Categories
Sport

“คืนพลิกนรกทีมชาติไทย”

ย้อนรอยคลาสสิคแมตช์

ทีมชาติไทย ห่างหายจากตำแหน่งแชมป์ไปนานถึง 12 ปี กระนั้นการเข้ามาคุมทีมของซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็ได้ถูกคาดหวังว่าจะนำทีมไปคว้าแชมป์ AFF Suzuki cup 2014 ได้เสียที เพราะก่อนหน้าได้กวาดเหรียญทองซีเกมส์ และอันดับ 4 ในเอเชียนเกมส์ มาให้ดูเป็นขวัญตาแล้ว อย่างไรก็ดีก็ในเกมนัดชิงชนะกับ มาเลเซีย กลับกลายเป็นงานยาก จนสามารถกล่าวได้ว่าการคว้าแชมป์สมัยที่ 4 นับเป็นการคว้าแชมป์ที่พลิกนรกที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับทีมชาติไทย

ทีมชาติไทยประเดิมเกมแรกด้วยการพบกับเจ้าภาพสิงคโปร์ แล้วกว่าจะชนะได้ก็จากจุดโทษของ ชัปปุยส์ 1-2 ส่วนนัดที่ 2 จัดว่าลุ้นระทึกกว่า เพราะสกอร์ตามหลัง 2 ครั้ง แต่สุดท้าย อดิศักดิ์ AK9 ยิงแซงให้ทีมชนะ 3-2 ทำให้เกมนัดสุดท้ายกับ พม่า สามารถใช้ตัวสำรองได้และชนะสกอร์ 0-2 ส่วนในรอบรองชนะเลิศต้องเจอ ทีมฟิลิปปินส์ โดยเกมแรกยันเสมอ 0-0 ก่อนจะกลับมาตบในบ้าน 3-0 ซึ่งจากทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าทัพช้างศึก มีผลงานที่ดี แต่ก็มีบางเกมที่ต้องลุ้นเหนื่อยกว่าจะชนะได้

ทีมชาติมาเลเซีย จบอันดับ 2 ของกลุ่มเพราะแพ้ทีมชาติไทย ทำให้รอบรองชนะเลิศต้องเจอเวียดนาม แล้วถูกยิงคาบ้าน 1-2 ซึ่งนี่นับเป็นความเสียเปรียบขั้นรุนแรง แต่ในเกมนัดที่ 2 เสือเหลืองพลิกชะตากลับมาด้วยการคว่ำทัพดาวทอง 2-4 รวม 2 นัด ชนะ 5-4 ผ่านเข้าไปพบกับทีมชาติไทย ในรอบชิงชนะเลิศ

เกมนัดชิงชนะเลิศนัดแรก เตะที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งในเกมนั้น ทีมชาติไทยมีฟอร์มที่ดีกว่าชัดเจน กระทั่งมาได้ประตูนำ 1-0 จากการต่อบอลเกือบ 50 ครั้ง ก่อนจบด้วย เกริกฤทธิ์ ยิงเข้าไป และประตู 2-0 จากการจุดโทษของ ชัปปุยส์ โดยการได้ประตูตุนไว้ 2 ลูก ใครๆก็มองว่าแชมป์สดใส แต่เมื่อต้องไปเล่นที่บูกิตจาริล ทัพช้างศึกเป็นรองแบบโงหัวไม่ขึ้น แถมถูกยิง 2 ประตู ตั้งแต่ครึ่งแรก และมาโดนเพิ่มเป็น 3-0 ในช่วงต้นครึ่งหลัง

นั่นจึงทำให้สถานการณ์เข้าทางทีมชาติมาเลเซีย สำหรับการเป็นแชมป์รายการนี้สมัยที่ 2 อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทย มาได้ประตูสำคัญในนาทีที่ 82 เป็น 3-1 ทำให้สถานการณ์พลิกกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง และในนาทีที่ 86 มายิงเพิ่มเป็น 3-2 ซึ่งแม้ว่าจะยังตามหลัง แต่สกอร์รวม 2 นัด ชนะ 4-3 ทำให้คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ไปครอง

สังเวียนบูกิตจาริล ยังคงเป็นอาถรรพ์ของ ทีมชาติไทย เสมอมา แม้กระทั่งถึงปัจจุบัน เพราะไม่ว่าฟอร์มจะดีมาจากไหน แต่เมื่อต้องไปเล่นที่สนามแห่งนี้ มันก็อันต้องเล่นไม่ออกและไม่สามารถคว้าชัยชนะออกมาได้ ฉะนั้นต้องติดตามกันต่อไปว่าอาถรรพ์นี้จะถูกทำลายลงเมื่อลงไรและจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน

ติดตาม ข่าวSport ได้ทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดแบ็คซ้าย-ขวา

ทีมไทย ชุดแชมป์ AFF 2022

การประกาศเรียกนักเตะในตำแหน่งแบ็ค ทีมชาติไทย ทางฝั่งซ้ายถือว่าได้ตัวหลักมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้ง 2 คน แต่สำหรับฝั่งขวา ค่อนข้างดรอปหากทียบกับฝั่งซ้าย เพราะตัวที่ได้มาเป็นในลักษณะมวยแทน ส่วนฟอร์มจะดีหรือไม่ นับจากนี้เราจะไปให้คะแนนกัน  

ธีราทร บุญมาทัน (10)

      ดาวเตะคนสำคัญจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตำแหน่งธรรมชาติ คือ แบ็คซ้าย แต่สโมสรเลือกจะดันให้ขึ้นไปเล่นเป็นกองกลาง นั่นจึงทำให้ มาโน่ จับไปเล่นตำแหน่งดังกล่าวเช่นกัน โดยทุกนัดที่กัปตันอุ้มได้ลงสนาม เจ้าตัวได้โชว์ให้เห็นถึงมาตรฐานที่สูงส่ง เพราะไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งกลางรุก กลางตัวจ่ายบอล หรือแบ็คซ้าย ก็ไม่มีเกมไหนที่เล่นได้น่าผิดหวัง อีกทั้งต้องชมในเรื่องของภาวะผู้นำทั้งในสนามและห้องแต่งตัว

ศศลักษณ์ ไหประโคน (6)

      นับตั้งแต่ไปเล่นกับ ชนบุค ฮุนไดมอเตอร์ส ความมั่นใจดูจะหดหายไปพอสมควร แต่ที่ได้ติดทีมชาติไทยชุดนี้ ก็เป็นเพราะตัวหลักคนอื่นไม่ถูกปล่อยตัวมา ซึ่งการที่ ธีราทร ถูกขยับให้ขึ้นไปเล่นกองกลาง มันจึงเป็นโอกาสที่เจ้าต้องลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย

อย่างไรเสียก็ต้องเรียนตามตรงว่าเจ้าพี ยังมีฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเกมที่พบกับ กัมพูชา ที่ต้องเปลี่ยนตัวออกแล้วถอย ธีราทร ให้ลงไปเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน ขณะที่นัดอื่นๆ การเติมเกมรุกดี เปิดบอลแม่นใช้ได้ แต่เกมรับมักเป็นฝั่งที่ถูกเจาะ รวมถึงมีความผิดพลาดในการป้องกันให้เห็น

ศุภนันท์ บุรีรัตน์ (6)

      ดาวเตะคนใหม่ของ การท่าเรือ เอฟซี ถูกเรียกมาติดทีมชาติไทย ชุดนี้ เพราะตัวหลักในลำดับแรกๆไม่ถูกปล่อยตัวมาเล่น ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์อย่างยิ่ง เพราะในตำแหน่งนี้มีตัวเก่งๆค่อนข้างเยอะ อย่างไรเสียก็ต้องเรียนตามตรงว่าเจ้าตัวยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้ เพราะเกมรับไม่โดดเด่น เกมรุกเปิดบอลไม่แม่น และหากตัวหลักๆกลับมาครบ เจ้าตัวคงไม่มีโอกาสได้ติดทีมชาติอีกเป็นแน่

ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ (ไม่มีคะแนน)

      ดาวเตะจาก ชลบุรี เอฟซี มีฟอร์มการเล่นอยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่ก็ได้รับโอกาสให้มาติด ทีมชาติไทย ชุดนี้ แต่ในการฝึกซ้อมกับแคมป์ทีมชาติ เจ้าตัวเกิดประสบอุบัติจนจมูกหัก ทำให้สุดท้ายต้องถอนตัวและไม่ได้ร่วมเล่นกับทีมอย่างน่าเสียดาย

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นกองหลัง

ทีมชาติไทย ชุดแชมป์ AFF

กองหลังทีมชาติไทย ที่ มาโน่ เรียกมาติดในทีมชุดนี้ ถือว่าได้ตัวที่ต้องการมาเกือบครบ อีกทั้งยังได้โยกผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางให้มาเล่นกองหลัง ซึ่งในรอบแรกจนถึงรอบรองชนะเลิศ ได้วางระบบหลัง 4 แต่เมื่อถึงเกมชิงชนะเลิศก็ได้ปรับมาเล่นหลัง 3 ก่อนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมไปถึงแชมป์

พรรษา เหมวิบูลย์ (8)

          หากไม่เจ็บไม่ป่วยจนต้องหามขึ้นเปล เจ้าโย่งถือเป็นตัวหลักของทีมชาติไทย ที่ตะต้องลงสนามช่วยทีม ซึ่งจุดเด่นเรื่องกลางอากาศถือว่าไว้ใจได้ โดยในนัดที่ออกไปเยือนมาเลเซีย นัดแรก มีบาดแผลที่ปลายคิ้วแบบไม่ต้องเย็บ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหากับการลงสนามจนถึงรอบชิงชนะเลิศนัดที่ 2 

กฤษดา กาแมน (7)

        เป็นนักเตะที่เล่นกองกลางเมื่ออยู่กับสโมสร แต่สำหรับทีมชาติไทย เจ้าตัวถูกจับมาเล่นกองหลังแบบถาวรเสียแล้ว โดยจากฟอร์มการเล่นทั้งทัวร์นาเมนต์ การอ่านทางที่เฉียบขาดช่วยให้ดักทางคู่แข่งและตัดการขึ้นเกมบุกของคู่แข่งได้ดี แต่ข้อเสียที่เป็นปัญหาใหญ่ คือ การสกัดลูกกลางอากาศ ที่ยังเป็นรองและไม่สามารถทำได้เหมือนกองหลังพันธุ์แท้

จักพัน ไพรสุวรรณ (6)  

          มีบทบาทเป็นกองหลังตัวสำรองของทีม โดยมักถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง ซึ่งในนัดที่พบกับ มาเลเซีย การถูกแซงตรงมุมแคบเกือบมีผลให้ทีมเสียประตู ส่วนในด้านที่น่าจำคงเป็นการสกัดบอลและการยิงฟรีคลิกที่ทเอาผู้รักษาฝ่ายตรงข้ามต้องออกแรงเซฟอยู่เหมือนกัน

เฉลิมศักดิ์ อักขี (6)

          โชว์ฟอร์มได้ดีกับสโมสรและด้วยตัวผู้เล่นรายอื่นบาดเจ็บ นั่นจึงให้เจ้าตัวได้มีชื่อหลุดเข้ามาในรอบ 23 คนสุดท้าย โดยบทบาทที่มักได้รับ คือ การลงมาเป็นตัวสำรองเพื่ออุดประตูและปิดเกมให้กับทีม กระนั้นการได้คะแนนก็ไม่ได้หมายความว่านักเตะเล่นไม่ดี หากแต่เรื่องของความโด่ดเด่นและเวลาที่ได้อยู่ในสนามมันค่อนข้างน้อยนิด

วีระเทพ ป้อมพันธุ์ (6)

          ในรายการนี้เมื่อครั้งที่แล้ว วีรเทพ แจ้งเกิดแบบเต็มตัวในฐานะอะไหล่กองกลาง พร้อมกับโชว์ทักษะด้วยการลงไปเล่นเป็นกองหลัง แต่ในฤดูกาลนี้ ผลงานกับสโมสรถือว่าดรอปลงไปแบบน่าใจหาย อย่างไรเสียด้วยความที่นักเตะรายอื่นไม่ถูกปล่อยตัวมา

นั่นจึงทำให้เจ้าตัวยังมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดนี้ แม้จะถูกวางไว้ข้างสนามเป็นหลัก จนในเกมนัดชิงชนะกับ เวียดนาม ก็ได้รับมอบหมายให้ลงเล่นกองหลังทีมชาติไทย ในระบบ 3-5-2 ซึ่งฟอร์มโดยรวม 2 นัด ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก  

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ช้างศึกเจ้าอาเซียน”

ธีราทร ส่องไกล โค่น เวียดนาม 1-0 แชมป์สมัยที่ 7

ศึกฟุตบอล AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ณ สนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ช้างศึกทีมไทย อดีตแชมป์ 6 สมัย ที่ถือความได้เปรียบเรื่องอเวย์โกว์ จะต้องพบกับ ทีมชาติเวียดนาม อดีตแชมป์รายการนี้ 2 สมัย อีกทั้งนัดนี้จะเป็นการคุมทีมนัดสุดท้ายของ ปาร์ค ฮัง ซอ ที่จะหมดสัญญาสิ้นเดือนนี้ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ยังคงมาในแผนเดียวกัน คือ 3-5-2

      ในช่วง 10 นาทีแรก ผู้เล่นทีมชาติเวียดนามมีอาการตื่นจนออกบอลได้ไม่ดี ส่วนทีมชาติไทย เคาะบอลถึงแดน 2-3 แล้วจะหาโอกาสวางหรือแทงบอลเพื่อให้กองหน้าวิ่งหลุดกับดัดล้ำหน้า กระนั้นประตูนำ 1-0 ของทัพช้างศึก มาจากการการยิงไกลของ ธีราทร

ซึ่งเหลี่ยมและมุมบังคับว่าต้องยิง ซึ่งก็ยิงได้ทั้งน้ำหนักและทิศทาง โดยจากสถานการณ์เช่นนี้ ทัพดาวทองต้องเปิดเกมบุกให้มากกว่าเดิม อย่างไรเสียการทำฟาวล์ การเข้าหนัก การเสียบอลในแดน 2-3 มันก็เป็นผลให้การครองเกมไม่เกิด การจบสกอร์ไม่มี

ครึ่งหลัง ทีมชาติเวียดนามพยายามสาดบอล เคาะไล่แดน 2-3 แล้วโจมตีจากการเปิดด้านข้าง แต่โอกาสลุ้นทำประตูยังไม่ค่อยมี ขณะที่ ทีมไทย ดักบอลและโต้กลับได้อยู่เรื่อยๆ แต่มันขาดความอันตรายเมื่อวางบอลยาว แล้วผู้เล่นทีมเยือยสามารถสกัดบอลได้หมด นั่นจึงทำให้ มาโน่ เปลี่ยนตัวรุกริมเส้นลงมา แต่ก็ไม่ได้แผงฤทธิ์นัก ส่วนผู้เล่นทัพดาวทอง ยิ่งเล่นก็ยิ่งเร่งไม่ขึ้น สุดท้ายสกอร์ยังคงค้างที่ 1-0 เมื่อจบเกม    

      บทสรุปจากเกม ช้างศึกทีมไทย คลายความกดดันได้เร็ว เนื่องจากได้ประตูนำ 1-0 จากการยิงไกลของ ธีราทร ทำให้หลังจากนั้นไม่ค่อยรีบเร่งและเน้นเล่นตามจังหวะของเกม ส่วนในครึ่งหลัง การโต้กลับเสียของหลายหน ทำให้โอกาสยิงทิ้งห่างหายไป อีกทั้งยังเน้นเล่นแบบประคองตัว ขณะที่ทีมชาติเวียดนาม อาการเกร็งยังมีให้เห็นอยู่และใช้เวลาอยู่สักพักก็สามารถตั้งเกมของตัวเองได้

กระนั้นการโดนยิงไกลตั้งแต่ต้นเกม มันก็เปรียบกับการถอดสายออกซิเจนกลายๆ เพราะมันทำให้ความดุดันขาดหายไปแบบมลายสิ้น แล้วเมื่อยิ่งเล่นก็ยิ่งตื้อตัน แถมโอกาสเสียวๆแทบไม่มี ก่อนที่ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทัพดาวทองกลายเป็นฝ่ายที่เบาเกมบุกไปเอง เพราะเร่งเท่าไรก็เร่งไม่ขึ้น

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย

ในเกมซัด มาเลเซีย แบบเกลี้ยงชาม 3-0

ศึกฟุตบอล AFF mitsubishi electric cup 2022 ในรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ทัพชาติไทย ที่แบกความกดดันไว้เต็มบ่า ก็ได้ถูกยกออกไปด้วยชัยชนะเหนือมาเลเซีย 3-0 พร้อมกับพลิกเป็นฝ่ายเข้าไปชิงชนะเลิศกับ เวียดนาม ซึ่งในแมตช์ที่ชนะได้แบบสวยหรูนี้ ใครจะคะแนนกันคนละเท่าไรบ้าง นับจากนี้เราจะไปให้คะแนนกัน

กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล

(6) : แมตช์แรกของเจ้าไอซ์ มีเซฟแบบไม่ยากให้ได้ออกแรง แต่มีจังหวะจ่ายบอลพลาด 1 จังหวะ จึงจำเป็นต้องตัดคะแนน

ศศลักษณ์ ไหประโคน

(7) : ไม่มีความผิดพลาดง่ายๆ การยืนตำแหน่งดี ทำให้การประสานงานกับรุ่นพี่สอดรับกัน             

พรรษา เหมวิบูลย์

(8) : ไม่เปิดพื้นที่ให้กองหน้าทีมเยือนได้เล่น และการสกัดก็เอาอยู่ในจังหวะเดียว

กฤษดา กาแมน

(8) : เคลียร์บอลดี บิ้วบอลจากหลังบ้านได้

ศุภนันท์ บุรีรัตน์

(7) : วันนี้ไม่พลาดง่ายๆในเกมรับ ส่วนเกมรุกเติมได้สูงและเปิดบอลมีลุ้น  

ธีราทร บุญมาทัน

(7) : แอสซิสต์ให้ ธีรศิลป์ โหม่งประตูนำ พร้อมกับคุมเกมแดนกลางได้เยี่ยม แต่มีจังหวะออกบอลพลาดง่ายไปสักหน่อย จึงต้องหักออก 1 คะแนน

พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี

(7) : คุมเกมแดนกลางได้ดี มีจังหวะยิงไกล ไม่มีอะไรต้องตำหนิ

สารัช อยู่เย็น

(8) : เป็นตัวคุมเกมแดนกลางของไทย และคุมไว้ได้แบบอยู่หมัด กระทั่งคู่แข่งไม่สามารถทำอะไรได้

เอกนิษฐ์ ปัญญา

(7) : โดนตำหนิมาเยอะ แต่ในวันนี้เล่นดีกว่าหลายนัดที่ผ่านมา โดยเฉพาะการยืนตำแหน่งที่ทำให้เจ้าตัวสามารถจ่ายแอสซิสต์จนเป็นประตู 2-0

 ธีรศิลป์ แดงดา

(7)  : วันนี้เล่นได้ 45 นาที เพราะมีอาการบาดเจ็บ แต่ก็สามารถทำได้ 1 ประตู

บดินทร์ ผาลา

(7) : เหมือนเล่นบอลชายเดี่ยว ไม่ค่อยประสานกับเพื่อนร่วมทีมเท่าที่ควร การเลี้ยงตัดเข้าในมักเสียของเสมอ แต่ในเมื่อวันนี้ยิงได้ 1 ลูก ซึ่งเป็นประตูสำคัญ มันก็สมควรที่จะได้รับคะแนนเพิ่ม   

อดิศักดิ์ ไกรษร

(6) : เป็นสำรองที่ถูกส่งลงมาใน 45 นาทีหลัง แล้วยิงได้ 1 ประตู แต่มันมีอีกหลายจังหวะที่ควรยิงลูกสองได้ แต่ดันยิงไม่เข้า หรือเลี้ยงล็อคหลบไปมาจนเสียโอกาส

วีรเทพ ป้อมพันธุ์

(6) : ลงมาเล่นกองกลาง แล้วไม่มีอะไรผิดพลาด

สุมัญญา ปุริสาย

(6) : เติมตัวเองเข้ากรอบเขตโทษ มีจ่ายให้เพื่อน แต่ไม่นำพาไปสู่ประตู  

จักพัน ไพรสุวรรณ และ เฉลิมศักดิ์ อักขี

(ไม่มีคะแนน) : ลงมาช่วยท้าย ไม่ค่อยมีจังหวะโดนบอลนัก จึงไม่มีคะแนน

และนี่คือผมคะแนน ของ ทัพชาติไทย ก็ซัดแบบเกลี้ยชาม

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“รู้ก่อนด่าจะไม่ได้บ้ง”

รวมเรื่องควรรู้สำหรับแฟนบอลขาจร

ศึกฟุตบอล AFF mitsubishi electric cup 2022 เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งการที่ทีมชาติไทยเดินมาถึงรอบนี้ มันก็มีผลให้ประชาชนทั่ว หรือแฟนบอลขาจรไปที่อาจจะไม่ได้สนใจฟุตบอลมากนัก ได้หันมาติดตามและเชียร์ ทัพช้างศึก แล้วแน่นอนว่าท่านทั้งหลายอาจตกข่าวหรือขาดความเข้าใจที่ถูกต้องไป ฉะนั้นในบทความนี้จะมาอธิบายถึงประเด็นและเรื่องต่างๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และมิให้เกิดการด่าหรือติเตียนที่ผิดเพี้ยนไป

สนามราชมังคลากีฬาสถานเป็นของ กกท.

      ทีมชาติไทยลงเล่นที่สนามราชมังคลากีฬาสถานจนเป็นภาพที่ชินตา เพราะสนามแห่งนี้มีความจุมากที่สุดในประเทศไทย แต่ในการแข่งขันหนนี้ สนามราชมังคลากีฬาสถานติดคิวคอนเสิร์ต ซึ่ง กกท. เป็นเจ้าของและเปิดให้เช่าสนาม ฉะนั้นสมาคมฟุตบอลก็เปรียบได้กับลูกค้าคนหนึ่ง ที่ไม่มีอภิสิทธิ์ต่อการเลือกวันเช่าด้วยตัวเอง ฉะนั้นในเมื่อสนามไม่ว่าง สมาคมฟุบอลจึงต้องไปหาสนามอื่นที่ว่างแทน  

นักเตะชื่อดังไม่มา เพราะบาดเจ็บและไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์

      แฟนบอลขาจรหลายคนคงรู้สึกตกใจ ว่ารายชื่อที่ มาโน่ ประกาศเรียกมา ทำไมถึงไม่มีนักเตะระดับดาวดังมาติดทีม ซึ่งก็ต้องอธิบายว่ามี 2 ปัจจัย คือ นักเตะบาดเจ็บ เช่น กวินทร์ ศิวรักษ์ และฉัตรชัย มีอาการบาดเจ็บและฟิตร่างกายกลับมาไม่ทัน กับอีกปัจจัย คือ การแข่งขันไม่ได้อยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์  ฉะนั้นต้นสังกัดมีสิทธิ์ที่จะไม่ปล่อยตัวมาร่วมทีมชาติ โดยเฉพาะนักเตะจากบุรีรัมย์ ที่สโมสรเลือกส่งไปฝึกซ้อมที่อังกฤษ   

ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไม่ใช่หน้าที่ของสมาคมฟุตบอล

      ในแมตช์แรกที่ ทัพช้างศึก พบกับ บรูไน แฟนบอลขาจรหลายคนต่างตำหนิแบบพุ่งตรงไปที่สมาคมฟุตบอล และโดยเฉพาะนายกสมาคมฟุตบอลที่จะโดนกล่าวถึงมากเป็นพิเศษ ซึ่งในประเด็นนี้ก็ต้องเรียนกันตามตรงว่าสมาคมฟุตบอลไม่ได้มีส่วนที่จะต้องไปจัดซื้อมาให้ได้ชม หากแต่เป็นเรื่องของบริษัทเอกชนที่สนใจ ที่เมื่อซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วก็ต้องบริหารจัดการเพื่อให้เกิดกำไร ซึ่งในครั้งนี้เป็นกองสลากพลัสที่อาสาซื้อมาแบบไม่หวังผลกำไร 

ไม่มี VAR เพราะ AFF ไม่พร้อม

      การตัดสินของกรรมการที่ค้านสายตาในหลายๆคู่ นำมาสู่คำถามว่าทำไมถึงไม่มี VAR ทั้งๆที่ทั่วโลกต่างมีกันจนเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังมีเสียงเรียกร้องว่าควรนำมาใช้ทันที ซึ่งในประเด็นนี้ก็ต้องอธิบายว่าในชาติอาเซียน 10 ประเทศ มีประเทศไทยเพียงชาติเดียวที่พร้อม แต่อีก 9 ชาติ ยังไม่เคยแม้แต่จะใช้ในเกมฟุตบอลลีก

ฉะนั้นหากจะมี VAR มาช่วยตัดสิน ก็จะต้องประกาศล่วงหน้าก่อนทัวร์นาเมนต์ จากนั้นเตรียมความพร้อมตั้งแต่มุมกล้องในสนาม วางระบบสื่อสารให้เสถียร และการอบรมวิธีใช้แก่ผู้ตัดสิน

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“บุกพ่ายมาเลเซีย 1-0”

ตัดเกรดผู้เล่นทีมชาติไทย ศึก AFF mitsubishi electric cup 2022

ศึกฟุตบอล AFF mitsubishi electric cup 2022 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ทีมชาติไทย บุกพ่ายมาเลเซีย 1-0 นั่นจึงทำให้อาถรรพ์บูกิตจาริลยังไม่ถูกทำลาย แต่ในส่วนของฟอร์มการเล่นนั่นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ให้พ่ายแพ้ออกมา ซึ่งในวันนี้มีเกินครึ่งที่จะได้คะแนนแค่ครึ่งเดียว รายชื่อผู้เล่น จะเป็นใครบ้างและเพราะเหตุผลอะไร นับจากนี้เราจะไปไล่เรียงกัน

 กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก (4)

      แทบจะไม่มีงานหนักอะไร แต่การตัดสินใจออกมาชกมักไม่ถึงบอลและมีความผิดพลาดเกือบทุกครั้ง

พรรษา เหมวิบูลย์ (5)

      ประตูที่เสียมีส่วนผิดพลาด ขณะที่การเติมเกมบุกมีโอกาสได้โหม่งแล้วกดไม่ลง สุดท้ายด้วยอาการบาดเจ็บที่ศีรษะทำให้ถูกเปลี่ยนออกในช่วง 20 นาทีสุดท้าย

กฤษดา กาแมน (5)

      มาโน่ อาจมีความต้องการให้นักเตะรายนี้ช่วยบิ้วเกมจากแดนหลัง แต่อาจลืมไปว่าธรรมชาติของนักเตะ คือ กองกลางและไม่ได้เก่งกาจการรับมือลูกกลางอากาศ กระนั้น 1 ประตูที่เสียไป ดาวเตะจากชลบุรี เอฟซี มีส่วนผิดพลาดในเรื่องการยืนตำแหน่งป้องกัน

ศศลักษณ์ ไหประโคน (6)

      ไม่โดดเด่น กระนั้นการเติมเกมบุกมีลูกเปิดที่เข้าจุด แต่น่าเสียดายที่เพื่อนไม่สามารถทำประตูได้

ศุภนันท์ บุรีรัตน์ (5)

      เกมรับมีความผิดพลาดให้เห็นเรื่อยๆ แต่การเติมเกมรุกถือแก้ตัวได้บ้าง เพราะการเปิดบอลเข้าจุดกับเพื่อนที่ยืนรออยู่

ธีราทร บุญมาทัน (7)

      การขยับเจ้าอุ้มให้ขึ้นไปเล่นเสมือนกองหน้าตัวต่ำ เหมือนเป็นการฝืนธรรมชาติของนักเตะไปสักหน่อย แต่เจ้าตัวก็เล่นได้ดี แถมมีลูกจ่ายสวยๆหลายครั้ง

สารัช อยู่เย็น (6)

      อาจจะไม่โดเด่น แต่การคุมเกมแดนกลางไม่มีดีไปกว่าเจ้าตังอีกแล้ว 

 บดินทร์ ผาลา (4)  

      เล่นไม่ดีมาหลายนัด รวมถึงนัดนี้ที่เหมือนเล่นคนเดียวมากกว่า อีกทั้งยังน่าแปลกใจที่ได้อยู่ในสนามจนเกือบจบเกมอีกแล้ว  

เอกนิษฐ์ ปัญญา (4)

      หากยืนริมเส้นจะวูบวาบกว่า แต่เมื่อต้องขยับมาเล่นในกรอบเจตโทษ มันจะเห็นได้ว่าเจ้าตัวไม่ถนัดและโค้ชผิดพลาดที่เปลี่ยนตัวออกได้ช้ามากๆ

พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี (6)

ไม่โดดเด่น แต่การคุมเกมแดนกลางไม่มีความผิดพลาดอะไร  

  ธีรศิลป์ แดงดา (6)

      โดดเดี่ยวเกินไป แต่ก็พยายามจะช่วยทีม ซึ่งมีจังหวะได้โฉบโหม่งแล้วบอลไปชนเสา

จักพัน ไพรสุวรรณ (5)

      ถูกส่งลงมาเพื่อเล่นกองหลังแทน พรรษา แล้วถูกเลี้ยงผ่านตรงมุมแคบไป 1 ครั้ง ซึ่งยังดีที่ไม่ส่งผลเสียหายถึงการโดนลูก 2  

อดิศักดิ์ ไกรษร (5)

ถูกส่งลงมาเพื่อปรับระบบกองหน้า แต่บทบาทน้อยและไม่ได้ช่วยพลิกเกมเท่าไร            

 ปรเมศย์ อาจวิไล (5)

      ลงมาแล้วก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆทันที

เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ และ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว (ไม่มีคะแนน)

      มีเวลาอยู่ในสนามราว 8 นาที แถมไม่ค่อยโดนบอล จึงไม่มีคะแนนสำหรับ 2 คนนี้

      และนี้คือ รายชื่อผู้เล่น ทั้งหมดที่ถูกตัดเกรด

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“1 แต้มอันลุ้นระทึก”

ทัพช้างศึก ตามเจ๊า อินโดนีเซีย เจ้าถิ่น 1-1 เก็บ 1 รั้งจ่าฝูงสาย A 

ศึกฟุตบอล AFF mitsubishi electric cup นัดที่ 3 ของสาย A ณ สนามเกอโลราบุงการ์โน หรือเสนายัน เดิม ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่ชนะมา 2 เกมรวด จะต้องพบกับ ทีมชาติไทย ที่ก็ชนะมา 2 เกมรวดเช่นเดียวกัน ฉะนั้นหากใครเก็บชัยชนะได้ ก็แทบจะการันตีการผ่านเข้ารอบต่อไปทันที ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีมนั้น เจ้าถิ่นมาในระบบ 4-4-2 ขณะที่ทีมเยือนวาง 4-3-3

      เกมการแข่งขันในครึ่งแรก ทีมชาติอินโดนีเซีย วางแท็กติกเล่นเกมรับเหนียวแน่น โดยเฉพาะในแดน 3-4 ที่ปิดพื้นที่ตรงกลางไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังพยายามเข้าหาบอลเร็วและตามประกบตัวอันตรายของคู่แข่ง นั่นจึงทำให้ ทัพช้างศึก ไม่สามารถเจาะพื้นที่ดังกล่าวได้ และทำได้เพียงการเปิดบอลจากพื้นที่แดน 2 เข้าไป

ซึ่งแน่นอนว่าความแม่นยำที่บอลจะถึงกองหน้าเป้า 2 ตัว มันเป็นไปได้ยาก สุดท้าย ทัพช้างศึก จึงแทบไม่มีโอกาส กระนั้นการลากเลื้อยของ บดินทร์ ก็ยังพอจะสร้างความอันตรายในพื้นที่สุดท้ายได้บ้าง แต่มันไม่ได้จบสกอร์ นอกจากนี้แชมป์เก่า 6 สมัยยังโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ไม่เสียประตูจากจังหวะที่ กิตติภูมิ จ่ายบอลพลาดไปเข้าเท้า สุไลมาน ได้ยิง แล้วโชคดีที่นักเตะเจ้าถิ่น ทิ้งโอกาสทองครั้งนี้ไปแบบไม่น่าให้อภัย  

เริ่มครึ่งหลังเป็นอินโดนีเซีย ที่ได้มีการเพิ่มแท็กติกในเรื่องการดักบอลและโต้กลับ ซึ่งทำได้ดีจนสามารถเข้าถึงแดนสุดท้ายของคู่แข่ง กระทั่งมาได้จุดโทษและประตูนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 49 และหลังจากนั้นก็ยังคงเล่นในลักษณะนี้ แต่ไม่มีได้ประตูเพิ่ม ขณะที่ ทีมชาติไทย

การจ่ายบอลเสียและถูกโต้กลับ นำพาให้พวกเขาเสียประตูและเหลือผู้เล่น 10 คน เพราะไปตัดฟาวล์แบบรุนแรงบริเวณหัวเข่า และหลังจากตัวผู้เล่นน้อยกว่า ก็มีรูปเกมที่เสียศูนย์ไป ซึ่งกว่าจะกลับมาต่อบอลและทำเกมบุกใส่เข้าบ้านได้ เวลาก็ปาเข้าไปนาทีที่ 70 กว่าๆ อย่างไรเสียประตูตีเสมอ 1-1 มาจากการจ่ายบอลเสียของเจ้าถิ่น แล้ว บดินทร์ เก็บบอลได้ ก่อนจะส่งให้ สารัช ที่มีทางเลือกต้องยิงไกลอย่างเดียว แล้วบอลแฉลบเป็นใจจนเข้าประตูไป

      บทสรุปจากเกม ทีมชาติอินโดนีเซีย เน้นเกมรับเหนียวแน่นและทำได้ตามแผน จากนั้นพอเข้าสู่ครึ่งหลัง ก็ได้เพิ่มแท็กติกการดักบอลและโต้กลับ ซึ่งตรงนี้เป็นตัวแปรให้พวกเขาได้ประตูนำ แต่ไม่ได้ประตทิ้งห่างทั้งๆที่ได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น

แล้วดันมามีความผิดพลาดจนเสียประตูตีเสมอ ขณะที่ ทีมชาติไทย เป็นเกมที่น่าอึดอัดเพราะถูกประกบและปิดพื้นที่แดนสุดท้ายอย่างเหนียวแน่น แล้วยิ่งมาเสียประตูและเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เป็นรองมากขึ้น กระนั้นประตูตีเสมอก็ต้องชมที่เก็บบอลเร็วและยิงทันที อีกทั้งยังโชคดีที่บอลแฉลบและเป็นใจ ทำให้ยังดีที่มีแต้มกลับบ้าน

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“สกอร์ขาดช่วงท้าย”

ทีมชาติไทย ไม่พลิกโผ บุกถล่ม บรูโน่ คารังชั่วคราวขาดลอย 0-5

ศึกฟุตบอล AFF Mitsubishi electric cup 2022 รอบแบ่งนัดแรก สาย A ณ สนามชีราส สเตเดี้ยม รังเหย้าคราวของทีมชาติบรูไน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งในครั้งนี้ผ่านเข้ามาเล่นรอบแบ่งกลุ่ม หลังจากหักด่าน ติมอร์เลสเต้ มาได้ในรอบเพลย์ออฟ ขณะที่ผู้มาเยือน

คือ แชมป์เก่าในครั้งที่แล้วอย่างทีมชาติไทย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ขุนพลต่อพิฆาตใช้ระบบ 3-5-2  ส่วนทัพช้างศึกวางระบบ 4-4-2

ทีมชาติไทย

เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ทันที ด้วยการเจาะบอลทางริมเส้นแล้วเปิด หรือเคาะบอลบริเวณแดน 3 แล้วเมื่อไรที่เห็นช่องก็จะสบโอกาสจ่ายแทงเข้าไปให้แนวรุกในกรอบเขตโทษ แต่ด้วยความที่แนวรับกับผู้รักษาประตูของทีมชาติบรูไน ยืนกันกันมาก มันจึงเป็นผลให้พื้นที่ในการจับแล้วยิงไม่มากพอ ซึ่งในช่วงต้นเกมยังยืนป้องกันได้อยู่

แต่เมื่อเวลาเดินไปเรื่อยๆก็เริ่มจะมีจังหวะประกบพลาด กระทั่งนาทีที่ 18 ทัพช้างศึกมาได้ประตูนำ 0-1 จากการเปิดไปเสาไกล แล้วแปะจังหวะเดียวให้ บดินทร์ ที่อยู่ที่อีกฝั่งของเสา ได้แปรจ่อๆ จากนั้นแชม์เก่า 6 สมัย เริ่มเน้นการโจมตีทางริมเส้นเป็นหลัก ก่อนนจะมาได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 ในช่วงท้ายครึ่งแรก จากการเปิดแล้วโหม่งเข้าไป

ครึ่งหลังยังคงเป็นทีมชาติไทย ที่บุกและโจมตีทางริมเส้นด้วยการโยน หรือวางบอลให้คนที่ยืนว่างในกรอบเขตโทษได้เก็บบอลและยิง ซึ่งมันก็มีจังหวะจบสกอร์เรื่อยๆ แต่มันก็เริ่มเห็นถึงการใช้โอกาสที่ค่อนข้างสิ้นเปลื้อง ซึ่งกว่าจะมาได้ประตูที่ 3 ก็ต้องรอถึงนาทีที่ 87 จากการยิงไปติดผู้รักษาประตูของบรูไน แล้วเด้งมาโดน ศศลักษณ์ เข้าประตูไป จากนั้นเหมือนสกอร์ไหล เพราะมาได้เพิ่ม 2 ประตู จากจุดโทษและการยิงไกลนอกกรอบของ พีรดนย์ ทั้ง 2 ประตู

บทสรุปจากเกม

ทีมชาติบรูไน วางแผนมาเล่นเกมรับเหนียวแน่น ซึ่งมันเป็นในลักษณะของการยืนป้องกันกรอบเขตโทษและคอยสกัดบอลให้รอดไปจังหวะไป อย่างไรเสียเมื่อเล่นไปนานขนาดไหน

เรี่ยวแรงก็เริ่มหมดไปเรื่อยๆ กระทั่งการป้องกันหละหลวมและมาเสียประตูรัวๆในช่วงท้าย ขณะที่ทีมชาติไทย เกมนี้ไม่เน้นการเคาะบอลแบบเท้าสู่เท้าเพื่อเข้าไปยิงประตู แต่จะใช้การวางบอลให้ตัวว่างและเน้นการเปิดจากริมเส้นเข้าไป กระนั้นการจบสกอร์ที่ใช้โอกาสสิ้นเปลื้อง คงเป็นการบ้านที่ต้องปรับก่อนจะไปเจอเกมนัดสำคัญ

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ระบบไทยๆ กับฟุตบอลไทย

ระบบไทยๆ ทำร้ายฟุตบอลไทย

นับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เป็นต้นมา การทำงานของสมาคมฟุตบอลเหมือนกราฟที่พุ่งลงต่ำอย่างเดียว ดังจะเห็นจะได้จากการทำงานในหลายๆส่วนที่ดูจะเป็นการประสานงา มากกว่าจะเป็นประสานงาน และเรื่องที่ดูจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด คงหนีไม่พ้นการกำหนดเป้าหมายจากภาครัฐ ที่ส่งตรงมาถึงสมาคมฟุตบอลว่า ทีมชาติไทย ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ที่กัมพูชา ต้องคว้าเหรียญทองให้ได้ แล้วถ้าหากทำได้ต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่งหากฟังและตีความ นี่ถือเป็นความคิดที่ล้าหลังและกำลังทำลายโครงสร้างฟุตบอลอาชีพเข้าอย่างจัง    

เป้าหมายของรัฐ และคำสั่งตรงจากประธานโอลิมปิก

      เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ก่อนจะเริ่มมหกรรมกีฬาใดๆก็ตาม ก็จะต้องมีการประชุมและวางเป้าหมายก่อนไปทำการแข่งขัน แต่ที่เห็นว่าไม่ปกติ คือ ภาครัฐได้เอาผลงานมาเป็นตัวชี้วัดต่อการให้งบประมาณสนับสนุนในปีต่อไป นั่นจึงกลายเป็นการบีบบังคับว่าถ้าสมาคมฟุตบอลไม่สามารถทำ ทีมชาติไทย ให้คว้าเหรียญทองได้ งบประมาณที่จะได้ก็จะถูกตัด อีกทั้งการกล่าวของรองนายกรัฐมนตรีและประธานโอลิมปิกอย่าง พอเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าหากไม่ได้เหรียญทองกลับมา จะต้องมีคนรับผิดชอบ มันก็ยิ่งทำให้นายกสมาคมและผู้เกี่ยวข้อง ต้องพยายามจัดทีมที่พร้อมที่สุดไปลงแข่งขัน  

ฟุตบอลอาชีพ กับทัวร์นาเมนต์สมัครเล่น

      ด้วยการกล่าวที่ปราศจากวิสัยทัศน์ มันจึงกลายเป็นการทำลายโครงของฟุตบอล เพราะในปัจจุบันนี้ฟุตบอลไทยเป็นลีกอาชีพและมีช่วงเวลาของการปล่อยตัวมาเล่นตามปฏิทินฟ่าเดย์ แต่สำหรับทัวร์นาเมนต์ซีเกมส์ มันเป็นเพียงรายการสมัครเล่นที่แข่งขันกันเองภายในอาเซียนและไม่มีผลอะไรหากคว้าเหรียญทองมาได้ ฉะนั้นหากจะหยุดลีกเหมือนที่เคยมาก่อนหน้านี้ มันก็คงต้องกล่าวว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีวิสัยทัศน์ของการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย 

สิ่งที่ควรจะเป็นสำหรับฟุตบอลไทย และ ทีมชาติไทย

      สิ่งที่ควรจะเป็นและจะมีผลต่อวงการกีฬา ที่ไม่เฉพาะแค่กีฬาฟุตบอล คือ ภาครัฐควรลงรายละเอียดก่อนจะกำหนดเป้าหมาย มิใช่กำหนดแบบโต้งๆว่าต้องการเหรียญทองเท่านั้นเท่านี้ ส่วนฟุตบอลทีมชาติไทย แน่นอนว่าทัวร์นาเมนต์แบบนี้ควรเป็นเวทีสำหรับเด็กที่สโมสรพร้อมจะปล่อยมาเล่นทีมชาติ หรือกำหนดชุดที่จะไปทำการแข่งขัน เช่น ชุดยู 21 ยู 19 อย่างไรก็ว่าไป เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับการเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่และเป็นอนาคตให้กับทีมชาติชุดใหญ่ มิใช่หยุดลีกแรมเดือนเพื่อเอานักเตะชุดใหญ่ไปเล่นแบบที่ทำมา เพราะผลลัพธ์ในท้ายที่สุดเราจะไม่ก้าวข้ามอาเซียนและฟุตบอลโลกจะเป็นแค่ฝันไปจนวันตาย

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover