผลงานที่น่าผิดหวัง เพราะจากเดิมตั้งเป้าไว้ว่าอยากมีลุ้นเลื่อนชั้น แต่ในความเป็นจริงตอนนี้อยู่แค่กลางตาราง อีกทั้งวันนี้ยังพ่ายแพ้ต่อนักรบอโยธยา อีก ทำให้สถานการณ์ที่จะลุ้นเลื่อนชั้นเริ่มน่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าแต้มจะไม่ห่าง แต่อย่าลืมว่าตอนนี้ม้านิลมังกรแข่งมากกว่าใครพวก  

ชัยนาท ฮอร์นบิล 0-2 เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด

      ชัยนาท มีฟอร์มการเล่นแบบวนลูปยุงลาย เพราะในช่วง 5 นัดหลัง พ่ายไปถึง 3 ทำให้ทีมที่อยู่ข้างเคียงทำแต้มแซงขึ้นไป กระนั้นในวันนี้มีโอกาสดีที่จะกลับคืนสู่ฟอร์ม เพราะได้เปิดเขาพอง สเตเดี้ยม รับ เมืองกาญจน์ ที่แม้จะเปลี่ยนโค้ชแล้ว แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดี

กระนั้นผลการแข่งขันที่ออกมาอาจเรียกได้ว่าพลิกล็อค เพราะการบุกหลายครั้งหลายหนก็ไม่นำมาซึ่งประตู กลับกันพอเป็นทีของค้างคาวมหากาฬ พวกเขาสามารถยิงขึ้นนำไปก่อนในช่วงครึ่งหลัง แล้วมาตอกย้ำประตูตอกฝาโลงอีกที ทำให้นี่กลายเป็นชัยชนะนัดที่ 2 ของฤดูกาล อีกทั้งยังถีบตัวเองหลุดพ้นจากโซนแดงอีกด้วย

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover