Categories
Sport

ทีมชาติไทย ศึก AFF SUZUKI cup 2020

AFF SUZUKI  cup ได้จับสลากแบ่งสายออกมาเป็นที่เรียบร้อย

โดยการแข่งขันหนนี้ ทีมชาติไทย จัดว่าอยู่สายเบาในกลุ่ม A  เพราะคู่แข่งอย่าง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ต่างรวมตัวกันอยู่ที่กลุ่ม B นั่นจึงทำให้ทัพช้างศึก มีโอกาสสดใสสำหรับการเข้าต่อไป แต่ก่อนจะไปพูดถึงตรงนั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า 4 นัด ในรอบแรกของทีมชาติไทย จะต้องเจอกับใครและคู่แข่งมีสภาพทีมเป็นอย่างไรบ้าง

5 ธ.ค. ติมอร์ หรือ บรูไน – ทีมชาติไทย

เกมเปิดหัว ทีมชาติไทย อาจเรียกได้ว่าเป็นการซ้อมใหญ่ เพราะจะต้องเจอกับทีมจากรอบเพลย์ออฟ โดยทางฝั่งติมอร์ พึ่งเจอใน SUZUKI cup 2018 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทัพช้างศึกถล่มขาดลอยถึง 7-0 ส่วนทางฝั่งบรูไน เราไม่เคยกันมานานแสนนานแล้ว กระนั้นก็เชื่อว่าหากเจออีกครั้ง คงไม่เหนื่อยเกินไปสำหรับเรา

11 ธ.ค. ทีมชาติไทย – ทีมชาติเมียนมาร์

ทีมชาติไทย มีเวลาได้พักจากเกมแรกนานถึง 6 วัน โดยคู่ต่อกร คือ ทีมชาติเมียนมาร์ ซึ่งพบกันครั้งล่าสุดเมื่อ SUZUKI cup 2016 ในรอบรองชนะเลิศ แล้วเป็นขุนพลช้างศึกจัดการถล่ม 2 นัด 6-0 (0-2, 4-0) ส่วนสภาพทีมของทัพหงส์ทองในตอนนี้ ค่อนข้างกระจัดกระจาย เพราะนักเตะส่วนหนึ่งถูกจับ บางคนหลี้ภัย และหลายคนไม่ขอรับใช้ทีมชาติ ทำให้มีโอกาสสูงที่ผลงานในครั้งนี้จะย่ำแย่  

14 ธ.ค. ทีมชาติฟิลิปปินส์ ทีมชาติไทย

ให้หลัง 3 วัน ทีมชาติไทย จะต้องพบกับขุนพลตากาล็อก ที่มี สก็อต คูเปอร์ อดีตเฮดโค้ชที่เข้ามาทำงานในวงการฟุตบอลไทยนานหลายปี โดยผลงานครั้งล่าสุดที่พบกันในศึก AFF SUZUKI cup 2018 รอบแรก ทีมชาติไทย บุกไปนำก่อน แต่ถูกทีมชาติฟิลิปปินส์ ตามตีเสมอท้ายเกม ทำให้การพบกันในหนี้ไม่ง่ายแน่ เพราะนักเตะส่วนใหญ่เล่นอยู่ต่างประเทศ แล้วหนึ่งในประเทศที่โยกไปค้าแข้งมากที่สุด คือ ไทยลีก

18 ธ.ค. ทีมชาติไทย – ทีมชาติสิงคโปร์

จากนั้น 4 วัน ทีมชาติไทย จะต้องลงเล่นนัดสุดท้ายในรอบแรก กับ เมอร์ไลอ้อน ซึ่งในอดีตนับเป็นทีมที่ใครไม่อยากเจอ เพราะพวกเขาแกร่งทั่วแผ่น จนเคยรั้งตำแหน่งจ้าวอาเซียน 4 สมัย แต่สุดท้ายถูกทีมชาติไทย ปาดหน้าแซงเป็น 5 สมัย ส่วนสภาพทีมในปัจจุบัน กลายเป็นทีมระดับกลางๆของอาเซียนไปแล้ว ฉะนั้นการพบกันในนัดส่งท้าย ขอแค่ทัพช้างศึกไม่ประมาทเป็นพอ หรือเมื่อถึงเวลานั้น จ้าวอาเซียน 5 สมัย อาจจะลอยลำเข้ารอบและไม่ต้องเคร่งเครียดกับเกมนัดนี้ก็เป็นได้  

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“สาลี่ติดคอ”

สุพรรณบุรี กุมความได้เปรียบ เชือด การท่าเรือ 2-1 ประเดิมเก็บ 3 แต้ม

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ในส่วนของคู่วันอาทิตย์ ลงสนามพร้อมกัน 3 คู่ แต่ในส่วนนี้ขอพาไปดูเกมที่ สุพรรณบุรี เอฟซี ต้องเปิดบ้านรับศึกหนัก กับ การท่าเรือ เอฟซี โดยสถานการณ์ก่อนเขี่ยบอล ทั้ง 2 ทีม ต่างต้องการ 3 แต้ม เพราะอย่างงทางฝั่งเจ้าบ้าน พวกเขายังไม่ชนะใครเลย ขณะที่ทีมเยือนต้องการแต้มเพื่อ กลับไปสู่หัวตาราง อันเป็นเป้าหมายสูงสุด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ช้างศึกยุทธหัตถี มาในระบบ 4-3-3 ส่วนทาวฝั่งสิงห์เจ้าท่าใช้ 4-2-3-1

เกมการแข่งเริ่มต้นขึ้น ทั้ง 2 ฝ่าย พยายามเปิดเกมบุกใส่กัน แต่ไม่ทันไร สุพรรณบุรี ดันเปิดแผลในเกมรับด้วยการยืนตำแหน่งที่หละหลวม จนปล่อยให้ บดินทร์ ได้ยิง แล้วผู้รักษาประตูดันปัดบอลมาด้านหน้าตัวเอง จนโดน โบนีญ่า ยิงซ้ำเข้าไป จากนั้นให้หลังไม่กี่นาที  จุดเปลี่ยนของเกมก็เกิดขึ้นกับการยืนคุมเส้นของ จตุภัทร แล้วมาโดนแขน ซึ่งการตัดสินไม่ต่างจากเคสของ รีส เจมส์ ที่ให้ใบแดงและจุดโทษ จนสุพรรณบุรี ตีเสมอ 1-1

หลังจาก สุพรรณบุรี ตีเสมอได้ พวกเขาก็มีช่วงเวลาที่ครองเกมและขึงบุกใส่เป็นระลอก แต่ด้วยไอเดียการเข้าที่มีเพียงโยนจากริมเส้นและยิงไกล ทำให้โอกาสที่จะยิงแซงยังห่างไกล ส่วนทางฝั่งการท่าเรือ หลังจากเสียประตู สมาธิของผู้เล่นขาดหายไปราว 5-10 นาที แต่เมื่อตั้งสติกลับมาได้ ก็จะใช้การโต้กลับด้วยการสาดบอลไปบริเวณริมเส้น เพื่อให้แนวรุกเก็บและเลี้ยงฝ่าก่อนเข้าทำ อีกทั่งยังมีบางช่วงที่ขึงได้ แต่เมื่อใดที่เสียบอล ก็มักถูกคู่แข่งโต้กลับแบบหวาดเสียวตลอด

ครึ่งหลัง สุพรรณบุรี กำลังจะขึงเพื่อบุก แต่ไม่นานก็มาได้ฟรีคลิก แล้วยิงได้ดีจนขึ้นนำ 2-1 จากนั้นกลายเป็นว่าทั้ง 2 ทีม เปิดแลกใส่กัน โดยทางฝั่ง การท่าเรือ สถานการณ์บังคับว่าต้องบุก เพราะสกอร์ตามหลัง แม้ว่าตัวผู้เล่นจะน้อยกว่า แต่ที่น่าแปลกใจ คือ สุพรรณบุรี เมื่อมีโอกาสและได้บอลก็ยังคงพยายามบุกต่อ โดยไม่อุดประตู

ในช่วง 20 นาที สุดท้าย การท่าเรือ ปรับแผนด้วยการเล่นหลัง 3 และเติมกองหน้าเป็น 2 ตัว พร้อมกับใช้แท็กติกสาดบอลยาวให้แดนหน้าเก็บ ซึ่งมันช่วยลดเวลาในการเซตจากแดนกลาง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาพวกเขาสาดบอลไม่แม่น ทำให้ สุพรรณบุรี ได้เก็บตกบอลเอามาโต้กลับ กระทั่งท้ายเกม สิงห์เจ้าท่า เริ่มออกอาการหมดแรง เพราะโหมบุกทั้งที่ตัวน้อยกว่ามาตลอดเกม แต่การโต้กลับของช้างศึกยุทธหัตถี ไม่สามารถยิงฝังได้ อีกทั้งยังมีจังหวะพลาดเกือบเสียประตู แต่โชคดีที่คู่แข่งพลาดเอง ทำให้จบเกมด้วยการเฉือนไป 2-1 เท่านั้น

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นรองและสกอร์ตามหลังเร็ว แต่โชคดีที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นและตีเสมอได้ อีกทั้งยังยิงประตูได้จากฟรีคลิก กระนั้นในจังหวะ Open play พวกเขาไม่สามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นประตู ฉะนั้นหากวันนี้ไม่มีโชค เต็มที่อาจได้แค่เสมอ ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี รูปเกมกำลังได้เปรียบและเป็นใจ แต่พอโดนใบแดง สถานการณ์กลับแย่ลง โดยเฉพาะในเรื่องจิตวิทยา ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะตั้งสติได้ อีกทั้งการเล่น 10 ตัว ก็ไม่ได้เป็นรองคู่แข่ง หากแต่พลพรรคสิงห์เจ้าท่าเล่นพลาดมากเกินไป กระทั่งเป็นมูลเหตุที่ทำให้พ่ายแพ้วันนี้

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“รัวเจ็ดยับ”

ขอนแก่น ดวงแตก พ่ายถล่มคาถิ่นต่อ ชลบุรี 0-7

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ในส่วนของเย็นวันเสาร์ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้กลับมาเปิดรังเหย้าของตัวเองด้วยการรับศึกหนัก กับ ชลบุรี เอฟซี ที่สภาพทีมลงตัวและติดลมบนสุดๆ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 3-4-1-2 ตามเดิม เช่นกันกับทีมเยือนที่มาในระบบเก่งอย่าง 4-4-2 แบบไดม่อน

        เกมการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ชลบุรี เริ่มตั้งเกมด้วยการต่อบอลและเข้าสู่แดนของ ขอนแก่น แต่ผ่านไปเพียง 7 นาที ก็มาเสียจุดโทษจากการเข้าพรวด ทำให้ฉลามชล บุกมานำ 0-1 ทั้งที่ยังไม่ได้ยิงเหน่งๆ แล้วก็มาประตู 0-2 ด้วยจังหวะที่เป็นใจ จากนั้น จงอางผยอง พยายามจะทวงประตูตีเสมอ แต่ก็ต้องใช้วิธีการโยนไปให้แดนหน้าเก็บและเข้าทำ เพราะการต่อบอลจากกลางสนามขึ้นไปตะกุตะกะเหลือเกิน อย่างไรเสียสถานการณ์ก็ยิ่งเร็วร้ายกับการที่ โคโบ้ เจตนายกขายันจนโดนใบแดง กระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรก เกมโต้กลับของ ชลบุรี ก็มาบวกประตูเพิ่มเป็น 0-3

ครึ่งหลัง ขอนแก่น ยังคงพยายามจะบุกต่อ แต่ภาพที่เห็น คือ มักโดนดักบอลและโต้กลับแบบสุดทาง กระทั่งที่กล่าวมานี้เป็นที่มาของประตู 4-0, 5-0 และ 6-0 ของ ชลบุรี โดยเมื่อยิ่งบุกยิ่งโดน อีกทั้งมีโอกาสเท่าไรก็ยิงติดเซฟติดคาน มันก็มีผลให้ความมั่นใจของผู้เล่นของขอนแก่น ถดถอย ดังจะเห็นได้จากการยิงจบสกอร์ที่อยากให้เกิดประสิทธิภาพด้วยยิงเต็มแรง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันดันหลุดออกไปแบบไม่มีลุ้น ขณะที่เกมรับก็เริ่มคิดเยอะจนกลายเป็นเล่นช้าและโดนฉกบอลไปยิงเป็น 0-7

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด ต้องเผชิญกับทุกอย่างที่เป็นความผิดพลาดและโมเมนที่ไม่เป็นใจ กระทั่งทุกอย่างผสมผสานจนกลายเป็นโดนถล่มเละแบบนี้ โดยอย่างแรกเริ่มจากการเสียจุดโทษเร็ว ทำให้แผนที่จะมาอุดประตูและโต้กลับเป็นอันยกเลิก จากนั้นมาโดนประตูเพิ่มและเสียผู้เล่นออกไปอีกคน ก็ยิ่งทำให้การกลับมายิ่งยากเข้าไปใหญ่ จากนั้นพวกเขาเลือกที่แลกด้วยการเปิดเกมบุก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เข้าทางคู่แข่ง มิหนำซ้ำยังมาพลาดเองอีก นอกจากนี้การจบสกอร์หลายหนพวกเขายิงได้ดีแล้ว แต่ขาดเพียงว่ามันไม่เข้า ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี วันนี้โชคเป็นใจจนปลดล็อคประตูแรกเร็ว จากนั้นก็เป็นเกมโต้กลับที่เป็นของถนัดและเก็บกินไปเรื่อยๆ กระนั้นปัญหาที่เห็นในเกมนี้ คือ การเล่นเกมรับที่ไม่ละเอียดและพลาดให้คู่แข่งยิงง่าย ซึ่งยังดีที่วันนี้คู่แข่งลงโทษไม่ได้ มิเช่นนั้นสกอร์ที่มโหฬารขนาดนี้อาจไม่เกิดขึ้น   

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“พลาดกันคนละที”

เชียงใหม่ เปิดบ้านท่ามกลางสายฝน เจ๊า นครราชสีมา 1-1  

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ในส่วนของคู่เย็นวันอาทิตย์ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่กำลังโหยหาชัยชนะนัดแรกของฤดูกาล เปิดบ้านรับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่อย่างน้อยๆอยากจะมาเก็บสักแต้มออกไป ส่วนในเรื่องของผังการเล่น เจ้าบ้านมาในระบบเดิม คือ 3-5-2 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 4-2-1-3  

        เปิดเกมมาเป็น เชียงใหม่ ที่ดูดีกว่านิดๆ กับการเปิดจากริมเส้นมายังหน้าประตู ซึ่งการเปิดซ้ำๆถี่ๆนับเป็นการจี้จุดอ่อนของคู่กองหลัง นครราชสีมา ได้เป็นอย่างดี แต่การเปิดเข้ามาหลายครั้งจังหวะยังไม่พอดี ทำให้การโหม่งเข้ากรอบและลุ้นประตูยังไม่มี จากนั้นฝนได้เทลงมาอย่างหนัก แต่สภาพสนามยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม กระนั้นด้วยสภาวะที่มีน้ำอยู่ตามลายหญ้า ทำให้การส่งบอลมีโอกาสที่น้ำหนักจะขาด กระทั่งปัญหาที่ว่านี้ได้กลายเป็นประตูนำ 1-0 ของเจ้าบ้าน เพราะแนวรับทีมเยือนส่งบอลน้ำหนักขาด จน โบลี่ ได้ฉกบอลไปยิง

        หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เชียงใหม่ ได้ใจและพยายามจะเปิดเกมบุก แต่การเสียบอลจนโดนโต้กลับ แล้วแนวรับยังยืนไม่เข้าที่ มันก็เป็นการเปิดช่องให้ โคราช มีช่องได้จบสกอร์ แต่ อัปเปียห์ ดันจบสกอร์ในระยะที่ไม่ดีและยิงไม่ละเอียดเลย     

ครึ่งหลัง โคราช พยายามจะเปิดบุกด้วยการโยนและเจาะตามช่อง ซึ่งก็มีจังหวะได้เข้าทำ แต่ยังไม่คมพอ กระนั้นด้วยความผิดพลาดของ นนท์ ที่ดูจะรับบอลไม่ค่อยอยู่มือหลายจังหวะตั้งแต่ครึ่งแรก ก็ดันมาก่อความผิดพลาดด้วยคว้าบอลหลุดมือ จน เฉลิมพงษ์ ยิงซ้ำซ่อๆ ตีเสมอ 1-1 จากนั้นกลายเป็น สวาทแคท ได้บุกต่อเนื่อง ตรงข้ามกับ เชียงใหม่ ที่ได้เพียงรอโต้กลับเท่านั้น แต่อย่างไรเสียทั้ง 2 ทีม ต่างยิงเพิ่มกันไม่ได้ ทำให้จบเกมด้วยการแบ่งแต้ม

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ก่อนหน้านี้มีผลงานที่ไม่ดี แล้วจะมองว่าเพราะเจอกับทีมใหญ่ ก็คงไม่ผิดนัก แต่ในนัดนี้ถือว่าน่าผิดหวังที่ไม่สามารถทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันและเหนือกว่าผู้มาเยือนได้เลย โดยประตูที่ได้ก็มาจากความผิดพลาดของคู่แข่ง ส่วนประตูที่เสียก็เพราะตัวเองผิดพลาดเหมือนกัน ทำให้นับจากนี้น่าเป็นห่วงเหลือเกิน สำหรับช้างศึกล้านนา ส่วนทางฝั่ง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หากไม่นับความผิดพลาดในแนวรับที่จ่ายบอลคืนหลังพลาด กับโชคที่ได้จาการยิงตีเสมอ พวกเขายังมีรายละเอียดที่ต้องปรับ เริ่มจากแนวรับที่ออกอาการแกว่งเมื่อโดนกดหัวนานๆ ขณะที่เกมรุกมีโอกาสพอสมควร แต่การจบสกอร์ย่ำแย่จนต้องไปปรับมาอีกเยอะ มิเช่นนั้นฤดูกาลนี้จะเหนื่อย   

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“เชือกกล้วยพันคองูเหลือม”

บียู ปลดล็อคสถิติโค่น บุรีรัมย์ ในถิ่น 2-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ในส่วนของเย็นวันเสาร์ เกมบิ๊กแมตช์ของสัปดาห์นี้อยู่ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่อยากจะล้างอาย หลังจากบุกไปโดนสมุทรปราการเผาเครื่องมา กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มดีในบ้าน แล้ววันนี้ต้องออกมาเยือนเป็นนัดแรก ส่วนระบบการเล่นของทั้ง 2 ทีม ใช้ 3-5-2 มาชนกัน

        ในช่วงต้นเกมยังไม่ค่อยออกอาวุธกันเท่าไร แต่เมื่อไรที่ บุรีรัมย์ ครองบอลบริเวณกลางสนามแล้วช้า ก็จะถูกแนวรุกของแบงค็อก รุมเพรสซิ่งจนเสียแล้ว มันมีจังหวะเหน่งๆที่น่าเป็นประตู แต่ไม่ได้ จากนั้นเมื่อเกมผ่าน 10 นาที บียู เริ่มต่อบอลกับพื้นได้ แต่เมื่อเข้าแดน 3-4 ของคู่แข่ง จะเน้นการเลี้ยงฝ่า การแทง หรือทำใดๆที่ให้เกิดความรวดเร็ว ซึ่งเวลายิ่งผ่านไปเท่าไร แข้งเทพ ก็เริ่มจะพาบอลเข้ามาได้ถี่ขึ้น ขาดเพียงการได้ประตู ขณะที่ทางฝั่งบุรีรัมย์ มีการสาดยาวและต่อบอลจากกลางสนามแล้วรีบจบสกอร์ แต่หากพูดโอกาสที่จะเป็นประตูจัดว่าน้อย เพราะมันเป็นการเปิดจากริมเส้นที่ไม่ค่อยเข้าหัวหรือเท้าของกองหน้าตัวเป้า    

ครึ่งหลัง บียู พยายามปรับวิธีการให้บอลที่แม่นยำเพื่อเพิ่มโอกาสบอลให้บอลถึงแดนอันตรายมากขึ้น ซึ่งมันก็ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ในระดับหนึ่ง กระทั่งประตูนำ 1-0 มาจากการชิงบอลกลางสนาม แล้วเป็นเจ้าบ้านที่เก็บได้ โดยจังหวะลากของ เฮแบร์ตี้ แนวรับของบุรีรัมย์ พลาดในการยืนประกบ และกองหลังตัวไกลก็ผิดพลาดที่ยืนไม่เท่าไลน์เพื่อน ทำให้ ปกเกล้า หลุดเดี่ยวไปดวลตัวต่อตัวกับ ศิวรักษ์ แล้วยิงบอลส่งก้นตาข่าย จากนั้นบุรีรัมย์ พยายามเติมแนวรุกและทำเกมบุกด้วยความรวดเร็ว เพื่อหนีการประกบแน่น แต่สุดท้ายก็ติดแนวรับเจ้าบ้าน นอกจากนี้การต่อบอลยังมีความผิดพลาดจนโดนโต้กลับ แล้วโดน เฮแบร์ตี้ ยิงหนีเป็น 2-0 ส่วน 20 นาทีที่เหลือ นักรบปราสาทสายฟ้าพยายามจะบุกต่อ แต่ไอเดียเดิมๆมุกเดิมๆ ก็ไม่ช่วยให้พวกเขายิงประตูตีตื้นได้

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถือว่าออกสตาร์ทเกมนี้ได้ดี เพราะสามารถยืนเกมรับได้เหนียวแน่จนไม่ต้องกังวล ขณะที่เกมรุกสามารถใช้จังหวะฉาบฉวยเล่นงานได้ดี ขาดเพียงไม่มีประตู แต่พอครึ่งหลัง เมื่อมีโอกาสก็สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมรุกมามุกแบบเดิมๆ แล้ววันนี้เจอคู่แข่งที่ยืนเกมรับดี ทำให้เจาะยังไงก็ไม่เข้า เช่นกันกับเกมรับที่ยังผิดพลาดเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการยืนตำแหน่งและแบ่งหน้าที่กันประกบ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะโดนยิง 2 ดอกเน้นๆ  

