Categories
Sport

วิเคราะห์-ฟันธงแชมป์ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2023/24

ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 ทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์แบบตัวเต็

ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 จะเริ่มต้นออกสตาร์ทในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งในช่วงปิดฤดูกาลราว 2 เดือน ทุกทีมต่างเตรียมความพร้อมเพื่อให้เป้าหมายประสบความสำเร็จ และในส่วนของทีมลุ้นแชมป์ ถือว่าดุเดือดตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะทุกทีมต่างเสริมนักเตะแบบไม่มีใครน้อยหน้า ฉะนั้นในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ถึงทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์แบบตัวเต็ง ไปจนถึงม้านอกสายตาที่อาจสร้างปรากฏการณ์ให้ต้องตะลึ่ง  

เต็งแชมป์ กับ ผู้ท้าชิง

 เต็งแชมป์ยังไงก็ต้องให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แม้จะพลาดท่าในถ้วยไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์คัพ  แต่ด้วยทรงบอลในบางช่วงก็ยังดูน่ากลัวอยู่ อีกทั้งตัวต่างชาติที่เสริมเข้ามาใหม่ หากเข้าที่เข้าทางเมื่อไร เชื่อยังไงก็น่ากลัว ส่วนผู้ท้าชิงคนสำคัญขอยกให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เริ่มเตรียมทีมตั้งแต่ปลายฤดูกาลที่แล้ว ด้วยการดึงโค้ชธง มาคุมทีม พร้อมกับทำบิ๊กดีลด้วยการพา ชนาธิป กลับบ้าน ทำให้แผงกองกลางจัดว่าแข็งปานหิน เพราะอุดมไปด้วยตัวทีมชาติทั้งสิ้น แต่จะได้มากหน่อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับแผนงานของโค้ชธง กลับกันหากหลุดโค้งแบบไม่มีลุ้นแชมป์ นี่จะเป็นความล้มเหลวของทีมและตัวโค้ชธง

ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 วิเคราะห์-ฟันธงแชมป์ 2023/24
ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 วิเคราะห์-ฟันธงแชมป์ 2023/24

ตัวสอดแทรก

 ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถูกจัดให้เป็นเต็งลุ้นแชมป์ทุกปี แต่ไม่น่าเชื่อว่าทีมใหญ่อย่างแข้งเทพ จะหลุดโค้งในช่วงปลายเลกแรกถึงต้นเลกสองเป็นประจำทุกปี กระทั่งท้ายจบฤดูกาลด้วยบทบาทพระรองมาตลอด ฉะนั้นก็ยังเชื่อว่า บียู จะต้องอกหักไปอีกปี แม้จะพึ่งคว้าแชมป์แรกมาได้หมาดๆ ขณะที่ตัวสอดแทรกอีกทีมคือ การท่าเรือ เอฟซี ซึ่งเป็นทีมใหญ่ มีเงินหนา และเคยคว้าแชมป์บอลถ้วย แต่ยังไม่เคยไปถึงการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด เพราะการบริหารทีมยังไม่มืออาชีพพอ ฉะนั้นการทำผลงานให้ดีอย่างสม่ำเสมอ อันดับอยู่หัวตาราง หรือมีลุ้นแชมป์แบบห่างๆ คงเป็นที่น่าพอใจสำหรับบอร์ดสิงห์เจ้าท่า   

ม้ามืด-ตัวละครลับ 

 ชลบุรี เอฟซี ปรับโครงสร้างทีมด้วยการดึงโค้ชเทกุซัง มาทำทีมตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้เชื่อได้ว่าฉลามชลจะต่อกรกับทีมใหญ่ได้อย่างแน่นอน แต่ปัญหาของทีมคงหนีไม่พ้นเรื่องอาการบาดเจ็บของนักเตะ ที่มักเดี้ยงระนาวเมื่อถึงช่วงกลางฤดูกาล ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้ ชลบุรี ต้องหมดลุ้นแชมป์มาหลายปีแล้ว ฉะนั้นหากแก้ตรงจุดนี้ได้ ก็เชื่อว่าพวกเขาพร้อมจะเป็นตัวสอดแทรกอีกทีม

เมืองทอง ยูไนเต็ด อาจจะไม่เหลือสภาพของความเป็นทีมใหญ่ แต่จากผลงานที่ผ่าน 2 ฤดูกาล ก็จะเห็นได้ว่าพวกเขาสามารถโกยแต้มจนขึ้นมาจบอันดับ 4 ได้ ฉะนั้นหากพวกเขามีความผิดพลาดน้อยลงกว่านี้ การคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 5 อาจจะพอมีหวังอยู่บ้าง

ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 วิเคราะห์-ฟันธงแชมป์ 2023/24
ศึกฟุตบอลไทยลีก1 วิเคราะห์-ฟันธงแชมป์ 2023/24

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“รูดไม่หยุด ฉุดไม่ขึ้น” ชลบุรี บู่จนชิน โดน เชียงราย สอยถึงถิ่น 1-3  

นัดที่ 26 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ชลบุรีพบเชียงราย

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 เกมในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม ชลบุรี เอฟซี ผลงานในตอนนี้ย่ำแย่สุดๆ เพราะไม่ชนะใครมา 7 เกมติดต่อกันแล้ว จะต้องพบกับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ไม่ชนะใครมาหลายเกมแล้วเหมือนกัน ฉะนั้นหากใครเก็บ 3 แต้มได้ ก็จะถือเป็นการปลดล็อคจากความกดดัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 3-4-3 ส่วนทีมเยือนมาแผนเดิมอย่าง 4-4-2

ในช่วงต้นเกมทั้ง 2 ทีม ยังตั้งเกมกันไม่ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 14 ลีโอ เชียงราย ได้ประตูออกนำไปก่อน 0-1 จากจังหวะเตะมุม โดยเป็น วิคเตอร์ วิ่งโฉบตัดหน้า เคลิช และขึ้นโหม่ง ซึ่งในจังหวะนี้ ชนินทร์ ควรเซฟได้ ทั้งๆที่บอลไม่ห่างจากตัวเลย อย่างไรเสีย ชลบุรี ตามไม่นาน ก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจุดโทษที่ แลนดิส ไปดึง มูริลโญ่ ซึ่งการตัดสินใจทำแบบนั้น อาจมองได้ว่าเหลี่ยมของ มูริลโญ่ ดีกว่าและมีโอกาสที่จะจบสกอร์ได้

รูปเกมของทั้ง 2 ทีม ไม่ได้แตกต่างจากช่วงที่เสมอกัน 0-0 แต่ เชียงราย มาได้จุดโทษและประตูนำ 1-2 ในนาทีที่ 33 ซึ่งจังหวะนี้ต้องโทษ ฟาอิค ที่ไม่ควรเสียบ เพราะมีเพื่อนยืนประคองอยู่อีกหลายคน นั่นจึงทำให้ ชลบุรี พยายามเปิดเกมบุก แต่การเสียบอลมาแต่ละครั้ง ก็เกือบจะโดนยิงเพิ่มมากกว่า

นัดที่ 26 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก เชียงราย สอยถึงถิ่น 1-3
นัดที่ 26 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก เชียงราย สอยถึงถิ่น 1-3

 ครึ่งหลัง ชลบุรี ปรับการทำเกมรุกด้วยการจ่ายขวางหาพื้นที่ แล้วเมื่อริมเส้นมีช่องก็จะจ่าย จากนั้นตัวริมเส้นจะแปะบอลเข้าพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งมันสร้างโอกาสได้พอสสมควร แต่มันไม่ใกล้ปากประตูและไม่สามรถทำอย่างต่อเนื่องได้ จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เชียงราย กลายเป็นฝ่ายได้ประตูทิ้งห่าง 1-3 จากการจ่ายเฉียงไปจากด้านซ้าย แล้วกลับมาหน้าประตู โดยจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นเปิดพื้นที่ไว้มากกมาย อย่างไรเสียช่วงท้ายเกม ฉลามชล พยายามจะเร่งเกมชุดสุดท้าย แล้วมันมีโอกาสเหน่งๆจาก ยู บยอง-ซู แต่เจ้าตัวทิ้งขว้างโอกาสทองไป

บทสรุปจากเกม ชลบุรี เอฟซี พ่ายแพ้เพราะความผิดพลาดของผู้เล่นหลายคนประกอบกัน ไล่ตั้งแต่ ผู้รักษาประตู เซฟบอลไม่ได้ กองหลัง-กองกลาง เปิดพื้นที่ให้คู่แข่ง ปีกเสียบคู่แข่งจนเสียจุดโทษ และกองหน้าที่ยิงประตูจากจังหวะเหน่งๆไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดผสมผสานกัน จนกลายเป็นความพ่ายแพ้ ส่วนทางฝั่ง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด วันนี้อาจจะไม่ได้เล่นเกมรุกอย่างที่ตัวเองถนัด แต่ก็ยังพยายามจะเล่นเร็วเพื่อหลีกหนีตัวรับที่ยืนขวางเต็มพื้นที่ รวมถึงมีทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ นั่นจึงทำให้กว่างโซ้งมหาภัย มี 3 แต้ม ในเกมนี้ อย่างไรก็ดี เกมรับมีอาการแกว่งในช่วยท้ายเกม ซึ่งยังดีที่คู่แข่งทำไม่ได้เอง มิเช่นนั้นอาจเป็นฝันร้ายซ้ำสองของพวกเขาก็เป็นได้

นัดที่ 26 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก เชียงราย สอยถึงถิ่น 1-3
นัดที่26 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก เชียงราย สอยถึงถิ่น 1-3

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“3 แต้ม ประเดิมโค้ชธง” บีจี ปิดท้ายซีซั่นสุดว้าวุ่น เฉือน ชลบุรี 1-0  

เกมสุดท้าย ศึกรีโว่ไทยลีก บีจีเฉือนชลบุรี ประเดิมโค้ชธง

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 ซึ่งเป็นเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลนี้ บีจี ที่พึ่งได้โค้ชธง เข้ามาทำงาน วันนี้จะประเดิมคุมทัพรับ ชลบุรี เอฟซี ที่มีโค้ชดุลย์ รับหน้าที่กุนซือชั่วคราวเป็น เกมสุดท้าย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-3-3 ส่วนทีมเยือนมาในแผนถนัดอย่าง 4-4-2

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น บีจี ปทุม ผ่านบอลกลางสนามได้ลำบากมาก แต่เมื่อขึ้นจากริมเส้นทั้ง 2 ข้าง มันช่วยสร้างโอกาสได้พอสมควร โดยทางฝั่งซ้ายจะจ่ายแทงริมเส้นให้ พิธิวัต เพื่อหาช่องจ่ายไปหน้ากรอบเขตโทษ ส่วนริมเส้นฝั่งขวา กุดสตาฟ์สัน จะกระชากลากบอลจนสุดเส้นแล้วเปิด แต่การจบสกอร์ค่อนข้างน่าผิดหวัง ขณะที่ ชลบุรี การยืนป้องกันในแดน 1-2 ทำได้ดี แต่เมื่อต้องลงไปรับในแดน 3-4 การป้องกันค่อนข้างหละหลวม ไม่ต่างจากเกมสวนกลับที่แม้จะเน้นการสาดบอลยาว แต่มันก็มีจังหวะที่แนวรับเจ้าถิ่นพลาด กระนั้นแนวรุก 2 คน ก็ปล่อยโอกาสทองหลุดลอยด้วยการยิงแบบไม่มีลุ้น

เกมสุดท้าย ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 บีจี เฉือนชนะชลบุรี 1-0

เกมสุดท้าย ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 บีจี เฉือนชนะชลบุรี 1-0

ครึ่งหลัง รูปเกมไม่ต่างจาก 45 นาทีแรก โดยทางฝั่ง บีจี ปทุม มีโอกาสจบสกอร์เรื่อยๆ ซึ่งดูดีขึ้นเพราะยิงเข้ากรอบ แต่ดันเข้ามือชนินทร์ ที่ยืนตำแหน่งถูกจนคว้าบอลได้สบายมือ กระทั่งท้ายเกม บีจี ปทุม ควรได้ประตู เพราะ สารัช ยิงข้ามเส้นไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินไม่เห็น นักเตะไม่ประท้วง และที่สำคัญคือเกมนี้ไม่มี VAR นั่นจึงทำให้ ชลบุรี พยายาม ส่งตัวรุกที่เก็บบอลไว้กับตัวได้ดี อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รอดเงื้อมมือขุนพลกระต่ายแก้ว ที่ยิงประตู 1-0 ในนาทีที่ 90+1 โดยจังหวะนี้ แนวรับฉลามชลป้องกันอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ต้องชม มารุฮาชิ ที่พาบอลหลบแนวรับ แล้วจ่ายใส่เท้า ธีรศิลป์ ที่ยิงแบบสะกิดไขว้

บทสรุปจากเกม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มีรูปแบบการเล่นที่ดูชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการขึ้นบอลจากริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง ที่มีการเคลื่อนที่และการเล่นร่วมกันที่ดูเข้าท่า ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เน้นการกระชากแบบฉายเดี่ยว กระนั้นก็ยังต้องปรับปรุงเรื่องการจบสกอร์ที่ใช้โอกาสเปลื้อง และต้องรอนานเกือบจบเกมถึงจะได้ประตูชัย เช่นเดียวกับเกมรับที่ต้องไม่พลาดง่ายๆเมื่อเจอลูกสาดยาว ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี การยืนป้องกันแดนกลางได้สร้างความลำบากให้เจ้าบ้าน แต่เมื่อบอลทะลุไปถึงแดน 3-4  กลับมีช่องให้ถูกโจมตี ซึ่งการยืนตำแหน่งของแนวรับและผู้รักษาประตู อาจจะช่วยทีมได้ แต่เขื่อนดันมาแตกท้ายเกมเสียอย่างนั้น ขณะที่เกมรุกเน้นสาดบอลยาวและโอกาสน้อยก็จริง แต่มันน่าเสียดายที่คู่แข่งพลาด แล้วฉวยโอกาสทำประตูนำไม่ได้ มิเช่นนั้นเกมนี้อาจมีแต้มกลับบ้านก็เป็นได้

เกมสุดท้าย ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 บีจี เฉือนชนะชลบุรี 1-0

เกมสุดท้ายศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 บีจี เฉือนชนะชลบุรี 1-0

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

รีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 (วันอาทิตย์)

ศึกรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 โปรแกรมวันอาทิตย์

ศึกรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ผลการแข่งขันที่ออกมา ไม่ผิดจากที่รีวิวไว้ก่อนเกม โดยสถานการณ์ของกลุ่มทีมหัวตาราง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด การันตีรองแชมป์ และอันดับ 3 ยังต้องลุ้นกันต่อไป ขณะที่โซนตกชั้น ลำปาง เอฟซี และ หนองบัว พิชญ เอฟซี คือ 2 ทีมแรก ที่ต้องตกชั้นอย่างเป็นทางการ หลังจากอยู่ในโซนตกชั้นมาตลอด กระนั้นผลการแข่งขันของทุกคู่จะเป็นอย่างไร นับจากนี้เราจะไปสรุปกัน  

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 1-1 การท่าเรือ เอฟซี

          ผลงานของ นครราชสีมา ถูกหยุดความร้อนแรงโดย บีจี ปทุม แต่เกมวันนี้ พวกเขาเครื่องร้อนและได้ประตูนำอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นาทีที่ 2 จากการสปีดเข้าไปกดมุมแคบ จากนั้นเกมทำท่าว่า การท่าเรือ จะต้องกลับบ้านมือเปล่า แต่เทพตาปิดอย่าง วรชิต ก็ได้กลายเป็นฮีโร่เมื่อเป็นผู้ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 71 ทำให้เกมคู่นี้แบ่งแต้มกันไปแบบสมานฉันท์

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 4-1 โปลิศ เทโร เอฟซี

          ทั้ง 2 ทีม พึ่งเจอกันไปเมื่อกลางสัปดาห์ในเกมบอลถ้วย ซึ่งในวันนี้เหมือนฉายหนังม้วนเดิม เมื่อ ทรู แบง ค็อก จัดการกระซวกผู้มาเยือนไปถึง 4-1 จากลูก open play 2 ลูก และจุดโทษอีก 2 ลูก ส่วน เทโร ยิงได้ 1 ลูก ในช่วงท้ายเกม ทำให้ 3 คะแนน ของแข้งเทพ การันตีตำแหน่งรองแชมป์ ขณะที่มังกรโล่เงิน การพ่ายแพ้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ    

ลำปาง เอฟซี 1-3 ชลบุรี เอฟซี

          หากเกมนี้ ลำปาง ยังพ่ายแพ้อีก พวกเขาจะต้องตกชั้นทันที กลับกัน ชลบุรี พึ่งเปลี่ยนโค้ช หลังจากไม่ชนะใครมายาวนานถึง 8 ติดต่อกัน ซึ่งทันทีที่เกมเริ่มขึ้น เหมือน ชลบุรี อึดอัดมานานและได้ปล่อยของด้วยการยิง 3 ประตู ใส่เจ้าบ้าน โดยในช่วงท้ายเกม ลำปาง ยิงไล่มา 1-3 แต่มันก็เท่านั้น เพราะการไม่มีแต้มในเกมนี้ มันส่งผลให้รถม้ามรกต ต้องโบกมือลาไทยลีก 1 และลงไปเล่นไทยลีก 2 ในฤดูกาลหน้า

เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-1 หนองบัว พิชญ เอฟซี  

          เมืองทอง คว้าชัยชนะมาแล้ว 7 เกมติดต่อกัน ฉะนั้นหากคว้าชัยชนะเกมนี้ได้ พวกเขาจะสร้างสถิติชนะติดต่อกันมากที่สุด แล้วเพียงแค่ 11 นาที ก็มาได้ประตูนำ 1-0 แต่ หนองบัว ไม่ยอมแพ้ เมื่อมายิงตีเสมอ 1-1 ก่อนจบครึ่งแรก อย่างไรเสียในครึ่งหลัง กิเลนผยองมาเร่งเครื่องยิงอีก 2 ลูก ทำให้จบเกมชนะไป 3-1 พร้อมกับขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของตาราง ส่วนทางฝั่งพญาไก่ชน พวกเขาตกชั้นตาม ลำปาง โดยฝากผลงานในลีกสูงสุดไว้ 2 ฤดูกาล

ศึกรีโว่ไทยลีก สรุปผลการแข่งขันนัดที่ 27 วันอาทิตย์

ศึกรีโว่ไทยลีก สรุปผลการแข่งขันนัดที่ 27 วันอาทิตย์

ศึกรีโว่ไทยลีก สรุปผลการแข่งขันนัดที่ 27 วันอาทิตย์

รีโว่ไทยลีก สรุปผลการแข่งขันนัดที่ 27 วันอาทิตย์

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ฉลาดเตี้ยอาการหนัก

ชลบุรี โคม่าหนัก บุกพ่าย ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 23 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามทรู สเตเดี้ยม รังเหย้าของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ผลงานกลับมาดีอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้ามีอาการเมาหมัดเล็กน้อย

ซึ่งวันนี้ต้องเจอทีมที่เมาหมัดกว่าอย่าง ชลบุรี เอฟซี ที่ตอนนี้ตามหาชัยชนะไม่เจอมา 4 เกมติดแล้ว ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างมาในระบบ 4-2-3-1 ทั้งคู่

      ในช่วง 10 นาทีแรก ทั้ง 2 ทีมเน้นการต่อบอลเข้าไปในแดนคู่แข่ง  แต่ทางฝั่งทีมเยือนจ่ายพลาดก่อน แล้วโดน ทรู แบงค็อก ตัดได้ สุดท้ายจบที่ เฮแบร์ตี้ ซัดมุมแคบชนเสา แล้วมาเข้าทาง มาห์มู๊ด จิ้มเข้าประตูให้ทีมนำ 1-0 จากนั้นกลายเป็นบียู ที่ดูดีกว่า

เพราะสามารถต่อบอลจากหลังบ้านไปจนถึงการจบสกอร์ได้หลายหน แต่ขาดความเฉียบคม ตรงข้ามกับ ชลบุรี ที่ได้แต่ต่อบอล ไม่มีจังหวะจบสกอร์ กระนั้นช่วงทดเวลา 45+1 การวางบอลยาวให้ ชาญณรงค์ กลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นพลาดตั้งแต่แดนกลางที่เปิดพื้นที่ให้ได้วางบอลแบบสะดวก รวมถึงคู่กองหลังที่ยืนห่างจากตัวรุก ทั้งๆที่มีแค่คนเดียว 

ครึ่งหลัง ชลบุรี พยายามแก้ในเรื่องการเก็บบอลไว้กับตัว โดยจะปล่อยให้ก็ต่อเมื่อเพื่อนหาช่องดีและมีทางที่บอลจะไปข้างหน้า ซึ่งมันช่วยให้ทีมมีโอกาสจบสกอร์มากขึ้น แต่ในนาทีที 61 พวกเขาป้องกันไม่ดีพอ ทำให้โดน เฮแบร์ตี้ ยิงนำ 2-1 แล้วทางฝั่งฉลามชล สมาธิหลุดอย่างชัดเจน สุดท้ายการออกบอลที่ไม่รอบครอบของ เฉลิมพงษ์ ก็ได้ส่งให้ บียู ขึ้นนำ 3-1 และจบเกมด้วยสกอร์นี้  

      บทสรุปจากเกม ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทเกมนี้ได้ดีแถมได้ระตูนำไปก่อน นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสได้แบบต่อเนื่อง แต่พอไม่ได้ประตู เกมรับดันมาเสียง่ายๆ

ซึ่งยังดีที่มีจุดเปลี่ยนเมื่อได้ประตูนำ 2-1 ทำให้ได้ 3 แต้ม ในวันนี้ ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี วันนี้ตั้งใจเล่นต่อบอลกับพื้นเพื่อสู้กับเจ้าบ้าน แต่การจ่ายบอลพลาดทำให้พวกเขาถูกลงโทษ

กระนั้นโมเมนตัมก่อนเข้าห้องแต่งตัว พวกเขาได้สกอร์ตีเสมอ 1-1 ทำให้ในครึ่งหลัง ฉลามชลแก้เกมด้วยการหาวิธีออกบอลให้ชัวร์ ซึ่งมันได้ผลและน่าจะสู้กับเจ้าถิ่นได้สนุก แต่พอเสียประตูอีกครั้ง สมาธินักเตะก็หลุดจากเกมไปเลย

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“แพ้ตั้งแต่นัดแรก”

บีจี ปทุม ประเดิมซีซั่น พ่าย ชลบุรี 1-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดตกค้างกลางสัปดาห์ ณ สนามชลบุรี UTA สเตเดี้ยม ชลบุรี เอฟซี ที่ผลงานการสตาร์ทอาจจะมีติดขัด จะต้องพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่พึ่งกลับมาจากการทำศึก ACL ทำให้ต้องมาเล่นเกมตกค้างนัดแรกของฤดูกาลในในวันนี้ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-2-3-1 ส่วนทีมเยือนวาง 4-4-2 มาต่อกร

      ช่วงต้นเกม บีจี ปทุม พยายามตั้งบอลจากแดนหลัง แล้วต่อเข้าไปในแดนคู่แข่ง แต่เมื่อถูกเพรสซิ่งตั้งแต่ในแดนตัวเอง พวกเขาก็เสียบอลจนโดนจู่โจม หรือเมื่อพาไปถึงแดน 1-2 ก็จะถูกดักบอลและสวนกลับหลายครั้ง กระทั่งแนวรับพยายามจะหยุดด้วยการฟาวล์ แต่สุดท้าย ชลบุรี ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการโต้กลับแล้ว ดานีโล่ พลิกบอลและยิงเข้าทางเสาแรก จากนั้น บีจี ปทุม รูปเกมยังไม่ดีขึ้น ไล่ตั้งแต่การเคาะบอลแล้วโยนให้ อิคซาน โหม่งในกรอบเขตโทษเพียงหน้าเดียว ขณะเดียวกันยังเสียบอลกลางทางจนเกือบโดนยิงลูกที่ 2 หลายหน

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม พยายามจะเดินเพื่อทวงประตู แต่รูปเกมก็ยังไม่ดีขึ้น มิหนำซ้ำยังจ่ายเสียจนโดนโต้หลายต่อหลายครั้ง แต่ยังดีที่ กิตติภูมิ ช่วยเซฟไว้ได้หลายหน มิเช่นนั้นอาจโดนยิงไปแล้ว 2-3 กระทั่งกระต่ายแก้วต้องเริ่มใช้บอลโยน หรือจ่ายยัดให้ อิคซาน แต่ก็หาโอกาสได้น้อยมาก ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี ตั้งรับและโต้กลับแบบได้ลุ้น แต่ก็ต้องตำหนิบ้างที่มีโอกาสทองแล้วยิงทิ้งห่างเพื่อปิดเกมไม่ได้

      บทสรุปจากเกม ชลบุรี เอฟซี วางแท็กติกมาได้เหมาะสมและนักเตะก็เล่นได้ตามแผน โดยเฉพาะการเพรสซิ่งและดักบอลในแดนคู่แข่งและในแดน 1-2 ของตัวเอง จากนั้นเมื่อได้บอลก็โต้กลับ จนได้ประตูประตูตามแผน แต่ที่ต้องตำหนิ คือ การจบสกอร์ที่ควรเฉียบคมกว่านี้ ขณะที่เกมรับก็ยืนได้ดีและไม่มีความผิดพลาดแบบชัดเจนให้เห็น

ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หากจะกล่าวว่าเป็นความเหนื่อยล้า มันอาจจะไม่สมเหตุผล เพราะจากภาพที่เห็นในวันนี้ พวกเขาจ่ายบอลเสียมากเกินไป แล้วมันทำให้พวกเขาต้องถอยมาตั้งรับอยู่ตลอด ขณะที่เกมรุก แทบจะไม่มิติอะไรเลย นอกเสียจากโยนหรือจ่ายยัดใหแนวรุก กระนั้นการเล่นเร็วแบบจังหวะเดียว ดูจะเป็นหนทางที่ทำให้พวกเขาเจาะเจ้าบ้านได้ แต่ดันทำได้แบบนานๆครั้ง สุดท้ายจึงยิงประตูไม่ได้และต้องพ่ายแพ้ไป   

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

มรสุมนอกฤดู ฉลามชล

ในวันที่ฉลามชลต้องฝ่ามรสุมนอกฤดู

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาของฟุตบอลไทย คงไม่มีข่าวไหนจะดังไปกว่ากรณีที่ วรวุฒิ สุขุนา เมาแล้วขับรถยนต์ส่วนตัวไปพุ่งชนผู้ที่มาออกกำลังกาย กระทั่งมีผู้เสียชีวิต 1 ศพ และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีแถลงการณ์ 2 ฉบับ การประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมของ นาย ศศิศ สิงห์โตทอง การออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อผู้สูญเสีย และการประกาศยกเลิกสัญญากับ วรวุฒิ สุขุนา ซึ่งจากที่กล่าวมานี้ คงเป็นเพียงแค่มรสุมช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เพราะนับจากนี้คงมีมรสุมอีกหลายลูกที่ ชลบุรี จะต้องเจอและฝ่ามันไปให้ได้

เสียเด็กปั้นไปมือดีไปหนึ่งราย

การประกาศยกเลิกสัญญากับ วรวุฒิ สุขุนา ถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากดูจากกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับนักกีฬาระดับโลก แต่ในอีกแง่หนึ่งก็นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับ ชลบุรี เอฟซี ที่เป็นผู้นำเจ้าแบงค์มาปลุกปั้น กระทั่งมีฝีมือจนติดทีมชาติชุดเยาวชน อีกทั้งยังได้ถูกส่งไปเก็บเลเวลกับสโมสรต่างๆ แล้วในฤดูกาล 2022/23 นี้ เจ้าตัวได้ถูกวางเป็นมือ 2 แต่ดันโชคดีมือ 1 บาดเจ็บ ทำให้ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงมาตลอด 6 นัด พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้ดีจนถูกมองว่าจะเป็นทายาทรุ่นต่อไปของฉลามชล แต่สุดท้ายดันมาเกิดเรื่องเสียก่อน และนับจากนี้อนาคตคงดับวูบหากคดีถูกตัดสินว่ามีความผิด  

แค่หางบทำทีมก็เหนื่อยแล้ว

ชลบุรี ไม่ใช่ทีมที่มีเงินมากมายก่ายกองเหมือนเมื่อแต่ก่อน เพราะได้เปลี่ยนโครงสร้างทีมด้วยการพึ่งพาตัวเยาวชนและขายออกเพื่อทำกำไร แต่ในบางเวลาเมื่อหมุนเงินไม่พอ ผู้บริการก็ต้องควักเนื้อจนถึงขั้นนำที่ดินไปเร่ขาย กระทั่งการเกิดกรณีของ วรวุฒิ ทำให้สิ่งที่ตามมาเป็นอย่างแรก คือ การใช้จ่ายเงินต้องแบ่งไปเยียวยาให้ผู้สูญเสีย ขณะเดียวกันระบบอะคาเดมี่ของชลบุรี ก็จะถูกตั้งคำถามถึงเรื่องระเบียบวินัยของนักเตะ ว่าจะสามารถควบคุมดูแล พัฒนา หรือคุ้มค่าที่จะทุ่มเงินมาซื้อตัวหรือไม่สำหรับสโมสรที่จะมาซื้อ  

ผลงานกำลังดี โมเมนตัมอาจเสียไป

     ผลงานของ ชลบุรี ในฤดูกาลนี้ เคยก้าวขึ้นไปยืนในตำแหน่งจ่าฝูง แต่ถึงแม้จะยืนระยะบนอันดับ 1 ไม่ได้ อย่างน้อยๆก็ยังเกาะกลุ่มหัวตาราง แต่การอุบัติขึ้นของเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเตะ ดังจะเห็นได้จากเกมที่ลงเตะไป 2 นัด ซึ่งโดนทีมที่อ่อนกว่ายิ่งนาทีบาป แถมเกมล่าสุดต้องตกรอบ ช้างเอฟเอ คัพ อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นตรงจุดนี้ก็ต้องเยียวยาจิตใจและพูดคุยกันให้มากขึ้น

      บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ แน่นอนว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้รับไปเต็มๆ กระนั้นมันได้ส่งสัญญาณเตือนให้นักฟุตบอลทุกนได้พึงระลึกว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคืออะไร เพราะเมื่อมันผิดพลาดไปแล้วคนรอบข้างก็ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงต้นสังกัดที่ต้องมาติดร่างแหด้วย

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ผลัดกันดี ผลัดกันเด่น”

ชลบุรี 10 ตัวไม่หวั่น ตามเจ๊า ราชบุรี 2-2 เก็บ 1 แต้มกลับบ้าน

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 29 ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามมิตรผล สเตเดี้ยม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่รอดพ้นจากการหนีตายแล้ว จะต้องพบกับ ชลบุรี เอฟซี ที่เหลือแค่ทำอันดับให้ดีที่สุดเท่านั้น สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านและทีมเยือนต่างมาในระบบเดียวกัน คือ 4-2-3-1

      ในช่วง 15 นาทีแรก การบุกของทั้ง 2 ทีมพอมีให้เห็น แต่ไม่หวาดเสียวและอันตราย เพราะการยิงมักห่างจากปากประตู แต่พอเข้าสู่นาทีที่ 16 ราชบุรี มิตรผล ได้ประตูนำก่อน 1-0 โดยในจังหวะนั้นทีมเยือนกำลังเซตบอลอยู่ดีๆ แล้วจ่ายเสียจนโดนฉก จากนั้น ล็องจิล ได้มีพื้นที่แบบมหาศาลในการลากบอล ก่อนจะจ่ายแบบเกือบเบาไปให้ แดร์เลร์ ยิง

      หลังจากเสียประตู ชลบุรี ยังโจมตีทางริมเส้นไม่ค่อยได้ แต่ก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการชิบบอลข้ามกองหลังเจ้าบ้านให้ คานยุบ พักและยิง โดยจังหวะนี้แนวรับเจ้าบ้านพลาดที่ดักล้ำไม่ดีพอ ส่วน กัมพล ก็พลาดที่เลือกยืนป้องกันและไม่ออกมาปิดมุม ทั้งๆที่คนยิงยืนระยะเผาขนเช่นนั้น จากนั้นสถานการณ์ของ ราชบุรี ย่ำแย่ลงกับการเสียตัวผู้เล่นไป 1 คน ซึ่งเป็นเข้าฟาวล์ที่ไม่มีความจำเป็น     

ครึ่งหลังเริ่มไปได้แค่ 3 นาที ล็องจิล ลากเลี้ยงบอลทางริมเส้น พอเห็น กษิตเดช ว่างหน้ากรอบเขตโทษ ก็จัดการจ่ายและยิงเข้าไปเป็น 2-1 ให้ ราชบุรี  ซึ่งจากการนำเร็วและตัวผู้เล่นน้อยกว่า ถือว่าเป็นการออกสตาร์ท 45 นาทีหลังที่สวยหรู อย่างไรเสียทางฝั่ง ชลบุรี ก็ไม่ยอมและพยายามแก้เกมด้วยการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่น จนมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากการ pass and move ระหว่าง มูริลโล่ กับ กฤษดา แล้วจบที่การยิงด้านแคบเข้าไป จากนั้น ฉลามชล ยังคงบุกต่อเนื่อง เพราะตัวผู้เล่นมากกว่า แต่ดันเข้าแดนสุดท้ายไม่ค่อยได้ กลับกันทางฝั่งราชันมังกร ตั้งรับและมีการโต้กลับที่น่ากลัว แต่น็อคไม่สำเร็จเพราะจังหวะสุดท้ายไม่พอดี   

      บทสรุปจากเกม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีช่วงเวลาที่ดีและแย่สลับกันไป ซึ่งในช่วงเวลาที่แย่มักมีความผิดพลาดส่วนบุคคลเข้ามา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องไปติวเป็นรายบุคคล ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี พยายามจะตั้งเกมของตัวเองขึ้นมา แต่มีความผิดพลาดจนเสียประตูและต้องตามตีเสมอ ซึ่งหลังจากตีเสมอ 2-2 พวกเขาถึงได้รุกเต็มสูบ แต่ดันเจอรถบัวขวางจนทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่แต้มเดียว

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“โคราชรอดใสๆ”

โคราช ทำแสบ บุกเชือด ชลบุรี ถึงถิ่น 1-2 ขยับหนีโซนแดง

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 28 ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามชลบุรี สเตเดี้ยม ชลบุรี เอฟซี ที่แทบจะไม่มีอะไรต้องลุ้นอีกแล้ว จะต้องพบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่พึ่งคว้าชัยนัดสำคัญ ฉะนั้นหากพวกเขาคว้า 3 แต้มได้อีก ประตูสู่ไทยลีก 2 ก็จะปิดตายทันที สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านวาง 4-4-2 ส่วนทีมเยือนใช้ 4-2-3-1

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ชลบุรี ทำอะไรก็ดูติดขัดไปหมด โดยเฉพาะการจ่ายบอลเสียกลางสนาม ซึ่งมันทำให้ทีมเยือนได้โต้กลับและจู่โจมหลายหน แต่ยังดีที่ไม่เสียประตู ส่วนการเล่นลูกฉาบฉวยของฉลามชล มักลงเอยด้วยการแต่งบอลหลายจังหวะ กระทั่งไม่มีจังหวะยิงแบบเหน่งๆ จนในนาทีที่ 40 นครราขสีมา มาได้ประตูนำ 0-1 จากการเปิดยาวของผู้รักษาประตู แล้วแนวรับเจ้าบ้านอ่านจังหวะบอลตกไม่ดี แถมยังยืนจดๆจ้องๆในจังหวะถัดมา นั่นจึงทำให้ นฤพล วิ่งแซงไปรับบอล ก่อนจะยิงไปเสาไกลแบบไม่ยากเย็น

ครึ่งหลังเริ่มไปได้แค่ 3 นาที ชลบุรี ตีเสมอ 1-1 โดยคราวนี้เป็นแบ็คขวาของทีมเยือนมัวแต่จ้องและไม่ประกบชิด ฟาอิค ทำให้มีเวลาเล็งก่อนเปิดไปเข้าหัวของ ยู บยอง ซู แบบพอดิบพอดี แม้จะมีตัวขวางถึง 2 คน อย่างไรเสียไล่หลังเพียง 5 นาทีกว่าๆ โคราช มาได้ประตูนำ 1-2 อีกครั้งจากลูกฟรีคลิก ซึ่งได้ฉวยโอกาสเล่นเร็วด้วยการจ่ายแทงตรงๆให้ อานิเยียร์ หลุดไปยิงเสาไกล จากนั้นการเปิดบอลยาวจากผู้รักษาประตูของทัพสวาทแคท หรือการเซตบอลโต้กลับขึ้นมา ก็เกือบนำพาให้พวเขายิงทิ้งห่างแต่ดันทำไม่ได้ ส่วนฉลามชลเจ้าถิ่น การโยนบอลจากริมเส้นเข้าไปดูจะได้ผลที่สุด แต่ก็ไม่ได้ เช่นเดียวกับการเจาะพื้นที่ว่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้หรือฟรีคลิกท้ายเกม พวกเขาดันเอาโอกาสทองเหล่านี้ไปเททิ้ง ทำให้ตีเสมอไม่ได้และต้องพ่ายแพ้ในที่สุด   

      บทสรุปจากเกม ชลบุรี เอฟซี ออกสตาร์ทด้วยฟอร์มการเล่นที่ติดๆขัดและมีความผิดพลาด สุดท้ายจึงโดนลงโทษ แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง สถานการณ์เริ่มเข้าทางจากลูกตีเสมอเร็ว แต่ไล่หลังไม่นานก็มาเสียประตูจากการเผลอเพียงเสี้ยววินาที กระนั้นพวกเขาเดินหน้าบุกได้ดี แต่เพราะความไม่เฉียบคมจึงทำให้พ่ายแพ้ ขณะที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ครึ่งแรกฟอร์มดีกว่าเจ้าบ้าน

แล้วอาศัยจี้จุดอ่อนของคู่แข่งจนได้ประตูนำ อีกทั้งยังมีไหวพริบในการชิงเล่นเร็ว กระทั่งนำมาสู่ประตูที่ 2 ถึงกระนั้นก็ดี แนวรับยังมีความผิดพลาดในเรื่องของความละเอียดและสมาธิ ซึ่งนำมาสู่การถูกยิงตีเสมอ 1-1 และเกือบโดนยิงตีเสมอ 2-2 หลายครั้ง ฉะนั้นการคว้า 3 แต้มในเกม ถือว่าทั้งเก่งและเฮงในคราวเดียวกัน

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

ชลบุรี เอฟซี ในเลกที่ 2

สรุปผลงาน ชลบุรี เอฟซี ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22 “ผลงานไม่ปัง เพราะฉลามพิการ”

การจบเลกแรกในอันดับที่ 3 ถือเป็นผลงานที่น่าพึงพอใจสำหรับ ชลบุรี เอฟซี เพราะโครงสร้างทีมเน้นใช้ตัวเยาวชนเป็นแกนหลัก ผสมกับต่างชาติที่ผ่านการคัดเกรดเพื่อเข้ามาประคองเด็กๆ นั่นจึงเป็นผลให้ทัพฉลามชลมีส่วนผสมที่ลงตัว และไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเสริมทัพในเลกที่ 2 เพราะมั่นใจในศักยภาพทีม

การเสริมทัพของ ชลบุรี เอฟซี ฮือฮาที่สุดคงหนีไม่พ้น ฟาอิค โบเกียห์ ซึ่งเป็นทายาทของราชวงษ์แห่งบรูไนที่มีสินทรัพย์ร่ำรวยติดอันดับโลก มาเสริมเกมทางริมเส้น ส่วนการปล่อยตัวผู้เล่นออกก็ได้ทำการขาย วรชิต ที่ปลุกปั้นมาตั้งแต่ 10 ขวบ ให้ บีจี ปทุม ด้วยราคา 36 ล้านบาท ส่วนการแข่งขันในเลกที่ 2 ผลงานเหมือนจะดีต่อเนื่อง แต่ทำไปทำมาดันออกอาการแบบช่วงต้นเลกแรก กล่าวคือ ผลงานดรอปไปดื้อๆ มิหนำซ้ำตัวผู้เล่นต่างชาติดันทยอยเจ็บแบบครบทีม จนถึงนัดที่ออกไปเยือน สุพรรณบุรี ที่ทั้งเสียตัวผู้เล่นเพราะโดนใบแดงและเสียตัวผู้เล่นระหว่างเกมเพราะอาการบาดเจ็บ ทำให้ในเลกที่ 2 โค้ชเตี้ยไม่สามารถจัดทีมแบบเต็มอัตราศึกได้เลย

การขาดหายไปของ วรชิต ดูจะไม่มีผลกระทบกับ ชลบุรี เพราะก่อนที่เจ้ายิมจะย้ายออกไป เจ้าตัวก็โดดเด่นเป็นบางนัดเท่านั้น ขณะที่การเข้ามาของ ฟาอิค โบเกียห์ ดูจะเป็นดีลที่คุ้มค่าไม่น้อย เพราะด้วยลีลาการกระชากบอลทางริมเส้น มันมักไปถึงเพื่อนที่รออยู่หน้าประตู กระนั้นแนวรุกชาวเกาหลีใต้อย่าง ยู บยอง ซู อยู่ๆได้เกิดอาการสากเข้าสิงห์และใช้โอกาสเปลื้อง อย่างไรเสียด้วยความที่แนวรุกประสบอาการบาดเจ็บกันหมด ทำให้ ยู ที่แม้จะโดนวิจารณ์อยู่เรื่อยๆ ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องและยังดีที่สามารถยิงประตูสำคัญให้ทีมได้ตลอด

การที่ ชลบุรี เอฟซี จบอันดับที่ 7 ของตาราง ดูเหมือนจะน่าผิดหวัง เพราะด้วยการเสริมตัวต่างชาติแบบจัดเต็ม แต่หากมองจากสภาพขุมกำลังที่ไม่เคยอยู่ในสภาพสมบูรณ์ให้โค้ชเตี้ยได้จัดเลย มันก็พอจะเข้าใจได้ กระนั้นตัวที่เป็นดั่งความหวังสุดท้ายอย่าง ยู บยอง ซู ดันฟอร์มตก จนไม่สามารถช่วยฉุดโมเมนตัมของทีมให้ขึ้นมาได้ ส่วนในฤดูกาลถัดไป ฉลามชลต้องเผชิญต่อความท้าทายอีกครั้งกับการหานักเตะต่างชาติ โควต้าเอเชีย และอาเซียน เข้ามาแทนตัวที่ออกไป โดยหากหามาและทดแทนได้ ผลงานที่ดีก็สามารถหวังได้ แต่หากหามาแล้วไม่รุ่ง ผลงานของทีมก็อาจจะวนๆเวียนๆเหมือนในปีที่พึ่งผ่านพ้นไป

ติดตาม ความSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover