Categories
Sport

รีวิวโปรแกรมรีโว่ไทยลีก

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีกฤดูกาล 2022/23 นัดที่ 5

ฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 นัดที่ 5 ในโปรแกรมวันศุกร์ ประเดิมสนาม 1 คู่ ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรพลิกโผ ส่วนอีก 3 คู่ในวันเสาร์ อาจจะไม่มีบิ๊กแมตช์ แต่ในแง่ของความกดดันจะเป็นตัวแปรให้เกมการแข่งขันมีความเข้มข้น ฉะนั้นอย่ารอช้าและลงไปไล่ดูรีวิวด้านล่างนี้

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบกับ ลำพูน วอริเออร์ (วันศุกร์, 19.00 น.)

      การออกสตาร์ทของ บีจี ปทุม อาจดูไม่สวยงาม แต่ในนัดที่แล้วถือว่าน่าเสียดายที่อุตส่าห์นำ 0-2 แต่ดันโดนบุรีรัมย์ ตีเสมอ 2-2 แถมมีใบเหลืองว่อนถึง 10 ใบ ส่วนทางฝั่ง ลำพูน การขึ้นมาสู่ลีกสูงสุด คงได้ลิ้มลองแล้วว่าไม่ใช่งานง่าย ซึ่งในนัดนี้ก็เช่นกันที่น่าจะไม่รอดพ้นความพ่ายแพ้ต่อเจ้าบ้าน เพราะเมื่อมองเหลี่ยมไหนราชันโคขาวก็เป็นรองทั้งหมด  

ชลบุรี เอฟซี พบกับ พีที ประจวบ เอฟซี (วันเสาร์, 18.00 น.)

      การออกสตาร์ทของ ชลบุรี ทีแรกดูเหมือนจะน่ากังวล แต่เมื่อผ่านไปแล้ว 4 นัด พวกเขาทำผลงานได้ดีทีเดียว ต่างกับ พีที ประจวบ เล็กน้อยที่การแพ้ 2 นัดติด ทำให้โค้ชโจดูเป็นกังวล แต่เมื่อนัดล่าสุดจัดการโค่น เชียงราย ได้ สถานการณ์ที่ดูกดดันก็คลายลง กระนั้นด้วยการบุกไปเยือนฉลามชล ลูกทีมของโค้ชเตี้ยน่าจะไม่แพ้ในถิ่นของตัวเอง

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี (วันเสาร์, 18.30 น.)

      โคราช เมื่อจะเป็นทีมที่มีการเล่นที่ดีเมื่อผ่าน 3 เกมแรก แต่พอเกมล่าสุดที่บุกไปพ่าย บียู 3-0 มันก็ต้องกลับมาตั้งคำถามว่าสิ่งที่เห็นมาเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า ขณะที่หนองบัว สถานการณ์ย่ำแย่กว่า โดยเฉพาะศึกฟุตบอลรีโว่เกมรุกที่จนถึงตอนนี้ก็ยังยิงใครไม่ได้เลยสักประตู ทำให้สถานการณ์ล่อแหลมที่จะต้องหนีตายแบบสุดๆ ฉะนั้นการเล่นในรังของสวาทแคท พวกเขาน่าได้ 3 แต้มแบบไม่ยากเย็น

การท่าเรือ เอฟซี พบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด (วันเสาร์, 19.00 น.)

      หากเกมล่าสุดไม่ถูกระงับและสกอร์คงค้างตามที่เห็นล่าสุด เชื่อว่าสถานการณ์ของการท่าเรือ จะกดดันว่านี้เป็นเท่าตัว เพราะด้วยการลงทุนที่สูงลิบ แต่ผลงานยังลุ่มดอนๆและไม่เห็นลู่ทางที่ดีขึ้นเท่าไร ส่วนทาฝั่งขอนแก่น การเจอทีมใหญ่พวกเขาเก็บแต้มไม่ได้ กลับกันเมื่อเจอทีมขนาดเท่ากันหรือด้อยกว่า พวกเขาสามารถสอยได้ ฉะนั้นการบุกมาเยือนที่แพท สเตเดี้ยม สิงห์เจ้าท่าน่าจะเบียดชนะได้แบบไม่ยากเย็น

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“รับถ้วยแบบกร่อยๆ”

สุพรรณบุรี  แสบก่อนร่วง เฉือน บุรีรัมย์ 2-1 ปิดท้ายวันรับถ้วย

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดปิดฤดูกาล ณ สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี สุพรรณบุรี เอฟซี ที่ตกชั้นอย่างเป็นทางการแล้วก่อนหน้านี้ จะได้เล่นสั่งลาลีกสูงสุดกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีกประจำปีนี้ ที่มารอรับถ้วยหลังจบเกมส์ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 3-4-3 ส่วนทีมเยือนเป็น 4-4-2 เหมือนเดิม

หลังจากบอลเขี่ยเริ่มเล่นไปได้แค่ 2 นาที สุพรรณบุรี ขึ้นนำ 1-0 แบบสุดเซอร์ไพรส์ โดยจังหวะนี้เป็นการออกบอลยาวจาก เนโต้ ให้ วิลเลี่ยม ได้ลากไปเรื่อยๆ แล้วจัดการยิงไปที่เสาไกล ซึ่งความผิดพลาดของทีมเยือน คือ ศศลักษณ์ ที่ถอยเยอะและเสียหลัก แถมตัวที่อยู่ข้างเคียงก็เข้ามาช้า มิหนำซ้ำ นพพล ก็ควรจะปัดได้ หากดูจากน้ำหนักและทิศทาง 

บุรีรัมย์ เสียประตูเร็ว แต่ก็เดินเกมรุกตามแผนที่วางมา ซึ่งได้เห็นถึงการโจมตีที่มีมิติทางฝั่งซ้าย คือ หากบอลอยู่กับตัวริมเส้น จะหาโอกาสเปิดไปหน้าประตู ส่วนถ้าบอลอยู่กับตัวปีกด้านใน ก็จะแทงให้ 2 กองหน้าได้วิ่งทะลุไลน์ จนสร้างโอกาสและควรยิงได้ 2-3 ประตูด้วยซ้ำ ถ้ายิงได้เฉียบคมกว่านี้ ขณะที่ สุพรรณบุรี สวนกลับแบบนับครั้งได้ แต่การสวนกลับเหล่านั้นค่อนข้างอันตราย เพราะพาบอลมาถึงปากประตูเกือบทุกครั้ง

ครึ่งหลังเริ่มมาได้เพียง 6 นาที สุพรรณบุรี ขึ้นนำ 2-0 จากการวางบอลให้ วิลเลี่ยม ก่อนที่เจ้าตัวจะฝากเพื่อนและรับกลับมาด้วยยิงพุ่งเสียบเสาแรก ซึ่งนี่เป็นอีกครั้งที่แนวรับทีมเยือนเปิดพื้นที่ให้เล่นและผู้รักษาประตูควรพุ่งปัดถึง หลังจากนั้น บุรีรัมย์ ยังคงเดินหน้าต่อ แล้วได้เห็นถึงความแตกต่างตรงการเข้าทำที่เน้นโยนทั้งซ้ายและขวา รวมถึงการจบสกอร์ที่มีประสิทธิภาพ จนมาได้ประตูตีตื้น 2-1 ส่วนในช่วงเวลาที่เหลือ ก็ยังไม่เบาเกมบุก แต่โอกาสทองทั้งหลายดันติดเสาและเซฟของ เนโต้ ทำให้เกมจบลงด้วยสกอร์ 2-1

บทสรุปจากเกม สุพรรณบุรี เอฟซี ยังคงยึดรูปแบบเดิมๆ เพียงแต่ว่าวันนี้มันเข้าทางและได้ผล คือ ให้ วิลเลี่ยม ฉายเดี่ยวและยิงประตู ส่วนรับก็ป้องกันและยื้อไว้ให้มากที่สุด จนสุดท้ายประตูที่เสียนั้นน้อยกว่าประตูที่ยิงได้ ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมรับทำหน้าที่ไม่เยอะ แต่มีรอยแผลตลอด ทั้งๆที่แนวรุกคู่แข่งมีเพียงไม่กี่คน ขณะที่เกมรุกคุมทุกอย่างได้หมด ยกเว้นความเฉียบคมที่โยนทิ้งขว้างไปเสียอย่างนั้น  

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ผลัดกันดี ผลัดกันเด่น”

ชลบุรี 10 ตัวไม่หวั่น ตามเจ๊า ราชบุรี 2-2 เก็บ 1 แต้มกลับบ้าน

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 29 ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามมิตรผล สเตเดี้ยม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่รอดพ้นจากการหนีตายแล้ว จะต้องพบกับ ชลบุรี เอฟซี ที่เหลือแค่ทำอันดับให้ดีที่สุดเท่านั้น สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านและทีมเยือนต่างมาในระบบเดียวกัน คือ 4-2-3-1

      ในช่วง 15 นาทีแรก การบุกของทั้ง 2 ทีมพอมีให้เห็น แต่ไม่หวาดเสียวและอันตราย เพราะการยิงมักห่างจากปากประตู แต่พอเข้าสู่นาทีที่ 16 ราชบุรี มิตรผล ได้ประตูนำก่อน 1-0 โดยในจังหวะนั้นทีมเยือนกำลังเซตบอลอยู่ดีๆ แล้วจ่ายเสียจนโดนฉก จากนั้น ล็องจิล ได้มีพื้นที่แบบมหาศาลในการลากบอล ก่อนจะจ่ายแบบเกือบเบาไปให้ แดร์เลร์ ยิง

      หลังจากเสียประตู ชลบุรี ยังโจมตีทางริมเส้นไม่ค่อยได้ แต่ก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการชิบบอลข้ามกองหลังเจ้าบ้านให้ คานยุบ พักและยิง โดยจังหวะนี้แนวรับเจ้าบ้านพลาดที่ดักล้ำไม่ดีพอ ส่วน กัมพล ก็พลาดที่เลือกยืนป้องกันและไม่ออกมาปิดมุม ทั้งๆที่คนยิงยืนระยะเผาขนเช่นนั้น จากนั้นสถานการณ์ของ ราชบุรี ย่ำแย่ลงกับการเสียตัวผู้เล่นไป 1 คน ซึ่งเป็นเข้าฟาวล์ที่ไม่มีความจำเป็น     

ครึ่งหลังเริ่มไปได้แค่ 3 นาที ล็องจิล ลากเลี้ยงบอลทางริมเส้น พอเห็น กษิตเดช ว่างหน้ากรอบเขตโทษ ก็จัดการจ่ายและยิงเข้าไปเป็น 2-1 ให้ ราชบุรี  ซึ่งจากการนำเร็วและตัวผู้เล่นน้อยกว่า ถือว่าเป็นการออกสตาร์ท 45 นาทีหลังที่สวยหรู อย่างไรเสียทางฝั่ง ชลบุรี ก็ไม่ยอมและพยายามแก้เกมด้วยการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่น จนมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากการ pass and move ระหว่าง มูริลโล่ กับ กฤษดา แล้วจบที่การยิงด้านแคบเข้าไป จากนั้น ฉลามชล ยังคงบุกต่อเนื่อง เพราะตัวผู้เล่นมากกว่า แต่ดันเข้าแดนสุดท้ายไม่ค่อยได้ กลับกันทางฝั่งราชันมังกร ตั้งรับและมีการโต้กลับที่น่ากลัว แต่น็อคไม่สำเร็จเพราะจังหวะสุดท้ายไม่พอดี   

      บทสรุปจากเกม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีช่วงเวลาที่ดีและแย่สลับกันไป ซึ่งในช่วงเวลาที่แย่มักมีความผิดพลาดส่วนบุคคลเข้ามา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องไปติวเป็นรายบุคคล ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี พยายามจะตั้งเกมของตัวเองขึ้นมา แต่มีความผิดพลาดจนเสียประตูและต้องตามตีเสมอ ซึ่งหลังจากตีเสมอ 2-2 พวกเขาถึงได้รุกเต็มสูบ แต่ดันเจอรถบัวขวางจนทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่แต้มเดียว

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ท็อปโฟร์เริ่มไม่แน่”

เมืองทอง ผิดฟอร์ม พ่ายโคราช 2-0 เปิดช่องลุ้นท็อปโฟร์นัดสุดท้าย

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 29 ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เล่นในรังเหย้านัดสุดท้ายแบบไม่มีความกดดัน จะต้องพบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่กำลังมีลุ้นอันดับ 4 เพื่อหวังโควตา ACL ที่อาจส้มหล่นมาถึง ฉะนั้นกิเลนผยองจึงจำเป็นที่ต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-4-2 ส่วนทีมเยือนเป็น 4-1-4-1

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เมืองทอง คุมเกมได้ดีกว่า เพราะสามารถบีบแย่งบอลมาครองได้เรื่อยๆ แต่การโจมตีในแดน 3-4 ทำได้ไม่ถนัดเพราะเจอแนวรับยืนปิดพื้นที่อย่างแน่นหนา กระทั่งการยิงไกลต้องถูกงัดมาใช้ ส่วนทางฝั่ง นครราชสีมา เสียบอลและครองบอลนานๆไม่ได้ ทำให้การโต้กลับมักรีบยิงทันที เพราะกลัวจะเสียและไม่ได้ยิง ขณะที่เกมรับถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ช่วยให้สถานการณ์ไม่เป็นรอง เพราะด้วยการยืนที่หนาแน่นและไม่หลุดตำแหน่งง่ายๆ  

ครึ่งหลัง โคราช กล้าเลี้ยงกล้าลุย และกล้าที่จะวางบอลเพื่อวัด ซึ่งนั่นได้เป็นผลให้พวกเขาได้ประตูนำ 1-0 จากการวางบอลยาวในแดนตัวเองไปให้ ชินทาโร่ แล้วตัวที่ประกบอยู่อย่าง ชาติชาย เสียเหลี่ยมและตัดสินใจเตะให้ล้ม ก่อนที่ คาริคารี่ จะยิงเข้าไป ส่วนทางฝั่ง เมืองทอง พอเจอการรับต่ำและยืนแน่นๆ พวกเขาต้องถ่างบอลออกข้างอยู่ตลอด กลับกันพอ โคราช ได้ทำเกมบุกขึ้นมา ก็ได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับทีมเยือนยืนดักล้ำหน้าพลาด ทำให้ลูกจ่ายทแยงของ ประลอง หลุดทั้งแผง ก่อนที่ อับดุลราฟิค จะเปิดให้ ชินทาโร่ โขกแบบจ่อๆ ขณะที่ 10 นาทีสุดท้าย เมืองทอง ได้บุกแบบจริงจัง ด้วยการแทงและวางบอลไปยังที่ว่างในเขตโทษ แต่พอเข้าแดนสุดท้ายมักตะกุตะกะและไม่ได้ยิง   

      บทสรุปจากเกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เป็นรองในช่วงครึ่งแรก พอเข้าสู้ครึ่งหลังพวกเขาเล่นได้ดีขึ้น แล้วมาได้โชคจากความผิดพลาดของคู่แข่ง ทำให้เล่นง่ายและมีความมั่นใจ จนมาได้ประตูทิ้งห่างทุกอย่างก็เข้าล็อคจนคว้า 3 แต้มเป็นผลสำเร็จ กระนั้นก็ต้องไม่ลืมที่จะชื่นชมแนวรับที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ส่วนทางฝั่ง เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่แข่งไม่เปิดพื้นที่ให้ทำเกมโต้กลับเลย ทำให้อาวุธเด็ดที่เป็นจุดแข็งของตัว ไม่สามารถหยิบออกมาใช้ได้ จนกระทั่งความผิดพลาดส่วนบุคคล ซึ่งเป็นคนหน้าเดิมๆและผิดพลาดแบบเดิมๆ มันก็ส่งผลให้พวกเขาเสียประตู สถานการณ์ของพวกเขาก็ยิ่งบาก สุดท้ายพอต้องแลกก็โดนเพิ่มพร้อมกับการบุกที่อ่อนกำลังไปเอง ซึ่งการพ่ายแพ้แบบนี้ถือว่าเสียหาย เพราะการลุ้นท็อปโฟร์ควรปิดจ็อบตั้งแต่เกมนี้

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“กว่าจะยิงได้ ก็สายเกินไป”

สมุทรปราการไล่ไม่ทัน พ่าย เชียงราย 1-2 ร่วงตกชั้นทีมสุดท้าย

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือเกมนัดปิดฤดูกาล ณ สนาม กกท บางพลี สมุทรปราการ ซิตี้ ที่คว้าชัยชนะนัดสำคัญมา 2 เกมรวด ทำให้เกมนัดนี้มีความหมาย เพราะหากพวกเขาชนะ แล้วประจวบแพ้ เขี้ยวสมุทรจะรอดตกชั้นทันที แต่แน่นอนว่าวันนี้ไม่ง่ายแน่ เนื่องจากคู่ต่อกร คือ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ก็ต้องการจบอันดับให้สูงที่สุด เผื่อมีลุ้นส้มหล่นจากโควตา ACL สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-4-2 ส่วนทีมเยือนเป็น 3-5-2

      ทันทีที่การแข่งขันเริ่มขึ้น สมุทรปราการ วิ่งเข้าหาบอลทุกจังหวะ แต่ปัญหามันติดตรงที่เมื่อพวกเขาได้ครองบอล มันเป็นการเคาะบอลไปเรื่อยๆแบบไม่รู้จะเข้าทำเมื่อไร แล้วเมื่อเสียบอลก็ไปวิ่งไล่เพรสจนได้คืนมา แล้วก็เล่นในลักษณะซ้ำๆไปเรื่อย กลับกันทางฝั่ง ลีโอ เชียงราย พอเจอการเพรสซิ่งและเข้าหาบอลเร็ว พวกเขาก็มีอาการเต้น โดยเฉพาะเมื่อถึงแดน 3 ที่เน้นยิงไกลทันที กระนั้นพวกเขาได้งัดทีเด็ดลูกฟรีคลิกขึ้นมาใช้ แล้วได้ประตูนำ 0-1 จากเปิดของ เก็ทเดอร์สัน แบบมีแฉลบนิดๆ

ครึ่งหลัง สมุทรปราการ พยายามจะโหมบุกให้หนักขึ้น แต่การเล่นลูก open play มันต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวถึงจะมีโอกาส แถมมีโอกาสแต่ยิงวืดไป ตรงข้ามจากลูกฟรีคลิก ที่ดูจะเน้นจนโอกาสชัดเจนกว่า แต่ก็ยังติดเซฟ ซึ่งการโหมตรงนี้พอทางฝั่ง เชียงราย สวนกลับ ก็ได้ยิงทิ้งห่าง 0-2 จาก อัครวินท์ ที่ยิงแบบไม่ต้องเซฟ กระนั้นทางฝั่งเขี้ยวสมุทรก็ยังเดินหน้าต่อ แต่กว่าจะมาได้ประตู 1-2 เวลาก็เหลือแค่หลักเศษวินาทีแล้ว  

      บทสรุปจากเกม สมุทรปราการ ซิตี้ ทำเต็มที่ตามที่ศักยภาพตัวเองจะทำได้แล้ว ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าขุมกำลังนักเตะไม่สอดคล้องกับวิธีการเล่น ดังจะเห็นได้เมื่อพวกเขาครองบอล แล้วไม่รู้จะสร้างจังหวะเข้าทำอย่างไรเมื่อมีแนวรับยืนเต็มพื้นที่อย่างนี้ นอกจากนี้ในความซวยขั้นสุด พวกเขาต้องมาเสียประตูแบบโชคร้ายและหมดปัญญาจะเซฟอีก ทำให้สุดท้ายต้องพ่ายแพ้และตกชั้นไป ส่วนทางฝั่ง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด มีอาการเลั่กลั่กบ้างเมื่อเจอการเพรสซิ่งและเข้าหาบอลเร็ว แต่พอได้ประตูนำ ทุกอย่างก็คลายความกดดันและได้เล่นเกมตามที่ตัวเองถนัด คือ ตั้งรับและโต้กลับ แล้วสุดท้ายก็ปิดจ็อบได้สำเร็จ แม้จะมาเสียประตูในนาทีสุดท้ายของเกม

ติดตาม ข่าวSport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Uncategorized

“ได้คนละแผล”

หนองบัวได้ก่อน ราชบุรีไม่ยอม สุดท้ายจบแบบมิตรภาพ 1-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 28 ในโปรแแรมวันเสาร์ ณ สนามพิชญ สเตเดี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ตอนนี้มีลุ้นทำอันดับติดโควต้า ACL จะต้องพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ขอแค่เก็บสักแต้ม ก็น่าจะอยู่รอดปลอดภัยแบบ 100% สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-2-3-1 ตามเดิม ส่วนทีมเยือนวาง 4-4-2 มาเอาแต้ม

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น หนองบัว พิชญ พยายามใช้ไม้เด็ดที่ตัวเองมี คือ การใช้ลูกตั้งเตะหรือโยนจากด้านข้างไปให้ แฮร์มิลตัน โขก แต่แนวรับทีมเยือนประกบชิดจนแนวรับแนวรุกชาวบราซิลเล่นไม่ถนัด กระทั่งพิษสงไม่คลายออกมา ส่วน ราชบุรี บอลที่เจาะเข้าไปในแดนคู่แข่งจะเริ่มต้นที่ริมเส้น จากนั้นจะมี 2 วิธี คือ ค่อยๆลัดเลาะจากข้างเข้าไปแต่ไม่ได้จบ กับหาทางจ่ายยัดหรือแทงให้ 2 กองหน้า แต่จังหวะจบสกอร์ค่อนข้างห่างไกลประตู เพราะมันไม่ใช่การจ่ายแล้วหลุดเดี่ยว หรือทำให้บอลใกล้ประตู

ครึ่งหลัง หนองบัว พยายามจะใช้ลูกโยนเล่นงานคู่แข่ง แต่ก็ยังไม่มีจังหวะแบบเหน่งๆ กระทั่งในนาทีที่ 59 หนองบัว พิชญ ขึ้นนำ 1-0 จากการโต้กลับ ซึ่งต้องชม แฮร์มิลตัน ที่เบียดแย่งบอลชนะ ปวีร์ ก่อนจะไหลและข้ามหลอกให้ตัวไกลเข้ามายิง ส่วนการป้องกันของทีมเยือนถือว่าทำได้ดีแล้ว แต่พอเจอลูกข้ามหลอกแบบนั้น ยังไงก็ต้องโดนยิง อย่างไรเสียไล่หลังเพียงไม่กี่นาที ราชบุรี มาตามตีเสมอ 1-1 จากการไปฉกบอลจากเท้าของผู้เล่นเจ้าบ้าน ก่อนจะไหลบอลมาถึง ล็องจิล ที่อยู่เสาด้านไกล ซึ่งทำได้แค่ยิงอัดแบบไม่มีทางเลือกเพราะมุมมีน้อย กระนั้นด้วยแรงและเหลี่ยมบอลมันกระดอนเข้าประตูไป จากนั้นในอีก 20 นาทีสุดท้าย ทั้ง 2 ทีมต่างหาโอกาสแลกหมัดกัน โดยพญาไก่ชนยังคงพยายามโยนบอลใส่ ส่วนราชันมังกรจะเป็นลักษณะโต้กลับ ซึ่งมันน่าเสียดายในหลายๆจังหวะที่รีบยิงโดยไม่ลากบอลเข้าไปใกล้อีกหน่อย

บทสรุปจากเกม หนองบัว พิชญ เอฟซี แทบจะไม่มีลูกเล่นอย่างอื่นเลย นอกจากการโยนบอลเข้าไป แต่ยังดีที่มีทีเด็ด และรูปแบบการสวนกลับที่เข้าใจกันจนยิงประตูได้ในที่สุด แต่น่าเสียดายที่ความผิดพลาดส่วนบุคคล เป็นผลให้เสียประตูและเสียแต้มไป ขณะที่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เกมรับสยบตัวอันตรายของเจ้าบ้านได้ดีเยี่ยม แม้จะต้องเสียประตูแบบจำยอม ส่วนเกมรุก การเชื่อมต่อบอลไม่ทั่วถึง ทำให้รูปแบบและระยะการจบสกอร์ไม่อยู่ในวิสัยที่อันตรายพอ กระนั้นยังดีที่การยิงอัดของ ล็องจิล เป็นประตูที่เซฟ 1 คะแนนกลับบ้าน

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“1แต้ม ที่ไม่มีใครต้องการ”

เมืองทอง ระดมบุก แต่สุดท้ายได้แต้มเดียวจาก เชียงใหม่ 1-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 ในโปรแกรมเย็นวันเสาร์ ณ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้ตกชั้นอย่างเป็นทางแล้ว จะต้องพบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เมื่อมองถึงอันดับด้านบน พวกเขาสามารถหวังถึงท็อปโฟร์ได้ หากเกมนี้และเก็บถัดไปสามารถเก็บ 3 แต้มแบบรัวๆ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านกางตำรารับแบบแน่นหนาในระบบ 3-4-2-1 โดยกองหน้าวันนี้ใช้ โบลี่ แทน บิลล์ ที่ไม่ได้ลงสนาม ส่วนทีมเยือนเป็น 4-1-4-1 ตามเดิม

      เกมการแข่งขันช่วงต้น เชียงใหม่ วางบอลแต่ละครั้งมักถึง โบลลี่ ได้ลากเข้าไปยิง รวมถึงความสามารถเฉพาะตัวของ เอกนิษฐ์ ที่ป้อนบอลถึงดาวยิงชาวฝรั่งเศสได้อยู่เรื่อยๆ กระทั่งมาได้ประตูนำ 1-0 จากความผิดพลาดของ อติคุณ ที่จะจ่ายคืนหลังแล้วดันชักช้า ทำให้ โบลี่ ฉกไปยิงแบบง่ายๆ จากนั้น เมืองทอง ยังคงเล่นในสไตล์เดิม คือ ขึ้นบอลจากด้านหลังไปยังข้างหน้า แต่กว่าจะสร้างโอกาสได้เวลาก็ล่วงเลยไปกว่า 30 นาทีแล้ว โดยการเข้าทำที่ดูวูบวาบขึ้นมาจะเป็นในลักษณะวางบอลเข้าไปกรอบเขตโทษ แล้วแปะไปที่ว่างให้เพื่อตัวเติมเกมเข้ามาจบสกอร์ 

ครึ่งหลัง เมืองทอง ปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกมบุกมาเป็นการวางบอลข้ามไลน์กองหลัง ซึ่งมันสร้างโอกาสยิงแบบทันทีได้หลายหน จนมาสำเร็จในนาทีที่ 58 จาก อานิเยร์ ที่วิ่งทะลุไลน์ขึ้นมาเพื่อรับบอล แล้วจัดการกระดกข้ามหัวโกว์เข้าเสาไกลแบบเหนือชั้น จากนั้นกิเลนผยองมีโอกาสเรื่อยๆ แต่การวางบอลเข้าไลน์ที่เคยได้ผล ไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เพราะแนวรับเจ้าบ้านยืนซ้อนอย่างเป็นระเบียบ กระนั้นพอใช้ลูกโยนใส่ ก็ได้แค่เกือบเท่านั้น ส่วนทางฝั่ง เชียงใหม่ ช่วงต้นเกมรับหละหลวมจนโดยยิงตีเสมอ แต่หลังจากนั้นยืนได้แน่นและช่วยกันเซฟ 1 แต้มไว้

บทสรุปจากเกม เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเล่นให้ดีแบบพร้อมเพรียงกันได้ โดยในนัดนี้เกมรุกเล่นดีช่วงต้น เล่นแย่ช่วงกลางถึงท้าย ส่วนเกมรับเล่นดีช่วงต้น เล่นแย่ช่วงกลาง เล่นดีช่วงท้าย ทำให้การได้ 1 แต้ม เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว ขณะที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด การได้ 1 แต้ม ถือเป็นความเสียหายและต้องโทษความผิดพลาดส่วนบุคคลที่ไม่ควรจะพลาดในจังหวะง่ายๆแบบนั้น ส่วนเกมรุกต้องตำหนิที่เครื่องร้อนช้า กระนั้นยังดีที่มาแก้ตัวได้ในครึ่งหลัง แต่มันน้อยและไม่เพียงพอที่จะเป็น 3 แต้ม

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ทำดีที่สุดแล้ว”

บีจี หมดลุ้นแชมป์ แต่โชว์สปิริตเก็บชัยเหนือ โคราช  3-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 ในโปรแกรมคืนวันอาทิตย์ คู่สุดท้ายของสัปดาห์นี้ ณ สนามปทุมธานี สเตเดี้ยม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่รั้งรองจ่าฝูงของตาราง จะต้องพบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่สถานการณ์ยังสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น ฉะนั้นในวันนี้จำเป็นอย่างที่จะต้องเก็บแต้มออกไปให้ได้ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ทั้งเจ้าบ้านและทีมเยือนต่างในระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน

      บีจี ปทุม ออกสตาร์ทเกมนี้ไม่ค่อยวูบวาบเท่าไร เพราะการครองบอลและจบสกอร์ไปไม่ถึงแดนสุดท้าย จะมีลุ้นก็จากฟรีคลิก นอกจากนี้การจ่ายบอลในแดนตัวเองยังเสียให้คู่แข่งเอาไปจู่โจม กระนั้นยังดีที่แนวรุกนครราชสีมา ไม่สามารถพาบอลเข้าพื้นที่กรอบเขตโทษได้ กระทั่งการยิงไม่มีความอันตราย จากนั้นเมื่อเกมผ่าน 25 นาที บีจี ปทุม เริ่มต่อบอลและพาเข้าพื้นที่อันตรายได้มากขึ้น ซึ่งนิยมขึ้นทางฝั่งขวาด้วยกาจ่ายทแยงหรือวางเข้าไป แต่สุดท้ายก็ยังติด พิศาล ที่ยืนตำแหน่งดีและบินเซฟได้อยู่

ครึ่งหลัง โคราช แก้เกมโต้กลับได้ดีกับการวางบอลไปทางด้านข้างเพื่อให้แนวรุกได้เก็บ ก่อนจ่ายเข้าแดนอันตราย ขาดเสียเพียงการจบสกอร์ที่ยังไม่เหน่งเท่าไร กลับกันทางฝั่ง บีจี ปทุม พอมีโอกาสก็ขึ้นนำ 1-0 ทันที โดยจังหวะนี้เป็นการยิงนอกกรอบ แนวรับยืนปิดได้ดีแล้ว แต่ พิศาล กะจังหวะบอลกระดอนไม่ดี ทำให้เมื่อปัดไม่โดนก็เข้าประตูไป จากนั้น บีจี ปทุม พยายามประคองตัวแล้วมาได้ประตู 2-0 จาการโต้กลับ ซึ่งการเอาบอลลงของ วรชิต นับเป็นที่น่าชื่นชม เพราะมันทำให้จังหวะต่อมาเล่นง่าย ก่อนจะประสานกับ ธีรศิลป์ และจัดการส่งบอลเจ้าสู่ก้นตาข่าย ส่วนประตู 3-0 มาติดๆ จากการตัดบอลและจ่าย 3 จังหวะ แล้วยิงโล่งๆ

      บทสรุปจากเกม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เริ่มต้นเกมแบบไม่วูบวาบเท่าไร อีกทั้งยังมีความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ แต่พอเวลาผ่านไป พวกเขาเร่งระดับของเกมรุกได้ กระทั่งมาได้ประตูในครึ่งหลัง อีกทั้งการโต้กลับและฉกบอลจากคู่แข่ง ก็ได้ช่วยให้พวกเขายิงทิ้งห่าง ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับทีมที่มีมิติหลากหลาย ขณะที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ครึ่งแรกเล่นเกมรับได้ดีพอควร ส่วนเกมรุกมีโอกาสแต่ไม่อันตรายพ กลับกันในครึ่งหลัง เกมรุกแก้ทางมาดีและเกือบนำก่อน อย่างไรเสียพอโดนยิงไปก่อน เกมรุกเกมโต้กลับก็หายไป มิหนำเกมรับได้เปิดรูรั่วอีก ทำให้สุดท้ายกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“ดึงเสื้ออาจารย์จนได้เรื่อง”

“ดึงเสื้ออาจารย์จนได้เรื่อง” ขอนแก่น 10 ตัวต้านไม่ไหว โดน บียู ตามเจ๊า 2-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แข้งเทพ ที่ในตอนนี้ได้แค่ประคองจบอันดับที่ 3 จะต้องพบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ก็ลอยลำจากการหนีตายแล้วเช่นกัน ทำให้เกมนัดนี้ไม่ค่อยมีความกดดันมากนัด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-3-3 ส่วนทีมเยือนวาง 5-3-2 เพื่อตั้งรับแบบเต็มอัตราศึก

การแข่งขันเริ่มไปเพียง 4 นาที ขอนแก่น ชิงนำก่อน 0-1 จากการต่อบอลขึ้นมา ซึ่งการให้บอลของ เมโล่ ถือเป็นการหลอกแนวรับเจ้าบ้านแบบตายสนิท เพราะเหมือนจะเปิด แต่เปลี่ยนมาชิบให้เพื่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านต่อไปยัง อิสลามี่ ได้ยิงแบบเผาขน จากนั้นรูปเกมของ ทรู แบงค็อก แข้งเทพ ยังไม่ดีขึ้น แถมยังเล่นผิดพลาดจนเกือบเพิ่ม สุดท้ายนาทีที่ 10 พวกเขาไม่รอดพ้นต่อการเสียประตูที่ 2 โดยในจังหวะนี้เป็น วรุฒ ที่ออกมาตัดบอลแล้วเตะพลาด ทำให้โดน เมโล่ ตามไปยิงง่ายๆเป็น 0-2

หลังจาก บียู โดนทิ้งห่าง 2 ประตู รูปเกมก็ยังทรงๆ กระทั่งนาทีที่ 34 จุดเปลี่ยนก็ได้เกิดขึ้น ซึ่งเริ่มจากความผิดพลาดในการยืนป้องกันของแนวรับทีมเยือน ทำให้แรวรุกของ บียู ได้วิ่งควงคู่มายิงระยะเผาขนเป็น 1-2 แล้วจากจังหวะนี้ผู้เล่นของ ขอนแก่น พยายามจะประท้วงว่ามีการฟาวล์เกิดขึ้น กระทั่งมีการถกเถียงแล้วจบที่ วิเอรา พยายามจะไปดึงเสื้อผู้ตัดสินให้ไปดูอะไรบ้างอย่าง แต่ด้วยการดึงที่รุนแรงมันมีผลให้ผู้ตัดสินต้องควักใบแดงไล่เจ้าตัวออกไป จากนั้นในอีก 10 นาทีกว่าๆในครึ่งแรก แข้งเทพโหมเต็มที่และน่าได้ประตูตีเสมอ ทั้งๆที่มีโอกาสแบบจ่อๆแล้ว

ครึ่งหลังเป็น บียู ที่โหมกระหน่ำข้างเดียว จนมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 78 ซึ่งฝ่ายป้องกันอย่าง ขอนแก่น ถือว่าทำเต็มที่แล้ว กระนั้นในอีก 10 นาทีกว่าๆ เจ้าบ้านมีอัตราเร่งเกมบุกลดลง แต่ก็ยังมีโกาสแล้วยิงแซงไม่ได้เอง

บทสรุปจากเกม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แข้งเทพ เปิดหัวด้วยฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ กระทั่งการตีไข่แตกเป็น 1-2 และทีมเยือนเหลือ 10 คน มันได้พลิกโมเมนตัมให้พวกเขากลับมา กระทั่งมีรูปเกมที่เหนือกว่าจนแบ่งแต้มได้ กระนั้นหากเทียบกับโอกาสที่พวกเขามี การได้ 1 แต้มถือว่าน่าผิดหวัง ส่วนทางฝั่ง ขอนแก่น ยูไนเต็ด การประสานงานที่ยอดเยี่ยมในเกมรุก นำพาให้พวกเขาออกนำไปก่อน 0-2 กระทั่งความใจร้อนรายบุคคล มันเป็นผลให้ทีมต้องเผชิญกับความยากลำบาก สุดท้ายจาก 3 จึงเหลือแต้มเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover

Categories
Sport

“แมวข่วนโอ่ง”

นครราชสีมา Fได้ชาร์ลี โขกเฉือน ราชบุรี 1-0 โอกาสรอดตายเปิดกว้าง

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 ในโปรแกรมเย็นวันเสาร์ ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ตอนนี้ต้องหนีตกชั้นแบบสุดชีวิต จะต้องพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่สถานการณ์ไม่อันตราย แต่ก็ไม่ควรพ่ายแพ้ออกไป ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-2-3-1 ส่วนทีมปรับเป็น 4-4-2

      ในช่วงต้นเกม ราชบุรี ดูดีกว่าชัดเจนจากโจมตีทางริมเส้นและลูกเตะมุม ซึ่งมันสร้างโอกาสได้ดีและน่าเป็นประตูหลายหน กระนั้นเมื่อมีโอกาสเท่าไรแล้วทำไม่ได้เสียที เกมรุกก็เริ่มหายไปเมื่อผ่านครึ่งทางของ 45 นาทีแรก ส่วนทางฝั่ง โคราช ต้นเกมเป็นรอง จนได้แค่ตั้งรับและรอสาดบอลยาวไปข้างหน้า แล้วเป็นเรื่องดีที่เอาตัวรอดมาได้แบบไม่เสียประตู ทำให้เมื่อเกมผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาสามารถตั้งเกมของตัวเอง พร้อมกับต่อบอลจากด้านข้างเข้าไปหาหน้าประตู กระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรก สวาทแคทมาได้ประตูนำ 1-0 จากการโหม่งของ ชาร์ลี ซึ่งการโขกลูกนี้อาจจะมีทิศทางที่ไม่ดี แต่มันได้เรื่องความแรง นอกจากนี้ต้องกล่าวโทษ ปวีร์ ที่ไปเสียเหลี่ยมให้คู่แข่งอยู่ด้านหน้าตัวเองแบบไม่เข้าไปเบียดรบกวน   

ครึ่งหลัง ราชบุรี พยายามจะบุกเข้าใส่ แต่เจ้าบ้านรับเหนียวและยืนตำแหน่งได้ดี ทำให้การพาบอลเข้าไปป่วนในแดนสุดท้าย ไม่ค่อยมีปรากฏให้เห็น กลับกันทางฝั่ง โคราช ได้โต้กลับอยู่เรื่อยๆ อีกทั้งการโต้กลับหรือทำเกมบุก ก็ได้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนเมื่อถึงแดน 3 ซึ่งจะใช้การโยกหาช่องแล้วจ่ายหรือเปิดแทนการโจมตีทางริมเส้น ซึ่งมันสร้างโอกาสได้เรื่อยๆ แต่สวาทแคททำไม่ได้เอง  

บทสรุปจากเกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ออกสตาร์ทเกมนี้ด้วยการโดนถล่มใส่ แต่เมื่อรักษาสกอร์ได้ ตรงนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนแรกของเกม จากนั้นจุดเปลี่ยนที่ 2 คือ การได้ประตูนำก่อนหมดครึ่งแรก ซึ่งมันทำให้พวกเขาเล่นง่ายในครึ่งหลัง แต่มันก็น่าเสียดายที่มีโอกาสยิงเพิ่มแล้วทำไม่ได้ กระนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้น 3 แต้ม ที่ช่วยให้การหนีเปิดกว้างแบบสุดๆ ขณะที่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เล่นดีเพียง 20 นาทีแรกของเกม แต่พอยิงนำไม่ได้รูปเกมเริ่มเริ่มดรอป แล้วยิ่งซ้ำร้ายกว่านั้น คือ การเสียประตูก่อนจบครึ่งแรก อย่างไรเสียพวกเขามีเวลามากมายใน 45 นาทีหลัง แต่เพราะตัวเองไม่มีน้ำยา ทำให้ไม่สามารถทวงคืนประตูกลับมาและเอาแต้มออกไปได้  

ติดตามความ Sport ในทุกสัปดาห์ได้ที่ tarutaofc.com

FB : Sport lover