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“เหลือ 10 ตัว ก็ต้านไม่อยู่” สุดท้ายไม่รอด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 3 ของฤดูกาล คู่เปิดหัวอยู่ที่สนาม กกท บางพลี สมุทรปราการ ซิตี้

ที่ผลงานการออกไปเยือนใช้ได้ กลับมาเปิดรังเหย้านัดแรกด้วยศึกหนัก กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ต้องการ 3 แต้ม ในทุกเกมที่ลงแข่งขัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-4-2 ส่วนทางฝั่งทีมเยือนก็มาในระบบเก่ง 4-3-3

        ในช่วงต้นเกม แบงค็อก ดักและเก็บบอลได้ ทำให้มีเกมโต้กลับขึ้นมาแต่การเติมเกมไม่มี ทำให้กองหน้าทั้ง 2 ฝั่ง ต้องอาศัยการเลี้ยงฝ่าแล้วถูกตัดฟาวล์ จากนั้น บียู ก็เริ่มครองเกมได้เหนือกว่า แต่การเจอกับแนวรับที่ยืนได้อย่างมีวินัยจัด ทำให้การเจาะพื้นที่แดนสุดท้ายทำไม่ได้ พลางจะเลี้ยงฝ่าก็โดนซ้อนโดนรุม สุดท้ายต้องโยนบอลและยิงไกลแทน จากนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้ คือ ใบแดงของ ทศวรรษ ที่เอาเท้าไปยันใส่โค่นขาหนีบของ เจริญศักดิ์ แบบไม่มีเหตุจำเป็น ทำให้หลังจากเหลือผู้เล่น 10 คน เกมรุกของแข้งเทพก็แทบจะดับวูบลงไปด้วย กระทั่งกลายเป็นเกมที่สูสีขึ้นมา   

ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นมา จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง กับการเลี้ยงจี้เข้าไปของเจริญศักดิ์ แล้วเปิดแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านแบบตรงๆไม่มีโค้ง แต่แนวรับของ แบงค็อก สกัดไม่โดนสักคน ทำให้ตัวที่อยู่เสาไกลยิงจ่อๆขึ้นนำ 1-0 จากนั้น บียู พยายามจะครองบอลบุก แต่ด้วยตัวที่น้อยกว่าและโดนเพรสซิ่งอย่างหนักหน่วง จึงยิ่งทำให้การเล่นยากลำบากขึ้นและครองบอลต่อจังหวะได้ไม่นาน กระทั่งต้องหันเหไปใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะในการเลี้ยงฝ่า แต่มันก็เท่านั้น เพราะสมุทรปราการ มีการซ้อนและบีบช่องให้แคบตลอดเวลา

        การยืนซ้อน การบีบเพรสซิ่ง ช่วยให้สมุทรปราการ สามารถตัดบอลและโต้กลับอยู่ตลอด แต่ทุกครั้งจะเล่นด้วยความรอบครอบ กล่าวคือ ถ้ามีช่องมีโอกาสก็จะเร่งจังหวะเพื่อเข้าทำ แต่ถ้าช่องเริ่มปิดก็จะเน้นการครองบอลเอาชัวร์ในแดนคู่แข่ง ซึ่งวิธีการแบบนี้ช่วยให้พวกเขาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 อย่างไรเสียเมื่อเขี้ยวสมุทร ยิงทิ้งห่าง ก็มีภาพของความหละหลวมให้เห็น จนกลายเป็นประตูตีไข่แตก 3-1 แต่สุดท้าย แข้งเทพ ก็ไล่ไม่ทันและพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์นี้ 

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม สมุทรปราการ ซิตี้ มีเกมที่เหนียวแน่นและมีระเบียบวินัย ทำให้ไม่เสียประตูในช่วงที่เกมยัง 0-0 ส่วนเกมรุก เมื่อมีโอกาสก็จะฉวยจังหวะจนเป็นประตูได้ ทำให้หลังจากนั้นเล่นสบาย เพราะได้โต้กลับแบบมีช่องเยอะ ส่วนทางฝั่ง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรที่สู้เจ้าบ้านได้เลย เพราะตอนที่มี 11 ตัวเท่ากัน เกมรุกไร้ซึ่งไอเดียการเข้าทำ กระทั่งต้องพึ่งทักษะเฉพาะตัวของนักเตะเพียงอย่างเดียว อีกทั้งความผิดพลาดของกองหลัง ก็ยิ่งทำให้เกมนี้เล่นยากเข้าไปใหญ่ สุดท้ายจึงต้องพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ       

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

วิเคราะห์-ฟันธง รีโว่ไทยลีก นัดที่ 5 (วันศุกร์-เสาร์)

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก สัปดาห์ที่ 5 ลงแข่งขันอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดหย่อน จะกลับมาเล่น 8 คู่

เหมือนเดิม เพราะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พ้นขอบข่ายการกักตัว 14 วัน เรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของวันศุกร์และเสาร์ มีเกมการแข่งขันระดับบิ๊กแมตช์ถึง 2 คู่ ซึ่งใครจะพบกับใครและผลที่คาดจะออกมาอย่างไร นับจากนี้เราจะได้ทราบกัน

ชลบุรี เอฟซี  พบกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

        ในค่ำคืนวันศุกร์ เวลา 6 โมงเย็น จ่าฝูงอย่างชลบุรี จะกลับมาเปิดบ้านรับ เชียงราย ที่ออกมาเยือนเป็นนัดแรกของฤดูกาล โดยทางฝั่งของฉลามชล ผลงานกำลังพีคสุดๆ เพราะอย่างเกมที่ผ่านมา ก็จัดการสอนน้องใหม่อย่าง ขอนแก่น ไปถึง 0-7 ส่วนทางฝั่งกว่างโซ้งมหาภัย ตลอด 4 นัด ที่ลงเล่นในบ้าน เก็บได้เพียง 5 คะแนน เท่านั้น อีกทั้งการออกมาเยือนนัดแรกก็เจองานหนักทันที ทำให้เกมนี้มองว่าเจ้าบ้านน่าจะเฉือนชนะได้ 

การท่าเรือ เอฟซี พบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด

        ข้ามมาที่โปรแกรมในวันเสาร์ ซึ่งคู่นี้จะลงเตะเป็นคู่แรกในเวลา 5 โมงเย็น โดยทางฝั่งการท่าเรือ ผลงานไม่ค่อยดี แต่นัดที่ผ่านมาเข้าขั้นโชคร้าย เพราะอุตสาห์นำไปก่อน แต่การโดนใบแดงเร็วทำให้เป็นรองและพ่ายแพ้ สุพรรณบุรี ส่วนทางด้าน เมืองทอง ยูไนเต็ด ล้มลุกคลุกคลานมาหลายนัด แต่ก็ยังไม่ถึงคราวแพ้ กระนั้นการออกมาเยือนแล้วเจ้าบ้านต้องการชัยชนะ มันก็อาจเป็นคราวที่กิเลนผยอง ต้องพ่ายและมอบ 3 แต้ม ให้สิงห์เจ้าท่า    

พีที ประจวบ เอฟซี พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

        ถัดมาเป็นเกมที่สามอ่าว สเตเดี้ยม ซึ่งจะลงเตะในเวลา 6 โมงเย็น โดยทางฝั่งประจวบ ออกไปเล่นเป็นทีมเยือนมา 4 นัด แล้วเก็บได้ 5 แต้ม นับว่าเป็นผลงานที่ไม่เลว ส่วนทางด้านบุรีรัมย์ ออกมาเยือนเป็นนัดแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ก็โดน บียู เชือดไป 2-0 ทำให้การออกมาเยือนเป็นนัดที่ 2 ไม่ใช่งานง่าย อีกทั้งยังเชื่อว่าต่อพิฆาตไม่น่าแพ้ในถิ่น    

สมุทรปราการ ซิตี้ พบกับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

        เกมคู่สุดท้ายที่จะลงเล่นในเวลา 6 โมงเย็น สมุทรปราการ ที่เหมือนจะฟอร์มดี แต่ก็ดันสะดุดหมูอย่าง เทโร เสียอย่างนั้น ทำให้ความหวังที่จะเห็นเขี้ยวสมุทร อยู่หัวตาราง คงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน ส่วนทางฝั่ง เชียงใหม่ ยังหาชัยชนะนัดแรกเจอ อีกทั้งยังห่างไกลหากดูจากฟอร์มการเล่น ฉะนั้นเกมคู่นี้เดาไม่ยากว่าเจ้าบ้านน่าจะเก็บ 3 แต้ม ได้สบายๆ 

   ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“หลังรั่วเป็นเหตุ” การท่าเรือ ประเดิมสนาม เจ๊าเทโร 3-3

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก สัปดาห์แรก ในส่วนของวันอาทิตย์ เปิดหัวด้วยดาร์บี้แมตช์แห่ง กทม.

ระหว่าง การท่าเรือ เอฟซี ของโค้ชโอ่ง กับ โปลิศ เทโร เอฟซี ของโค้ชอ้น ผู้เป็นรุ่นน้อง ส่วนผังการเล่นที่ขึ้นมา เจ้าบ้านปรับมายืน 3-4-2-1 ขณะที่ทีมเยือนรับเต็มสูบในระบบ 5-4-1

ช่วงต้นเกม การท่าเรือ ดูเหนือกว่านิดๆ เพราะสามารถต่อบอลสั้น วางยาวทะลุช่องและเปลี่ยนแกนเร็ว แต่พอต้องเล่นเกมรับ กลางรับดันตามไม่สุด ขณะที่เกมรับก็มัวแต่ถอย ทำให้ เปาลิสต้า ของเทโร ยิงไกลเสียบสามเหลี่ยม จากนั้นเจ้าบ้านพยามโหมบุกต่อ ซึ่งการโจมตีทางฝั่งขวาก็นำพามาสู่ประตูตีเสมอ 1-1 แต่แนวรับของมังกรโล่เงิน ก็ผิดพลาดที่ยืนป้องกันผิดพลาดกันหมด 

        แนวรับของการท่าเรือ จัดว่าเป็นปัญหาในเกมนี้ เพราะเมื่อไรที่ถูกเลี้ยงผ่าน กลางรับไม่ตามต่อ หรือเมื่อไรที่ถูกเลี้ยงจี้ แนวรับทั้ง 3 เลือกจะถอยไปเรื่อยๆ ซึ่งมันกลายเป็นช่องให้ เปาลิสต้า คนเดิมยิงไกลเป็น 1-2 ส่วนลูก 1-3 แนวรับยืนประกบหลวม แล้วผู้รักษาประตูดันชกบอลพลาดอีก แต่กระนั้นยังดีที่ เทโร ทำแฮนด์บอลและเสียจุดโทษ จนสามารถยิงตีตื้น 2-3 ทำให้การเล่นในครึ่งหลังเป็นงานที่เบาลง

ครึ่งหลัง การท่าเรือ พยายามจะต่อบอลให้เร็วและเหนียวแน่น เพื่อให้แนวรับคู่แข่งถอยไปรับในแดนสุดท้าย โดยการถ่ายบอลไปมาทำให้เชฟเกมรับของเทโร ปั่นป่วนจนถูกตีเสมอ 3-3 จากนั้นทั้ง 2 ทีม ต่างเปิดแลกใส่กัน แบบไม่มีการเพรสซิ่งใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันก็ทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย มีโอกาสได้ประตู แต่ดันยิงไปชนเสา ชนเสา ติดเซฟ หรือยิงออกไปเอง   

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม การท่าเรือ เอฟซี ภายใต้การดูแลของโค้ชโอ่ง รูปแบบเกมรุกมีมิติขึ้นกว่าเดิม ทำให้นับจากนี้ขอแค่ปรับนิดอีก ก็น่าจะโหดเหี้ยมได้ไม่ยาก แต่สำหรับเกมรับจัดว่าน่าเป็นห่วงสุดๆ เพราะแค่คู่แข่งไม่กี่คนพาบอลเข้ามาในแดน ก็แสดงอาการให้เห็นถึงการป้องกันที่หละหลวม ซึ่งถ้าเกิดวันนี้เจอทีมที่เกมบุกจัดจ้าน วันนี้จะเสียมากกว่า 3 ลูก แน่นอน ส่วนทางฝั่ง โปลิศ เทโร เอฟซี เกมรับยืนได้ดี แต่พอโดนขึงนานๆหรือต่อเนื่อง มักจะรวนจนเสียประตู ถัดมาที่การขึ้นบอล จัดว่าไหลลื่นและดีกว่าปีที่ผ่านมามากโข ขณะที่เกมรุก การเจาะเข้าไปในแดนอันตรายไม่ค่อยมี แต่ดันมีการยิงไกลมาช่วย ผสมกับการชิงจังหวะที่คู่แข่งผิดพลาด ทำให้วันนี้สามารถเก็บ 1 แต้ม กลับออกมาได้ 

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่  tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

วิเคราะห์-ฟันธง รีโว่ไทยลีก นัดที่ 5 (วันเสาร์-อาทิตย์)

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 5 ของฤดูกาล ลงเตะกันไปอย่างดุเดือดในวันศุกร์และเสาร์

ทำให้ในส่วนนี้จะมาพูดถึงเกมคู่สุดท้ายของวันเสาร์ และอีก 3 คู่ ในวันอาทิตย์ ซึ่งมีเกมบิ๊กแมตช์เป็นนัดส่งท้ายของสัปดาห์อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดจะเป็นอย่างไร นับจากบรรทัดนี้จะได้ทราบกันทั้งหมด

หนอบัว พิชญ เอฟซี พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี

        คู่สุดท้ายของวันเสาร์ ลงเตะในเวลา 1 ทุ่มตรง หนองบัว ในฐานะเจ้าบ้าน ได้หยุดพักมาเต็มๆ 2 สัปดาห์ เนื่องจากคู่แข่งอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อยู่ในช่วงการกักตัว แต่หากย้อนผลงานดูตลอด 3 นัด ก็จะพบว่ามันไม่ได้สวยหรูสักเท่าไร ส่วนทางฝั่งเทโร เป็น 1 ใน 2 ทีม ที่ยังไม่ชนะใคร ทำให้สถานการณ์เข้าขั้นน่าเป็นห่วงเสียแล้ว ซึ่งจากผลงานที่ไม่ค่อยดีทั้ง 2 ทีม ทำให้เกมนี้มีความสำคัญ แต่หากจะให้ฟันธง คงให้พญาไก่ชนไม่แพ้ในถิ่น  

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี

        ข้ามมาที่เกมในวันอาทิตย์ ซึ่งคู่นี้และอีก 2 คู่ด้านล่าง จะลงเตะในเวลา 6 โมงเย็นพร้อมกัน โดยทางฝั่งของ โคราช การออกไปเยือนมักได้ผลดีที่สุด คือ เสมอ ส่วนเกมในบ้านลงเล่นไปแล้ว 1 นัด และสามารถคว้า 3 แต้ม ส่วนทางด้านสุพรรณบุรี ลงเล่นในบ้าน 3 นัด แล้วเก็บ 5 แต้ม ถือว่าเป็นผลงานที่ใช้ได้ แต่การออกไปเยือนถิ่นสวาทแคท อาจต้องจำยอมว่าอย่างเก่งคงได้แค่ 1 แต้ม    

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด

        บีจี ปทุม ผ่านพ้นการกักตัวออกมา พร้อมลงเล่นก็จริง แต่เชื่อว่าสภาพความฟิตต้องมีถดถอยกันไปบ้าง ส่วนทางฝั่ง ขอนแก่น ผลงานเหมือนกำลังจะดี แต่การโดน ชลบุรี รัวหมัดขนาดนั้น ก็ไม่ทราบว่าจงอางผยองจะเมาหมัดค้างหรือไม่ อย่างไรเสียการพบกันที่ ลีโอสเตเดี้ยม เชื่อว่ากระต่ายแก้วจะไม่พลาดในการเก็บ 3 แต้ม

ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พบกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

        เกมคู่ส่งท้ายของสัปดาห์นี้ จัดว่าเป็นบิ๊กแมตช์อีกคู่ โดยทางฝั่งราชบุรี ได้กลับมาเล่นในบ้านเป็นนัดแรก หลังจากออกไปเยือนแล้วชนะแค่เกมเดียวในนัดเปิดฤดูกาล กับ ขอนแก่น ส่วนทางฝั่งบียู ผลงานนัดล่าสุดจัดว่าไฉไลอย่างยิ่ง กับการโค่นบุรีรัมย์ คาถิ่นได้สำเร็จ ทำให้การออกไปเยือนถิ่นราชันมังกร เชื่อว่าแข้งเทพจะเก็บได้อย่างน้อย 1 แต้ม

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“หลังยวบ แต่ยังยันอยู่” ชลบุรี ตามเจ๊า บีจี สุดมันส์ 1-1

ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 นัดเปิดฤดูกาล เกมบิ๊กแมตช์อยู่ในส่วนของวันอาทิตย์

ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง ชลบุรี เอฟซี ในฐานะเจ้าบ้านและรองแชมป์ช้างเอฟเอ คัพ กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ลงสนามในฐานะแชมป์เก่าและสดๆร้อนๆ กับแชมป์ไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างเลือกเอาระบบ 3-5-2 มาชนกัน

          การแข่งขันใน 45 นาทีแรก เป็นไปอย่างสูสี โดยทางฝั่ง บีจี ปทุม เพรสซิ่งสุดซอย แต่มันไม่ได้บอล นอกเสียจากถอยมาดักในแดนของตัวเอง ส่วนจังหวะการเข้าทำไม่มีปรากฏให้เห็นแบบเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็มาได้ประตูจากความเฉียบคมของ ดิโอโก้ ที่ถอยตัวมายิงเสาแรก ทางฝั่งของชลบุรี เกมรับทำหน้าที่ได้ดี แต่ดันเสียประตูแบบคาดไม่ถึง ขณะที่เกมบุกแกะเพรสซิ่งและโต้กลับได้ดี แต่บอลมักไปตายในแดน 3-4 ของคู่แข่ง ทำให้ในช่วงท้ายครึ่งแรกมีการดันตัวผู้เล่นขึ้นไปค้ำแดนบน เพื่อดักบอลและโจมตีแบบสายฟ้าแลบ กระนั้นแนวรับของทีมเยือนก็ไม่มีผิดพลาดให้      

ช่วงครึ่งแรก บีจี เสียกองหลังตัวหลักอย่าง วิคเตอร์ ไป เช่นกันกับครึ่งหลังที่เสีย ชาตรี ไปอีกคน แต่นั้นกลับไม่ใช่ปัญหา เพราะตัวที่ลงมาสามารถทดแทนได้เป็นอย่างดี กระทั่ง เฮอร์เนสโต้ ที่ลงมาในฐานะตัวสำรองไปเข้าพรวดจนเสียจุดโทษและถูกตีเสมอ 1-1 แถม ยอดรัก ยังมาสมาธิแตกกับการชักศอกใส่คู่แข่งจนโดนแดง ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นเวลาที่วิกฤต แต่ความนิ่งของแนวรับกระต่ายแก้ว ก็ช่วยประคองให้ทีมไม่ถูกยิงแซง อีกทั้งแนวรุกยังหาโอกาสที่จะบวกประตูเพิ่ม แต่มันก็ห่างไกลจากจุดนั้น เพราะแดนกลางของ บีจี ไม่มีตัวประเภทสร้างสรรค์เกม ส่วนทางด้านชลบุรี ครึ่งหลังพยายามเข้าบีบเร็ว แต่เมื่อได้บอลต้องชะลอจังหวะ เพราะยิ่งเร่งยิ่งเสีย ซึ่งการชะลอจังหวะทำให้เจาะประตูยาก เพราะแนวรับคู่แข่งถอยไปแพ็คแน่นแล้ว อย่างไรเสียด้วยผิดพลาดของคู่แข่ง ก็ได้มอบโอกาสยิงตีเสมอให้ 

        สิ่งที่น่าเสียดายของ ชลบุรี ในเกมนี้ คือ โมเมนตัมกำลังเหวี่ยงมาหากับการได้ประตูตีเสมอและได้เปรียบตัวผู้เล่น 1 คน ซึ่งตรงนี้ควรหาทางยิงแซง แต่ดันถอยไปรับและไม่เพรสซิ่งอย่างดุเดือดเหมือนก่อนที่จะตีเสมอ ทำให้รูปเกมที่ปรากฏกลายเป็น บีจี ได้บุก ส่วน ชลบุรี ได้แต่บุกขึ้นไปแล้วเปิดบอลจากริมเส้นซ้าย-ขวา จนจบเกม

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ชลบุรี เอฟซี มีเกมรับที่ดี แต่ดันโชคร้ายกับการเสียประตู ส่วนเกมบุก ความอันตรายลดลงทันทีเมื่อถึงแดนสุดท้ายของคู่แข่ง เพราะตัวเองสปีดบอลช้า จนโดยคู่แข่งแพ็คเกมรับแน่น พลางจะแทงทะลุช่องก็มีเพียง มูริลโล่ ที่เป็นเป้าเดี่ยว ซึ่งยังโชคดีที่ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามพลาดให้ มิเช่นนั้นวันนี้มีสิทธิ์แพ้สูง ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกมรับแน่นขึ้น พร้อมกับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมเก็บแต้มกลับมา ขณะที่การเซตเกมก็ไหลลื่น แต่เกมบุก คือ ปัญหา เพราะไม่ค่อยมีไอเดียที่ชัดเจนเลย ซึ่งถ้าวันนี้ไม่ได้ความเฉียบคมของ ดิโอโก้ วันนี้มีสิทธิ์ถึงแพ้         

ติดตามบทความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover